เลือกตั้งและการเมือง

“จิรายุ” นำกำลังเจ้าหน้าที่กว่า 150 นาย บุกปิดสวิตช์แบรนด์เนมเก๊ พบร้านเต็มห้างย่านปทุมวัน

โดย chutikan_o

23 พ.ค. 2568

710 views

ฉก.รัฐบาล จัดกำลังเจ้าหน้าที่ 150 ทั้งตำรวจและฝ่ายปราบ พณ. บุกปิดสวิตช์แบรนด์เนมเก๊ เต็มห้างย่านปทุมวัน พบมีกว่า 100 ร้านค้า ตามเมืองใหญ่พบบัญชีลับ จ่ายส่วยเข้ากระเป๋าเจ้าหน้าที่ปีละกว่า 2 พันล้านบาท วางเป้าไทยต้องหลุดบัญชีถูกจับตาปัญหาลิขสิทธิ์

วันนี้ (23 พ.ค. 2568) เวลา 12.30 น. นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่ารัฐบาลภายใต้การนำของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ให้ความสำคัญการแก้ปัญหา “การละเมิดลิขสิทธิ์“ ทุกประเภทอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เป็นการดำเนินการที่สอดคล้องกับพันธกรณีภายใต้กรอบองค์การการค้าโลก (WTO) ที่ประเทศไทยเข้าเป็นสมาชิก  

ได้รับมอบหมายจากเลขาธิการนายกรัฐมนตรี หลังจากศูนย์รับเรื่องร้องเรียน สำนักนายกรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล 1111 รับเรื่องร้องเรียนธุรกิจผิดกฎหมายและอบายมุขเข้ามาเป็นจำนวนมาก ทั้งเจ้าหน้าที่รับสินบนกระทำความผิดกฎหมาย มากกว่า 2,000 เรื่อง อาทิ เรียกรับสินบนเพื่อไม่ให้ดำเนินคดี การจ่ายส่วยเจ้าหน้าที่ ทั้งแรงงาน และการเปิดเว็บไซต์ เว็บโป๊ หรือช่องทางในการเล่นการพนันออนไลน์ การขายบุหรี่ไฟฟ้า การปล่อยผ่านสินค้าผิดกฎหมายผ่านแดน

ทั้งนี้ ตลอด 2 เดือนที่ผ่านมา ทีมฝ่ายสืบสวน ชุดเฉพาะกิจ ได้ลงพื้นที่ทั่วประเทศตรวจสอบพบว่า มีการลักลอบนำเข้าและเปิดขาย สินค้าผิดกฎหมาย ละเมิดลิขสิทธิ์ อย่างโจ๋งครึ่ม มีความโยงใยไปถึงขบวนการค้ามนุษย์ ค้าแรงงาน ที่ผิดกฎหมาย เข้ามาในรูปแบบนักท่องเที่ยว แต่มาทำงานเป็นพนักงานขาย ตามห้างสรรพสินค้าทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ในหลายจังหวัด อาทิ กรุงเทพ เชียงใหม่ ขอนแก่น ภูเก็ต เมืองพัทยาและจังหวัดท่องเที่ยวที่สำคัญหลายแห่ง

โดยรายงานที่ได้รับกรณีขายของละเมิดลิขสิทธิ์ ระบุว่า จะจ่ายสินบนให้กับเจ้าหน้าที่ ตั้งแต่ห้าหมื่นบาทไปจนถึงแสนบาทต่อเดือน ต่อร้านค้าขึ้นอยู่กับขนาดและจำนวนสินค้า ซึ่งข้อมูลระบุว่า มีเงินหมุนเวียนเหล่านี้ไปยังเจ้าหน้าที่กลุ่มนี้ ปีละไม่น้อยกว่า 200 ล้านบาทต่อเดือนต่อพื้นที่ และรายงานพบว่า เจ้าหน้าที่หลายแห่งใช้บัญชีม้า มีมือทำงาน รับโอนเคลียร์ ส่วนหากจะเปิดเว็บไซต์ เว็บพนัน เว็บโป๊ เว็บผิดกฎหมาย หากไม่อยากถูกจับกุมจะต้องจ่าย URL. ละ 2-5 หมื่นบาท ซึ่งแต่ละเจ้า จะมี URL ต่อเว็บเว็บละ กว่า 20 URL ซึ่งจากข้อมูลพบว่า บางจังหวัด มีมากกว่า 1 พัน URL ทั้งนี้เชื่อว่า มีเงินสะพัดในระบบเหล่านี้ ปีละหลายพันล้านบาท ซึ่งข้อมูลที่สำนักนายกรัฐมนตรี ได้รับรายงานคณะทำงานจะดำเนินการกลั่นกรองส่งดำเนินการให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ ปปท. ปปง. DSI ต่อไป

นายจิรายุกล่าวต่อไปว่า หลังจากรวบรวมข้อมูล และลงพื้นที่ หลายจังหวัดมากว่า 3 เดือน วันนี้ เวลาประมาณ 12.30 น. ที่ห้างสรรพสินค้าย่านปทุมวัน กรุงเทพมหานคร ชุดเฉพาะกิจซึ่งประกอบไปด้วยหน่วยเฉพาะกิจ กระทรวงพาณิชย์สำนักงานตำรวจแห่งชาติสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้ลงพื้นที่

พร้อมด้วยพลตำรวจตรี ทัศน์ภูมิ  จารุปรัชญ์ ผู้บังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) พร้อมชุดเฉพาะกิจตำรวจ 120 นาย เจ้าหน้าที่ ฝ่ายปราบปรามกรมทรัพย์สินทางปัญญากระทรวงพาณิชย์จำนวน 30 นาย เข้าจับกุม ผู้กระทำความผิดที่บริเวณชั้น 1-4 ซึ่ง 4 ชั้นดังกล่าวเปิดขายอย่างโจ๋งครึ่มมานานนับปี  ส่วนหนึ่งปิดร้านหนีเจ้าหน้าที่ ทำให้เข้าใจว่า มีข่าวรั่วตั้งแต่ช่วงเช้า ทั้งนี้ ผู้บังคับการตำรวจปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ บก.ปอศ จะรายงานสรุปผลการจับกุมและของกลางดังกล่าว  ซึ่งคาดว่า มีจำนวนมาก

ข้อมูลพบว่า เจ้าของที่เช่าพื้นที่กับห้างย่านปทุมวันนั้นตรงกับรายงานลับว่า มีทั้งคนไทยและคนต่างด้าว แต่จะใช้ชาวต่างด้าวที่มาจากประเทศในเอเซียที่พูดภาษาอังกฤษได้เป็นคนขายหน้าร้าน ซึ่งเจ้าหน้าที่จะตรวจสอบการเข้ามาในประเทศต่อไป  สำหรับผู้ซื้อส่วนใหญ่จะเป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ จะซื้อสินค้าแบรนด์เนมซึ่งเป็นของก๊อปปี้ เช่นกระเป๋าเดินทางชื่อดังบางรุ่นของแท้ราคา 4-5 แสนบาทขายเพียง 7,500 บาท กระเป๋าแบรนด์เนม หรือแม้กระทั้งนาฬิกายี่ห้อ “ป” ของจริงราคาเกือบ 5 ล้าน ก็สามารถซื้อได้ ราคาแค่หลักพันเท่านั้น

ทีมเฉพาะกิจสืบพบว่า สาเหตุที่ขายกันอย่างไม่เกรงกลัวกฎหมาย เป็นเพราะมีบุคคลซึ่งเป็นนายหน้ารับเคลียร์โดยกล่าวอ้างว่า เคลียร์เจ้าหน้าที่แล้ว โดยกรณี “ห้างย่านปทุมวัน” ระบุว่า ได้จ่ายสินบนให้กับเจ้าหน้าที่หลายหน่วยงาน ซึ่งรายงานลับ จากการร้องเรียนผ่าน “1111” ทำเนียบรัฐบาลได้รับทราบข้อมูล หน่วยงานต่างๆ รวมทั้งบุคคลผู้รับเคลียร์หน้าเสื่อให้กับเจ้าหน้าที่ ทั้งพื้นที่ และหน่วยอื่น มีชื่อว่า น.ส.อ นาย ต. และ สารวัตร น. ซึ่งจะดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลต่อไป

นายจิรายุ กล่าวอีกว่า สำหรับสถานการณ์ที่สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐอเมริกา (USTR) ประกาศสถานการณ์คุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาของประเทศคู่ค้ารายสำคัญ ภายใต้กฎหมายการค้าสหรัฐฯ มาตรา 301 พิเศษ (Special 301) ประจำปี 2568 โดยคงสถานะไทยอยู่ในบัญชีประเทศที่ต้องจับตามอง (Watch List: WL) นั้น ปัจจุบันกรมทรัพย์สินทางปัญญาเตรียมชี้แจงสหรัฐฯ ถึงพัฒนาการและดำเนินการตามแผนงานด้านทรัพย์สินทางปัญญา (IP Work Plan) เพื่อผลักดันให้ไทยหลุดจากทุกบัญชี แม้ว่าสหรัฐฯ ยังคงสถานะไทยที่ WL แต่ก็ได้ชื่นชมการดำเนินการคุ้มครองและป้องปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาของไทย โดยเฉพาะการแก้ไขปรับปรุงกฎหมาย 2 ฉบับ คือ กฎหมายลิขสิทธิ์และกฎหมายสิทธิบัตร รวมถึงการกำกับดูแลองค์กรจัดเก็บค่าลิขสิทธิ์ (Collective Management Organizations: CMOs) ที่ได้ดำเนินการตามหลักปฏิบัติที่ดีในการบริหารการจัดเก็บค่าลิขสิทธิ์เพลง (Code of conduct) ใช้เครื่องหมายรับรอง CMOs รวมถึงการบูรณาการหน่วยงานของไทยในการป้องปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา

“รัฐบาล เร่งบูรณาการทำงานกับทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมทรัพย์สินทางปัญญา เพื่อขจัดปัญหาสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ รวมทั้งปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ ที่แทรกซึมผ่านระบบเศรษฐกิจและกฎหมายไทย เพื่อให้ไทยหลุดจากบัญชี  Watch List (WL) โดยเร็ว ทั้งนี้ รายงานที่ส่งมายังคณะทำงานพบว่า มีเจ้าหน้าที่ของรัฐหลายส่วนเข้าไป พัวพันในการรับสินบน จากผู้นำเข้า ผู้ขายและการขายสินค้าผ่านออนไลน์ จนสามารถเปิดขายได้ตามร้านค้า ตามเว็บไซต์ทั่วไปเป็นจำนวนมาก ซึ่งบัญชีดำของเจ้าหน้าที่รับสินบนจะถูกดำเนินการต่อไป  ทั้งนี้ หากพบเห็นการจำหน่ายสินค้าที่มีเครื่องหมายการค้าปลอม สินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ หรือเจ้าหน้าที่ รับสินบน แจ้งเบาะแสได้ที่  สำนักนายกรัฐมนตรี โทรศัพท์หมายเลข 1111 หรือ ส่งจดหมายมาที่ “เสียงจากใจไทยคู่ฟ้า” เลขที่ 1 ทำเนียบรัฐบาล กทม. 10300 และjirayu9000@gmail.com” นายจิรายุกล่าว



คุณอาจสนใจ

Related News