พรรคประชาชน ขับ 2 ผู้สมัคร สท. เอี่ยวคดีค้ายาพ้นพรรค “ศรายุทธ” ยอมรับ พรรคยังไม่รอบคอบรัดกุม

วันนี้ (8 พ.ค. 2568) คณะกรรมการบริหารพรรคประชาชน ประชุมด่วนวันนี้ กรณีผู้สมัครสมาชิกสภาเทศบาล (สท.) 2 ราย ได้แก่ นายภานุพงษ์ แก้วรัศมี ผู้สมัคร สท.เมืองลัดหลวง จังหวัดสมุทรปราการ และ นายสิทธิชัย สัมฤทธิ์ ผู้สมัคร สท.นครเจ้าพระยาสุรศักดิ์ จังหวัดชลบุรี ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีค้ายาเสพติดให้โทษซึ่งเป็นคดีอาญาร้ายแรง


หลังจากพิจารณาข้อเท็จจริงของทั้ง 2 กรณีแล้ว คณะกรรมการบริหารพรรคฯ มีมติขับผู้สมัครทั้ง 2 รายออกจากการเป็นสมาชิกพรรค ทั้งนี้กรรมการบริหารพรรคประชาชนขออภัยพี่น้องประชาชนอย่างสูงอีกครั้ง ถึงความผิดพลาดในการคัดสรรผู้สมัคร และขอน้อมรับคำวิพากษ์วิจารณ์ เพื่อปรับปรุงกระบวนการสรรหาผู้สมัครของพรรคทุกระดับในอนาคต


ขณะที่ นายศรายุทธ ใจหลัก เลขาธิการพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีการเผยแพร่คำวินิจฉัยของ กกต. ให้มีการถอนชื่อนายสิทธิชัย สัมฤทธิ์ ผู้สมัครสมาชิกสภาเทศบาล (สท.) สมาชิกพรรคประชาชนออกจากการเป็นผู้สมัคร สท. เจ้าพระยาสุเรนทร์ เขตเลือกตั้งที่ 1 อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี เนื่องจากขาดคุณสมบัติ เพราะต้องคำพิพากษาคดีค้ายาเสพติด ซึ่งเป็นคดีเก่า ทำให้ไม่มีคุณสมบัติลงสมัครและเข้าข่ายรู้อยู่แล้วว่าไม่มีสิทธิสมัคร แต่ยังลงสมัคร รวมถึงกรณีผู้สมัคร สท. สมุทรปราการ ที่ถูกจับกุมข้อหาร่วมกันค้ายา


โดยนายศรายุทธิ์ กล่าวว่า เป็นเพราะกระบวนการของเรายังไม่รอบคอบรัดกุมพอ เนื่องจากการคัดเลือกผู้สมัคร สท. เป็นอำนาจในแต่ละจังหวัด ซึ่งใช้คณะทำงานของแต่ละจังหวัดในการพิจารณาสรรหาบุคคล ในส่วนกลางเราแค่รับรองไปตามความเห็นของคณะทำงานในจังหวัด ดังนั้น จึงเห็นว่าคณะทำงานมีหลายชุดมากทั้งประเทศ ซึ่งมาตรฐาน พวกเราก็ต้องยอมรับว่าพรรคเริ่มต้นจากคณะทำงานของแต่ละที่ อาจจะไม่รอบคอบรัดกุมทุกที่ ทำให้กระบวนการตรวจสอบเจอข้อผิดพลาดได้ เรายังมีความไม่ลงตัว ไม่รัดกุมเพียงพอ


ส่วนจะต้องมีการสังคายนาคณะกรรมาการคัดเลือกระดับจังหวัดใหม่หรือไม่ นายศรายุทธิ์ กล่าวว่า โดยกระบวนการ เราตระหนักเรื่องนี้อยู่แล้ว ตั้งแต่หลังการเลือกตั้ง อบจ. เรามีการสรุปบทเรียนว่ามีข้อผิดพลาดอะไรบ้างในช่วงประชุมใหญ่พรรคที่ผ่านมา มีการพูดคุยสรุปบทเรียนกันในแต่ละภาคส่วน ซึ่งเราอยู่ในกระบวนการรวบรวมปัญหา เพื่อปรับปรุงขั้นตอนใหม่ให้ดีขึ้น ในรอบคัดเลือกผู้สมัครนายก อบต. ที่เรากำลังคัดเลือก ได้วางกระบวนการว่าต้องได้ตัวผู้สมัครตั้งแต่ช่วงเดือน ก.ค. เพื่อให้มีช่วงทดลองงาน เพื่อให้เราได้ตรวจสอบเพิ่มเติม ก่อนที่จะตัดสินใจว่าจะให้ผู้สมัครใช้ชื่อพรรคในการหาเสียง


“ในส่วนของ สท. ต้องยอมรับว่ากระบวนการนี้เกิดขึ้นก่อนที่เราจะปรับปรุงกระบวนคัดเลือกทีหลัง ดังนั้น ความผิดพลาดคงมีบ้าง ในส่วนของจังหวัด” นายศรายุทธิ์ กล่าว


เมื่อถามว่าทั้ง 2 เหตุการณ์จะทำให้กระแสพรรคตกลงหรือไม่ นายศรายุทธิ์ กล่าวว่า ความเข้าใจของประชาชนต่อกระบวนการทำงานของพรรค ก็ยังไม่ค่อยเข้าใจว่าความมุ่งเน้นของเราในการสร้างพรรคมวลชน ในการกระจายอำนาจ เรื่องนี้ต้องพยายามทำความเข้าใจให้ได้เห็นกระบวนการภายในของพรรค ที่ไม่ได้มองทุกอย่างเป็นอันเดียวกัน และเชื่อว่าเราจะพัฒนาขึ้นตลอด จนไปถึงจุดที่เราส่งผู้สมัครทั่วประเทศ ทุกระดับโดยมีมาตรฐานที่ใกล้เคียงกัน ตนคิดว่าเป็นไปได้ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า


ส่วนความนิยมของประชาชน หากเข้าใจก็คงจะแยกได้ว่าส่วนไหนเป็นส่วนไหน ไม่น่าจะส่งผลเยอะ แต่แน่นอนว่าในระยะใกล้ เชื่อว่ามีประชาชนหลายคนผิดหวัง เพราะเวลาสื่อนำเสนอข่าวก็บอกว่าเป็นตัวแทนของพรรค พรรคเป็นผู้คัดสรร แน่นอนว่าประชาชนจะนึกถึงกรรมการบริหารพรรคทั้งหมด