เลือกตั้งและการเมือง

ศาลยกคำร้อง ไม่อนุญาต ‘ทักษิณ’ บินกาตาร์ ชี้เป็นเรื่องส่วนตัว ‘ทนายวิญญัติ’ ยันทำเพื่อประเทศ

โดย petchpawee_k

9 พ.ค. 2568

2.7K views

ศาลยกคำร้อง ไม่อนุญาตให้ “ทักษิณ ชินวัตร” ออกนอกประเทศ หลังขอเดินทางไป “กาตาร์” ตามคำเชิญของเจ้าผู้ครองนครรัฐ  - "ทนายวิญญัติ"  ระบุ การไปครั้งนี้อดีตนายกฯ หวังเจอ “โดนัล ทรัมป์”  ส่วนศาลยกคำร้อง มองเป็นเรื่องส่วนตัว ยังไม่มีกำหนดการชัดเจน การไปเจอ “โดนัล ทรัมป์” เป็นเพียงการคาดหมายเท่านั้น


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เช้าวานนี้ 8 พ.ค.2568 ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จำเลยในคดีประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ได้เดินทางมายื่นคำร้องขอเดินทางออกนอกราชอาณาจักร ซึ่งขณะนั้นยังไม่ทรายรายละเอียดเกี่ยวกับประเทศปลายทาง เเละเหตุในการขอออกนอกประเทศ แต่ลือสะพัดว่าการขอออกนอกประเทศครั้งนี้นายทักษิณ ขอเดินทางไปสหรัฐอเมริกา เพื่อร่วมหารือมาตรการภาษีของโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา


โดยในช่วงเช้าที่มีรายงานว่า นายทักษิณ เดินทางมาด้วยรถยนต์โรลส์-รอยซ์ สีดำ อีกทั้งรายงานข่าวระบุด้วยว่า ศาลอาญาเปิดบัลลังก์ไต่สวนคำร้องของนายทักษิณ โดยมีนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เดินทางมาด้วย ก่อนที่นายทักษิณ จะเดินทางกลับ โดยใช้เวลาไม่นาน ซึ่งคาดว่าศาลจะมีคำสั่งอนุญาตหรือไม่ในช่วงบ่ายวันเดียวกัน


นอกจากนี้มีรายงานได้ว่าในช่วงบ่าย นายวิษณุ เครืองาม อดีตรองนายกรัฐมนตรี เดินทางมาศาลอาญา เเต่ยังไม่ทราบว่าเกี่ยวกับเรื่องนายทักษิณยื่นคำร้องเดินทางออกนอกประเทศหรือไม่


กระทั่งเวลา 18.00 น. มีรายงานว่า ศาลอาญาไต่สวนบุคคลและคำร้องแล้ว มีคำสั่งให้ยกคำร้องโดยพิเคราะห์ข้อเท็จจริงตามทางไต่สวนแล้วเห็นว่าจำเลยได้รับจดหมายอิเล็กทรอนิกส์จากสำนักบริหารผู้รับเชิญพระราชวังลูเซล ไปร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำที่ประเทศการ์ตา ซึ่งจัดขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่ประธานาธิบดีโดนัลด์ เจ. ทรัมป์ อันมีลักษณะเป็นหนังสือเชิญส่วนตัว  มิได้เชิญจำเลยในฐานะที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ซึ่งเป็นประธานอาเซียนประจำปี 2568 ทั้งไม่มีรายละเอียดเกี่ยวกับกำหนดการที่แน่ชัด เพียงแต่คาดหมายว่าหากประธานาธิบดีโดนัลด์ เจ. ทรัมป์ มางานเลี้ยงดังกล่าว จำเลยจะมีโอกาสพบปะหารือกับประธานาธิบดีโดนัลด์ เจ. ทรัมป์ และทีมเศรษฐกิจเท่านั้น ประกอบกับช่วงที่ขอเดินทางไปอยู่ใกล้วันนัดพิจารณาคดีที่ศาลฎีกาและคดีนี้ อาจกระทบต่อกระบวนพิจารณาของศาลได้ กรณียังไม่มีเหตุผลอันจำเป็นที่หนักแน่นเพียงพอที่จะให้จำเลยเดินทางออกนอกราชอาณาจักร จึงไม่อนุญาต


จากนั้นนายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความของนายทักษิณ เปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า ได้ยื่นคำร้องขอไต่สวนขออนุญาตเดินทางออกจากนอกราชอาณาจักร เมื่อวันที่ 7 พ.ค.2568 เพื่อเดินทางไปที่ประเทศกาตาร์ตามคำเชิญของผู้ปกครองนครรัฐ ในฐานะเป็นประธานกลุ่มที่ปรึกษาของประธานอาเซียน นั่นคือ อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรี ของมาเลเซีย


โดยทราบคำสั่งจากศาลช่วงค่ำของวันที่ 8 พ.ค.จากศาลว่า ศาลมีคำสั่งยกคำร้อง ไม่อนุญาตให้เดินทางออกจากนอกราชอาณาจักร


ขณะเดียวกัน อดีตนายกฯ ทักษิณ ได้ขึ้นให้การต่อศาลและเบิกความว่า การไปในครั้งนี้ ไม่ได้ไปในฐานะแค่ไปงานเลี้ยง แต่ไปเพื่อทำคุณประโยชน์ ใช้ประสบการณ์ ใช้ความรู้ ความสามารถเพื่อประเทศชาติ สังคม และประชาชน


สังคมคงเห็นอยู่ว่าเหตุผลที่นายทักษิณขอไป ซึ่งหลายคนก็เห็นอยู่ว่ามาตรการและนโยบายของสหรัฐอเมริกาโดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในเรื่องของการจัดเก็บภาษีนำเข้าจากประเทศผู้ค้า และการค้าหลายประเทศ โดยเป็นการเรียกเก็บภาษีศุลกากรที่ได้รับผลกระทบกันทั่วโลก


 โดยประเทศไทยก็เป็นหนึ่งในประเทศที่ได้รับผลกระทบ  ดังนั้นนายทักษิณที่เป็นอดีตนายกรัฐมนตรีและมีความเป็นห่วงใยประเทศชาติและเห็นผลประโยชน์ประเทศชาติอันสำคัญ  โดยนายทักษิณหวังทำเพื่อชาติบ้านเมือง จึงเป็นเหตุผลในการยื่นขอศาลในครั้งนี้  


แต่อย่างไรก็ดี เมื่อศาลได้ไต่สวนและพิจารณาแล้วเห็นว่าการเชิญลักษณะนี้เป็นการเชิญแบบส่วนตัวและยังไม่มีกำหนดการที่ชัดเจน อาจจะเป็นเพียงการคาดหมายว่าไปแล้วจะได้พบกับประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ นี่คือสิ่งที่ศาลเห็นเราก็น้อมรับดุลพินิจศาล ที่เห็นว่าระยะเวลาในการยื่นขอซึ่งเราขอ เดินทางออกนอกประเทศในวันที่ 14 พ.ค. ซึ่งใกล้กับกำหนดการพิจารณาคดีของศาลฎีกาฯนักการเมือง ในเรื่องการบังคับโทษชั้น 14 ซึ่งมีวันนัดพร้อมตรงกับวันที่ 13  มิ.ย. เมื่อศาลอาญาเห็นว่าวันนัดใกล้กันเราก็ยอมรับดุลพินิจ


นี่คือเหตุผลที่ศาลเห็นว่าไม่มีเหตุผลเพียงพอที่จะยังไม่อนุญาตให้ออกนอกประเทศ โดยทราบว่างานที่จัดที่กาตาร์  ตนเข้าใจว่าเป็นเหตุที่จะได้มีโอกาสพบประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ซึ่งมีกำหนดการที่จะเดินทางไปที่การตาร์ โอกาสการได้พบไม่ใช่โอกาสของนายทักษิณคนเดียวแต่เป็นโอกาสของประเทศชาติ  เพราะหลายคนกำลังเฝ้าดูว่า จะมีโอกาสได้เข้าไปคุยหรือไม่ และหลายประเทศก็หวังว่าจะได้มีโอกาสเข้าไปเจรจากับประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แล้วไทยไม่อยากจะได้เข้าไปเจรจาหรืออย่างไร


เมื่อถามว่าการที่ไม่ได้ออกไปเป็นอุปสรรคในการเจรจาเรื่องเศรษฐกิจและภาษีหรือไม่ นายวิญญัติระบุว่า คำถามนี้เป็นคำถามที่ตนอยากจะตั้งคำถามกลับไปอยู่ว่าการส่งออกหรือนำเข้าสินค้าในประเทศจะมีเรื่องภาษีที่เป็นปัญหา เราจำเป็นต้องหาข้อตกลง เพื่อที่จะลดเรื่องอัตราภาษีหรือกำแพงภาษีนี้ให้ได้ อันนี้เป็นแนวทางหนึ่งของการเจรจาทางการค้าที่ถามว่าจะเป็นอุปสรรคหรือไม่  อยากให้สังคมคิดเอา ว่าการที่มีบุคคลหนึ่งที่อยากจะทำเพื่อประเทศชาติและบุคคลหลายคนที่อยากจะทำเพื่อประเทศชาติ เราถือว่าเป็นหน้าที่ของพลเมืองประชาชนคนไทยหรือไม่ส่วนเป็นอุปสรรคหรือไม่ตนไม่มีความเห็น แต่เห็นว่าถ้าเรามีโอกาสแล้วเราไม่ใช้โอกาส เราจะเสียโอกาสหรือไม่


ในส่วนเรื่องจะยื่นคำร้องหลังจากนี้อีกหรือไม่นั้นเป็นเรื่องอนาคตว่าจะยื่นคำร้องหรือจะใช้กระบวนการใดทางศาล ตามสิทธิ์ของจำเลยในคดี


ส่วนที่จะขอไปสหรัฐอเมริกาโดยตรงหรือไม่นั้น ทนายวิญญัติ บอกว่า ยังตอบไม่ได้ส่วนการทำคำชี้แจงตนเพิ่งได้รับหมายเดี๋ยวก็ต้องดำเนินการให้ทันตามคำสั่งศาล

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายทักษิณ ขอเดินทางออกนอกราชอาณาจักรรวมครั้งล่าสุด 6 ครั้ง โดยอนุญาต 2 ครั้ง และไม่อนุญาต 4 ครั้ง ดังนี้


ครั้งที่ 1 เมื่อ ส.ค. 2567 ขอไปพบแพทย์ ที่ดูไบโดยศาลไม่อนุญาต


ครั้งที่ 2 ขอไป มาเลเซีย 2-3 ก.พ. 2568 พบหารือ กับ นายอันวาร์ อิบราฮิม นากยฯ มาเลเซีย ในฐานะ ที่ปรึกษา อย่างไม่เป็นทางการของประธานอาเซียน โดยศาลอนุญาต


ครั้งที่ 3 ขอไป บรูไน 18-19 ก.พ. 2568 ร่วมกับ นายอันวาร์ อิบราฮิม นากยฯ มาเลเซีย ในฐานะ ที่ปรึกษา อย่างไม่เป็นทางการของประธานอาเซียน โดยศาลอนุญาต


ครั้งที่ 4 ขอไป เวียดนาม และ กัมพูชา ซึ่งต่อเนื่องกับการไปบรูไน ด้วย แต่ศาลไม่อนุญาต


ครั้งที่ 5 ขอไปหารือ ผู้นำอาเซียน ช่วง มี.ค. 2568 ที่อินโดนีเซีย แต่ศาลไม่อนุญาต และ


ครั้งที่ 6 วันนี้ ขอไปประเทศ กาตาร์ โดยศาลไม่อนุญาต



รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/IpQXvQ9g9Jc

คุณอาจสนใจ

Related News