“โรม” จี้รัฐบาลแก้ปัญหาจริงจัง เหมืองทองทุนจีน ต้นตอสารหนูแม่น้ำกก

“โรม” นำคณะ กมธ.ลงพื้นที่ตรวจสอบสารหนูปนเปื้อนแม่น้ำกก จี้รัฐบาลแก้ปัญหาเหมืองทองทุนจีน หวั่นคนไทยได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง

วันที่ 8 พ.ค.68 นายรังสิมันต์ โรม ประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดน ยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศ พร้อมด้วยคณะกรรมาธิการฯ เดินทางลงพื้นที่จังหวัดเชียงราย เพื่อร่วมประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ณ ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดเชียงราย โดยมีเป้าหมายเพื่อรับฟังข้อมูลและร่วมกันหาแนวทางแก้ไขปัญหาการปนเปื้อนสารพิษในแม่น้ำกก

นายรังสิมันต์เปิดเผยว่า สารพิษที่พบในแม่น้ำกกมีต้นตอจากการทำเหมืองทองในพื้นที่ฝั่งเมียนมา โดยเฉพาะระหว่างเมืองยอนและเมืองสาด ซึ่งอยู่ในเขตรัฐฉาน ภายใต้อิทธิพลของกลุ่มว้า โดยมีข้อมูลว่าอาจเป็นเหมืองผิดกฎหมายมากกว่า 30 แห่ง หากยังไม่มีการดำเนินการใด ๆ อย่างเร่งด่วน ปัญหาดังกล่าวอาจขยายวงกว้างและส่งผลกระทบต่อแม่น้ำโขงในอนาคต

“นี่ไม่ใช่แค่เรื่องสิ่งแวดล้อม แต่คือภัยพิบัติที่กระทบต่อสุขภาพประชาชน การท่องเที่ยว และความมั่นคงของชาติในระยะยาว” นายรังสิมันต์กล่าว พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลมีแนวทางแก้ไขที่ชัดเจนและเร่งด่วน เพราะประชาชนกำลังอยู่ในความรู้สึกไม่ปลอดภัย

ในขณะเดียวกัน ความพยายามของฝ่ายความมั่นคงในการเจรจากับเมียนมาและกลุ่มว้า ยังไม่ได้ผลชัดเจน โดยทั้งสองฝ่ายต่างผลักภาระกันไปมา นายรังสิมันต์ชี้ว่า การอ้างว่าเป็นปัญหานอกประเทศและไม่ดำเนินการใด ๆ ไม่ใช่ทางออก เพราะต้นตอปัญหากระทบโดยตรงต่อคนไทย และควรยอมรับความจริงว่า ทางการเมียนมาไม่มีอำนาจควบคุมกลุ่มว้าได้อย่างแท้จริง

เขาเสนอว่า รัฐบาลไทยควรใช้ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ โดยเฉพาะกับประเทศที่อาจมีบทบาทต่อกลุ่มว้า หรือมีผลประโยชน์ในภูมิภาคดังกล่าว เช่น ประเทศจีน ซึ่งมีความสัมพันธ์อันดีกับไทยในหลายด้าน อาทิ การค้าและการลงทุน

“อาจต้องใช้แนวทางเชิงกลยุทธ์ ทั้งในมิติทางการทูต ความมั่นคง หรือแม้แต่ภาคเอกชน ที่อาจมีบทบาทในภูมิภาคดังกล่าว” นายรังสิมันต์กล่าว พร้อมระบุว่า รัฐบาลควรตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจที่มีองค์ประกอบครบถ้วน และให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหานี้อย่างจริงจัง

ท้ายที่สุด นายรังสิมันต์ย้ำว่า ปัญหานี้แม้จะซับซ้อน แต่ไม่ควรละเลย หากปล่อยไว้ต่อไป คนไทยจะได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงและต่อเนื่องในอนาคต