นายกฯ รับเสียดาย “ทักษิณ” อดไปกาตาร์คุย “ทรัมป์” ยืนยันพ่อป่วยจริง ห้ามความคิดใครไม่ได้

“นายกฯ” รับเสียดาย “ทักษิณ” อดบินไปกาตาร์เพื่อคุย “ทรัมป์” ยืนยันพ่อป่วยจริง ส่วนใครจะคิดอย่างไรก็ห้ามไม่ได้ ชี้มติแพทยสภาว่าไปตามกระบวนการ เผยพ่อเตรียมไปศาล 13 มิ.ย.ย้ำ เหตุเกิดก่อนตัวเองเป็นนายกฯ ไม่ทราบสหรัฐฯ ปลดล็อกแบนวีซาเจ้าหน้าที่ไทย ปมส่งตัวอุยกูร์แล้วหรือไม่ ยันตนไม่เคยถูกแบนเข้าสหรัฐฯ

นางสาวแพทองธาร ชินวัตรนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่แพทยสภามีมติ ลงโทษแพทย์ จากกรณีนายทักษิณชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีเข้าพักรักษาตัวที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจปรากฏการณ์ดังกล่าวมองว่าเป็นการล้อมกรอบพรรคเพื่อไทย และมองกันว่าเป็นการแบ่งชนชั้นว่า ที่จริงแล้วเรื่องนี้ยังไม่มีข้อยุติว่าเป็นอย่างไร และยังไม่มีแพทยสภาคนใด ที่ออกมาพูดว่านายทักษิณป่วยจริงหรือไม่จริง ยังไม่ได้มีข้อสรุปตรงนี้และทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการ จะแปลว่าอย่างไรก็ไม่ทราบจริงๆ ส่วนจะเป็นชนชั้นอะไรอย่างไรก็ไม่ทราบ เพราะไม่เคยมีเรื่องนี้เกิดขึ้นเลย

ผู้สื่อข่าวถามว่าหลังแพทยสภามีมติออกมา จะมีผลอะไรตามมากับนายทักษิณหรือไม่ นางสาวแพทองธาร กล่าวว่าไม่มีและคุณพ่อเตรียมที่จะชี้แจงแค่นั้น เป็นการชี้แจงไปตามข้อเท็จจริง เมื่อถามย้ำว่าประเด็นนี้สามารถแจงสังคมได้ใช่หรือไม่นางสาวแพทองธารกล่าวว่า แจงได้ และพูดมาตลอดว่า นายทักษิณอายุมากแล้ว และเคยเป็นโควิดตั้งแต่ ก่อนกลับประเทศไทยตอนอายุประมาณ 72 ปี ตนจำได้เพราะไม่สบายหนัก และมีประวัติเรื่องนี้อยู่แล้ว ตั้งแต่การรักษาที่เมืองนอก และเกี่ยวเนื่องกันมา ที่ไม่เรื้อรังก็มี และในทางการแพทย์ประวัติการรักษาชี้แจงได้อยู่แล้ว ผู้สื่อข่าวถามว่าประเด็นนี้ถูกหยิบมาโจมตีนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ว่าเป็นการป่วยทิพย์ นางสาวแพทองธาร กล่าวว่า เราชี้แจงตามข้อเท็จจริง ถ้าใครจะคิดอย่างไรไม่สามารถห้ามได้ ส่วนเรื่องผลกระทบต่อตน เรื่องนี้เกิดขึ้นตั้งแต่ก่อนเป็นนายกรัฐมนตรีหลายเดือน จึงชัดเจนด้วยกรอบของเวลา ซึ่งไม่รู้จะชี้แจงอย่างไร

เมื่อถามว่า ในวันที่ 13 มิถุนายนนี้นายทักษิณจะไปขึ้นศาลตามกระบวนการใช่หรือไม่นางสาวแพทองธารกล่าวว่า "ใช่ค่ะ" เมื่อวันที่ 12พฤษภาคม เพิ่งเจอกันก็บอกแบบนั้น

ส่วนขณะนี้ นายทักษิณกับนายกรัฐมนตรีอาจจะยังไม่มีผลกระทบจากมติแพทยสภา แต่แพทย์ที่ทำการรักษาได้รับผลกระทบแล้ว3 คน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ต้องชี้แจงกันต่อไป แต่ไม่ใช่ว่าตนเองไม่มีผลกระทบ เพราะกระทบมาตลอดอยู่แล้ว กระทบมาตั้งแต่มีคำตัดสินให้ติดคุก มาตั้งแต่ตอนนั้น ตรงนี้พูดถึงเรื่องความรู้สึกซึ่งรู้สึกมาตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว แต่ถามว่าจะทำอะไรได้บ้างตอนนี้คือคือเรื่องแรกต้องชี้แจงข้อเท็จจริง ตามหลักฐานและสิ่งที่เกิดขึ้น ต้องเป็นไปตามนั้น

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า นายกฯ ยืนยันใช่หรือไม่ว่านายทักษิณป่วยจริงตามที่เคยพูดไว้ใช่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าใช่ ป่วยจริง เหมือนที่พูดเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาก็ยังยืนยันเหมือนเดิม

เมื่อถามว่าคำแถลงของแพทยสภาดูเหมือนสวนทางกับนายกฯ นางสาวแพทองธาร ย้อนว่า แล้วเขาพูดว่าท่านป่วยจริงหรือเปล่า ผู้สื่อข่าวตอบกลับว่าไม่ได้พูดชัดขนาดนั้น มีการระบุว่าแพทย์ทั้ง 3 คนที่ถูกลงโทษมีความบกพร่อง นางสาวแพทองธาร กล่าวว่า เขาก็ต้องมีการชี้แจงต่อไป

ต่อมา นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการเจรจาภาษีที่ตอนนี้ดูเหมือนว่าประเทศจีนจะแซงหน้าประเทศไทยไปแล้ว นายรัฐมนตรีถึงกับร้องว่า โอ้โห ใช้คำว่าจีนแซงหน้าไม่ได้นะ คิดว่าเป็นการคลี่คลายเรื่องนี้มากกว่า วันนี้ตลาดหุ้นก็บวก ซึ่งตอนนี้เรารอเวลาที่เหมาะสม ที่จะไปคุย และเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมามีการส่งรายงาน ให้กับสหรัฐอเมริกาไปแล้วภาคส่วน ได้คุยกันในหลายระดับ ตั้งแต่สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (United States Trade Representative: USTR) และ ในระดับรัฐมนตรีก็มีการพูดคุยกันนอกรอบแล้ว

ส่วนกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ถูกศาลอาญามีคำสั่งไม่ให้เดินทางออกไปนอกประเทศ ไปยังประเทศกาตาร์ จึงพลาดโอกาสที่จะพบกับ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เรื่องนี้จะทำให้ประเทศไทยเสียโอกาสในการเจรจาภาษีหรือไม่ นางสาวแพทองธาร กล่าวว่า ก็น่าเสียดายที่เราจะเสียโอกาสที่จะได้คุยกับคอนเนคชั่น ที่ใกล้และตรงกับประธานาธิบดีสหรัฐฯ หรือแม้จะได้คุยกับตัวของประธานาธิบดีได้เลย ซึ่งมันก็เสียโอกาสอยู่แล้ว ถ้าหากมีโอกาส คุยกันเลยตรงๆ ก็จะง่ายกว่า ก็เหมือนกับทุกวงการถ้าเรามีโอกาสคุยกับตัวจริง ก็ดีกว่าอยู่แล้ว และครั้งนี้ก็เป็นโอกาสที่สามารถพูดคุยกันได้ ซึ่งไม่ว่าจะเป็น นายโดนัลด์ ทรัมป์ และนายทักษิณ ก็เคยรู้จักกันมาอยู่แล้วในอดีต ตอนที่เป็นประธานาธิบดีสมัยแรก ก็เคยได้พบและพูดคุยกัน ซึ่งหากได้ไปเจอและถามแนวความคิด มันต้องได้ประโยชน์กับประเทศอยู่แล้ว ก็รู้สึกเสียดาย

เมื่อถามถึงกรณีที่สื่อต่างประเทศมีการรายงานว่า มีหลายชาติได้เข้าไปเจรจาเรื่องภาษีกับสหรัฐอเมริกา รวมถึงประเทศกัมพูชา แต่ยังไม่มีคิวของประเทศไทย ในการเข้าเจรจานั้น นางสาวแพทองธาร กล่าวว่า เรารออยู่เพราะเพิ่งส่งรายงาน ไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ช่วงก่อนวันหยุดยาว ส่วนนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้นำรายงานมาให้ตนได้ดูแล้ว และได้นำส่งไป หลังจากนี้ก็คงจะมีการนัดซึ่งเราก็ต้องตามเรื่องนี้

ส่วนกรณีที่ก่อนหน้านี้สหรัฐอเมริกา ได้ระงับวีซ่าเจ้าหน้าที่ของประเทศไทย ที่มีความเกี่ยวข้องกับชาวอุยกูร์กลับประเทศจีน ได้มีการยกเลิกคำสั่งแล้วหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนไม่แน่ใจ ขอตรวจสอบอีกครั้ง จะลองถามให้ และเรื่องนี้ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรแล้ว ปกติก็มีการคุยกัน ก็เข้าไปคุยได้ทั้งหมดไม่มีการปิดกั้นอะไร

เมื่อถามย้ำว่าสหรัฐอเมริกาได้มีการปลดล็อควีซ่าให้กับเจ้าหน้าที่ไทยแล้วหรือไม่ นางสาวแพทองธารกล่าวว่า ตนไม่แน่ใจ เดี๋ยวขอถามอีกครั้ง เพราะตนไม่เป็นหนึ่งในรายชื่อที่ถูกระงับวีซ่า เลยไม่แน่ใจว่าของทีมงานปลดล็อคแล้วหรือยัง