"สส.เท้ง" ลั่นคนที่เจ็บกว่าคือ "สส.กฤษฎิ์" ขอโทษหลังถูกตั้งคำถามถึงระบบคัดคน พร้อมแจงวิธีปรับปรุงการตรวจสอบ

สส.เท้ง ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ในรายการกรรมกรข่าวคุยนอกจอ เผยในฐานะหัวหน้าพรรค คือต้องรับฟังทุกคน แต่ส่วนตัวแล้วหลังพูดคุยกันก็พบว่าเดินต่อด้วยกันไม่ได้ เพราะเขาเอาตัวเองเป็นที่ตั้งมากเกินไป และทางคุณ สส.กฤษฎิ์เองก็ทราบอยู่แล้วว่าตัวเองเป็นฝ่ายค้าน ตนไม่ได้ปฏิเสธว่าถ้าจะมีการประสานงานไปยังรัฐมนตรีหรือหน่วยงานในพื้นที่ แล้วได้รับการแก้ไขปัญหาได้ ประสานได้เลย เราไม่ได้ติดขัด แต่การที่ใช้เป็นข้ออ้าง ว่าไปอยู่กับเขาแล้วประสานง่ายขึ้น อยู่กับพรรคแล้วไม่สามารถดำเนินการกลไกอะไรแบบนี้ได้เลย อันนี้มองว่าเป็นข้ออ้างที่ฟังไม่ขึ้น


เมื่อถูกถามว่าแม้ไม่ขับพ้นพรรค แต่ สส.กฤษฎิ์ ก็จะไปนั่งกับพรรคกล้าธรรม และยกมือสวนมติพรรคประชาชนนั่นเจ็บหรือไม่ สส.เท้ง เผยว่า คนที่ไม่ได้ดั่งที่เขาต้องการ ถึงจะเรียกว่าเจ็บมากกว่า ซึ่งน่าจะเป็นที่ฝั่งคุณกฤษฎิ์มากกว่า ในส่วนของพรรคเอง ผมเชื่อว่ามาตรการที่เราแถลงออกมาและตัดสินใจออกมาคงจะเป็นมาตรการที่เหมาะสม และเข้มข้นที่สุดแล้ว


นอกจากนี้ สส.เท้ง ยังขอโทษในกรณีที่เกิดขึ้น รวมทั้งเรื่อง ผู้สมัคร สท.ค้ายา แต่อยากให้มองเป็นเคสต่อเคส ซึ่งกรณี สท. ตรวจสอบย้อนหลังไม่พบประวัติมาก่อน จนมาถูกตำรวจจับในรอบนี้ ซึ่งแน่นอนที่สุดว่าอาจมีเสียงสะท้อนและตั้งคำถามถึงกระบวนการคัดคนเข้ามาว่าไม่มีการสอบถามประวัติจากคนรอบข้างหรือ ซึ่งนี่ก็เป็นกระบวนหนึ่งที่เราพยายามพัฒนากระบวนการในการคัดสรรคนให้เปิดกว้างมากขึ้น


ที่ผ่านมาเราพยายามมีกระบวนการรับฟังเยอะ กับอีกอย่างคือกระบวนการที่เรียกว่า ประชาสัมพันธ์ คือการส่งชื่อผู้สมัครเวียนไปตามหาวิทยาลัย หน่วยงาน หรือสื่อมวลชนต่าง ๆ และจะมีคนให้ข้อมูลเข้ามาหลังบ้านว่าผู้สมัครท่านนี้มีประวัติไม่ดีแบบไหนบ้าง ที่ไม่ได้อยู่ในประวัติอาชญากรรม ซึ่งกระบวนการแบบนี้ก็สั่งการไปแล้วบางส่วนว่า ถ้าเป็นไปได้เราก็อยากเปิดให้สมาชิกพรรคมีส่วนช่วยเหลือมากขึ้นตั้งแต่ในระดับพื้นที่ จังหวัด จนสุดท้ายมาถึงกรรมการบริหารพรรค และใครที่มีข้อมูลหลังบ้านก็ส่งมาให้พรรคได้ เปิดช่องให้มีการตรวจสอบถี่ขึ้น และเมื่อได้รายชื่อแล้ว ก็ประกาศให้ประชาชนช่วยตรวจสอบ ก่อนที่จะเคาะให้เข้าไปสมัคร


เชื่อว่าถ้ามีกระบวนการที่ดีแบบนี้แล้วเกิดเหตุขึ้นอีก ประชาชน และสมาชิกพรรคทุกคนมีส่วนร่วมในการตรวจสอบแล้วเนี่ย ต่อไปถ้าเกิดเหตุแบบนี้ขึ้นอีก ก็จะเป็นสิ่งที่ทุกคนเห็นแล้วว่าเป็นเหตุสุดวิสัยจริง ๆ ถ้ามองในเชิงระบบ ไม่ใช่ในเชิงบุคคล ตอนนี้พรรคมีทางออกแล้ว ระบบได้สั่งการให้ปรับปรุงแล้ว