เลือกตั้งและการเมือง
นายกฯ ชี้ “มูดีส์” ลดเครดิตไทยเป็นเชิงลบ เป็นเพียงมุมมองไม่ใช่การให้คะแนน
โดย nicharee_m
30 เม.ย. 2568
74 views
นายกฯ ชี้ “มูดีส์ ” ลดระดับความเชื่อถือไทย เป็นเพียงมุมมอง ไม่ใช่การให้คะแนน ต้องทำให้หายกังวล-แก้เศรษฐกิจผ่านมรสุมกำแพงภาษีสหรัฐฯ ขอประชาชนมั่นใจ พร้อมจับมืออาเซียนเพิ่มอำนาจต่อรอง ย้ำเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ไม่เท่ากับกาสิโน ลั่นถูกตีเป็นเกมการเมือง
วันที่ 30 เม.ย.68 นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “ภารกิจพลิกฟื้นเศรษฐกิจ : Mission Thailand” โดยระบุว่า โลกเราเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว จากตอนที่ได้รับคำเชิญกล่าวประธานเป็นระยะเวลาหนึ่ง ก็มีการเตรียมหัวข้อว่าจะพูดอะไรบ้างจนกระทั่งถึงวันนี้ตอนเที่ยงๆ ก็ยังต้องมีการปรับในสคริปต์และหัวข้อที่จะพูด เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
จึงอยากสื่อสารให้ประชาชนได้มั่นใจว่าสิ่งที่เกิดขึ้น เศรษฐกิจทั้งรอบโลกและในประเทศ รัฐบาลได้รับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลง และรับรู้ถึงปัญหาอุปสรรค และมองเรื่องโอกาสและแนวทางการแก้ไขปัญหา เพราะนั่นคือสิ่งที่สำคัญที่สุดเราจึงต้องคอยมอนิเตอร์ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง และประเทศต่างๆ ตอบสนองอย่างไรต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ยอมรับว่าการทำให้เศรษฐกิจเติบโตนั้นเป็นปัญหามาอย่างยาวนาน และวันนี้ก็มีเรื่องนโยบายภาษีของสหรัฐฯที่ไม่ใช่กระทบแค่ประเทศไทย แต่ทั้งโลก ขณะเดียวกันจะใช้ความสัมพันธ์ที่มีอยู่สร้างแนวทางการเจรจาต่อไป
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงกรณีที่มูดีส์ มองภาพประเทศไทย โดยปรับลดความน่าเชื่อถือของไทยเป็นเชิงลบ ไม่ใช่เป็นการให้คะแนนแต่เป็นมุมมอง เมื่อเกิดปัญหาแบบนี้จะทำอย่างไรให้เกิดการเติบโต ไม่ใช่ว่าประเทศไทยนั้นขาดความเชื่อมั่น แต่ปัจจัยในการวัด เมื่อมีเรื่องกำแพงภาษีของสหรัฐฯเกิดขึ้น ซึ่งสิ่งนี้เกิดขึ้นกับทั่วโลกและหลายประเทศ
อย่างเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมามีการลดความน่าเชื่อถือของประเทศต่างๆ เช่น กัมพูชา จอร์เจียร ซึ่งปัจจัยตรงนี้หากใครถูกมองในช่วงเวลานี้ แต่มุมมองนั้นปรับเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้น แต่ทางคลังและรัฐบาลเองก็เฝ้าดูเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด ว่าในมุมที่มูดีส์ เป็นห่วงนั้นคืออะไร เราก็ต้องไปดูว่ามีข้อกังวลอะไรบ้าง
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า สิ่งหนึ่งที่อยากสะท้อนคือ ในปี 2008 ประเทศไทยเคยถูกปรับลงไปเป็น Negative ซึ่งเราก็สามารถปรับขึ้นมาใหม่ได้ แสดงให้เห็นว่าศักยภาพในการเติบโตนั้นมีมากน้อยเพียงใด ซึ่งเมื่อมีเรื่องกำแพงภาษีของสหรัฐฯทำให้เกิดความปั่นป่วน นโยบายของเรามากน้อยเพียงใด
ขณะเดียวกันต้องมองเรื่องของภาระหนี้ต่อเนื่อง รวมไปถึงความขัดแย้งทางการเมืองเสถียรภาพทางการเมืองที่เกิดขึ้น ทำให้เป็นอุปสรรคที่จะทำให้นโยบายการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศเป็นไปได้ยากขึ้นหรือไม่ หรือนโยบายนั้นสำเร็จได้ยากขึ้นหรือไม่นี่ คือสิ่งที่เขามองแล้วรัฐบาลควรทำอย่างไร อย่างแรกคือเราต้องไม่ทำให้เขากังวล เตรียมการทางเศรษฐกิจให้ผ่านมรสุมไปให้ได้ เพื่อลดผลกระทบที่เกิดขึ้นในเรื่องกำแพงภาษี
ขณะเดียวกันต้องมองอนาคต มุ่งการหาเงินเข้าประเทศที่เกิดขึ้นจริง ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมในอนาคตที่เราลงทุนไปแล้วหรือรับคนลงทุนเข้ามาแล้วทั้ง Data Center semi connector ซึ่งเม็ดเงินเหล่านี้ที่เข้ามาเป็นสิ่งสำคัญว่าจะทำให้เศรษฐกิจขับเคลื่อนและเติบโต จึงต้องทำให้มั่นใจว่าการที่ GDP เติบโตขึ้น 3-4% อย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่ว่าปีนี้หายไป ปีหน้าขึ้นมา ต้องดูที่ความเติบโตอย่างต่อเนื่อง ต้องทำให้เต็มที่และสิ่งที่ต้องทำต่อ คือการสร้างอุตสาหกรรมใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการส่งเสริมการลงทุนต่างๆ เมื่อสนับสนุนการลงทุนใหม่ๆบริษัทต่างชาติก็ต้องมาจดทะเบียนการลงทุน ก็จะเกิดการลงทุนที่เข้ามา และเกิดการชักชวนให้นักลงทุนรายอื่นๆเข้ามาเช่นกัน ซึ่งรัฐบาลพยายามทำอย่างเต็มรูปแบบตั้งแต่ช่วงปีที่ผ่านมา
ขณะที่ภาครัฐก็ต้องเร่งเรื่องของการลงทุน ซึ่งถือว่าเร่งการลงทุนตลอดปี 2567 มากที่สุด ในรอบ 10 ปี 72% เป็นการลงทุนจากภาครัฐ เพื่อให้เกิดการจ้างงาน ซึ่งก็ทำอย่างเต็มที่และได้ผลทุกกระทรวงที่ได้รับงบมาเกิดการจ้างงานเกิดขึ้นซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลเริ่มทำเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา นอกจากนี้สิ่งที่ประเทศไทยต้องทำเพิ่มเติมและสนับสนุนต่อนั่นคือการวิจัย และ การศึกษาให้มากยิ่งขึ้นต้องพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่ให้ดียิ่งขึ้นทั้งในเรื่องการประมงภาคอุตสาหกรรมและภาคการเกษตรทุกอย่างต้องลงทุนเรื่องการวิจัยให้มากยิ่งขึ้น ข้อสุดท้ายที่ต้องทำคือการพัฒนาศักยภาพของคนซึ่งถือเป็นทรัพยากรที่สำคัญ
สำหรับประเทศไทยทุกคนอาจจะทราบว่าในปี 2567 ที่ผ่านมาเศรษฐกิจไทยเติบโตช้า GDP ทั้งปีอยู่ที่ 2.5% แต่ในช่วงไตรมาสสุดท้ายตัวเลขขยับขึ้นเป็น 3.2% แสดงให้เห็นว่าการเร่งเครื่องทางเศรษฐกิจเป็นไปอย่างต่อเนื่องและเกิดผล เพราะฉะนั้นไตรมาสสุดท้าย 3.2% แล้วจะต้องขับเคลื่อนและผลักดันเช่นนี้ต่อไปแม้ว่าจะมีอุปสรรคผ่านเข้ามา ทั้งแผ่นดินไหว และกำแพงภาษี แต่รัฐบาลก็พยายามหาทางออกและพูดคุยกับทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชน เพื่อหาคำตอบที่เป็นประโยชน์จริงๆ
เพราะตนเชื่อเสมอว่า ภาครัฐหลายส่วนหลายมุมเราไม่รู้วิธีทำแต่เราสามารถเป็นผู้สนับสนุนให้เอกชนได้ เพื่อที่จะได้ทำงาน ร่วมกันกับภาครัฐ อย่างเรื่องกำแพงภาษีเองเอกชนที่ลงทุนในสหรัฐมีอะไรบ้าง แล้วรัฐสามารถช่วยเหลืออะไรได้บ้าง เราคงจะต้องสนับสนุนในเรื่องเหล่านี้ไปเพราะที่ผ่านมาก็ยังไม่ได้มีนโยบายโดยตรงเ พื่อที่จะช่วยให้นักลงทุนคนไทยไปลงทุนต่างประเทศ จึงอยากมุ่งเน้นเรื่องเหล่านี้ให้มากขึ้น เพื่อให้เอกชนนั้นเกิดความมั่นใจและเกิดศักยภาพที่ดีขึ้น
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงสำหรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ รัฐบาลนี้มีมาตรการทางระยะสั้น กลาง และยาว เส้นในระยะสั้นรัฐบาลก็มีมาตรการปลดล็อคหนี้สินรถกระบะ ซึ่งมาตรการระยะสั้นถือเป็นตัวแปรสำคัญในการผลักดันจีดีพีประเทศไทยให้สูงขึ้น และการกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอย สร้างโอกาสและการหากิน ถือเป็นการต่อลมหายใจให้ธุรกิจรายเล็กสามารถดำรงอยู่ต่อได้
ขณะที่มาตรการระยะกลาง และยาว เช่น การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ที่ต้องการเชื่อมโยงประเทศไทยกับโลกเข้าหากัน ซึ่งเรื่องเหล่านี้จะสามารถต่อยอดให้กับภาคอุตสาหกรรม ภาคการเกษตร ภาคการท่องเที่ยว และในอีกหลาย ๆ ด้าน เช่น โครงการก่อสร้างรถไฟรถไฟฟ้าความเร็วสูง หรือโครงการก่อสร้างรถไฟรางคู่ รวมถึงโครงการแลนด์บริจด์ เพื่อให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ ซึ่งจะสามารถเปิดประตูให้ประเทศมีรายได้ เปิดประตูให้กับนักลงทุนได้มาก
นอกจากนี้รัฐบาลยังให้ความสำคัญเรื่องการพัฒนาเทคโนโลยี หรือ ดิจิทัล รวมไปถึงการเป็นศูนย์กลางทางการบิน เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยว และนักลงทุน และยังมีการพัฒนาความสามารถของมนุษย์อย่างต่อเนื่อง เช่นโครงการหนึ่งทุนอย่างอำเภอ หรือ ODOS เพื่อเตรียมพร้อมสู่อนาคต
สำหรับการดึงดูดการลงทุนรัฐบาลให้ความสำคัญกับเรื่อง Crow first policy ซึ่งจะเป็นการดึงดูดการลงทุนในการสร้าง Data Center และ Crow Service ที่รัฐบาลลงทุนถึง 2.4 แสนล้านบาท เพื่อให้ธุรกิจเหล่านี้เข้ามาเกิดการจ้างงานใหม่ ๆ และทักษะใหม่ ๆ ให้กับคนของเรา
พร้อมกันนี้ก็จะมีการสนับสนุนด้านการค้า การลงทุน และภาคการผลิต ทั้งเรื่องการเกษตร, อาหาร หรือการบริการ ซึ่งถือเป็นจุดแข็ง ตัวอย่างเช่น ประเทศจีนที่ได้ทำการเกษตร แต่ว่าพื้นที่ทางการเกษตรไม่เพียงพอต่อความต้องการของคนในประเทศ ซึ่งจะถือเป็นโอกาสของไทยที่จะสามารถส่งออกการเกษตรออกไปได้ เพราะฉะนั้นการทำวิจัยตาม ๆ เพื่อพัฒนาโปรดักส์ ถือเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เช่น ทุเรียน ที่หลายประเทศก็เริ่มผลิตแล้ว หรือข้าว ก็มีหลายประเทศที่เริ่มผลิตข้าวรับประทาน และส่งออก จึงถือเป็นคู่แข่ง และคู่แข่งก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ หากไทยไม่พัฒนาสินค้าเกษตรก็เท่ากับว่า จะอยู่ที่เดิม จนถูกเพื่อนบ้านวิ่งแซง
นอกจากนี้ประเทศไทยยังมีจุดแข็งในเรื่องของการท่องเที่ยว ที่มีสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงาม ซึ่งรัฐบาลได้เพิ่มวีซาฟรี ที่ให้นักท่องเที่ยวอยู่ในประเทศไทยได้นานมากขึ้น ซึ่งรัฐบาลได้จับมือร่วมกับอาเซียน Six Countries one destinations หรือ หกประเทศ หนึ่งจุดหมายปลายทาง ที่สามารถนำวีซา เข้าประเทศในอาเซียนได้ เพื่อเป็นการจับกลุ่ม และอำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยว อย่างไรก็ตามเรื่องของการท่องเที่ยวจะมีทางตัน เช่น จะมีช่วงไฮซีซั่น และโลซีซั่น อยู่ตลอด
ขณะที่ เรื่องของเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ หรือสถานบันเทิงครบวงจร ว่า เอนเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์ไม่เท่ากับกาสิโน เพราะกาสิโนมีไม่ถึงร้อยละ 10 ของพื้นที่ในเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ แต่คนได้ยินแต่คำว่า กาสิโน ไม่ได้ยินคำว่าเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ซึ่งไม่แปลกใจเพราะมันเป็นเรื่องของการบิดเบือนไปในทางการเมือง ว่าเราจะตีนโยบายที่เกิดประโยชน์ให้กับประเทศอย่างไรบ้าง เป็นเกมการเมือง
แต่เรามาทำการเมืองเชิงสร้างสรรค์ ว่า ถ้าสร้างเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ประเทศไทยได้อะไรบ้าง อย่างแรกประเทศไทยไม่ได้เสียอะไรเพราะรัฐไม่ได้ลงทุน แต่เป็นเอกชนเข้ามาลงทุนแต่ต่างชาติเข้ามาลงทุน รัฐบาลก็เก็บภาษีต่างชาติได้ อย่างเรื่องเงินกำชับทุกกระทรวงให้ค่าใช้จ่ายเป็นไปอย่างคุ้มค่าทุกบาททุกสตางค์ แต่เรื่องนี้เอกชนลงทุนทั้งหมด
ส่วนที่บอกว่าสร้างเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์แต่ไม่ต้องมีกาสิโน ขอให้ทุกคนนึกภาพเราสร้างสเตเดียมแบบอินดอร์ ซึ่งแบบเอ้าท์ดอร์เราอยู่แล้วเพื่อนำมาจัดคอนเสิร์ตใหญ่ๆ ซึ่งเรายังไม่มีสเตเดียมแบบในร่มเพื่อให้เหมาะกับอากาศประเทศไทย หากเราลงทุนเป็นหมื่นเป็นพันล้าน ต้องขายตั๋วเท่าไหร่ถึงจะคุ้มทุน พอกับค่าก่อสร้างทั้งหมด
อย่างเรื่องของกาสิโน เราสามารถใช้เงินในส่วนนี้มารองรับการก่อสร้างได้ มากไปกว่านั้นเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์จะมีพื้นที่ในการจัดคอนเสิร์ต มีพื้นที่สำหรับครอบครัว ถ้ามีเด็กๆ เราก็พาไปที่สวนน้ำไปดูคอนเสิร์ตไปทำกิจกรรมต่างๆ ที่มีมากมายในนั้นเป็นสิ่งที่สามารถได้ใช้เวลาครอบครัวได้อย่างมีความสุขมีรีสอร์ท มีโรงแรม เราสามารถฝันได้ เวลาเราไปต่างประเทศ ก็จะมีคำถามว่าทำไมประเทศเค้าถึงสวย มีพิพิธภัณฑ์ต่างๆ ที่สวยงาม
ถ้าเรามีเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ เราสามารถมีพิพิธภัณฑ์ที่โชว์วัฒนธรรมของเราได้ เราสามารถฝันได้เลยว่าหากเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์เกิดขึ้นมันจะสร้างรายได้อย่างมากมายในประเทศไม่ว่าจะเป็นการจ้างงานจ้างอาชีพใหม่ใหม่ที่เกิดขึ้นคนตกงานก็จะน้อยลงอย่างมากที่สำคัญเราจะสามารถฝันได้ว่าที่เราเห็นที่เมืองนอกมันจะเกิดขึ้นในประเทศไทยไม่ว่าจะเป็นการจัดงานคอนเสิร์ตหรืออีเวนท์ต่างๆ
นายกรัฐมนตรียังยกตัวอย่างที่ประเทศญี่ปุ่น ที่สร้างเกาะขึ้นมาในเมืองโอซาก้าจัดเวิลด์เอ็กซ์โปร ซึ่งหลังจากจบงาน ก็จะมีการเคลียร์พื้นที่จัดทำเป็นเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ซึ่งประกาศออกมาในปี 2025 เสร็จในปี 2030 หากประเทศไทยทำเช่นนี้จะไม่มีโลว์ซีซั่นหรือไฮซีซั่น ตนเคยทำธุรกิจมาก่อน ช่วงโลว์ซีซั่นเป็นอย่างไรกว่าจะขายห้องได้
ส่วนที่มีความเป็นห่วงในเรื่องของการพนัน ที่ถูกมอมเมาจากการพนันนั้น นายกรัฐมนตรีบอกว่าเรามีกฎหมายที่จะรองรับเรื่องเหล่านี้ บางคนบอกว่าประเทศไทยกฎหมายไม่จริงจัง กฎหมายเบาไป เราก็จะกำกับดูแล 2 ทาง หากมีใครทำผิดกฎหมายนำเงินเข้ามาฟอกเราจะมีการดำเนินคดี และผู้ที่ทำผิดก็จะถูกกลับไปดำเนินคดีที่ประเทศของตัวเองด้วย เราจึงจะต้องมีการประสานงานกันว่าให้ถูกดำเนินคดีทั้งในประเทศเราและประเทศเขา
ขณะเดียวกันมีการกำหนดในเรื่องของทรัพย์สินบุคคลที่จะเข้าไปเล่นกาสิโน ย้ำว่าไม่ใช่ใครก็สามารถเข้าไปเล่นได้และแจ๊กพ็อตได้เงิน 30 ล้านบาทกลับไป จะมีการตรวจสอบประวัติทั้งชาวต่างชาติและคนไทย นายกฯ บอกต่อว่า รัฐบาลเป็นห่วงในเรื่องนี้ ก่อนย้ำว่าเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ไม่เท่ากับกาสิโน
นอกจากนี้ในเรื่องอุตสาหกรรมยานยนต์เราได้สนับสนุนที่จะให้ประเทศไทยเป็นอุตสาหกรรมยานยนต์เช่นเดียวกัน ซึ่งทราบว่าอุตสาหกรรมนี้เผชิญกับความไม่แน่นอนเช่นกัน จึงมีนโยบายที่จะเปลี่ยนให้เป็นไฮบริดอยู่ในรถรถไฟฟ้าอีวีซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลสนับสนุนให้เปลี่ยนผ่านต่อไป
โดยทั้งหมดนี้จะเป็นเรื่องของการลงทุนและภาพรวมของเศรษฐกิจที่รัฐบาลมองเห็น และทราบถึงปัญหาอุปสรรคทั้งในและนอกประเทศที่เกิดขึ้น และยืนยันว่ามีการพูดคุยกัน อย่างเรื่องกำแพงภาษีสหรัฐอเมริกาเป็นสิ่งที่ทุกคนรู้สึกเป็นห่วง เรามีการพูดคุยกันอย่างไม่เป็นทางการอยู่เสมอ ไม่มีการขาด ซึ่งรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสามารถพูดเพิ่มเพิ่มเติมในเรื่องนี้ได้
ส่วนจะเป็นเรื่องการดีลลับ หรือเรื่องอะไรก็ตามสหรัฐอเมริกานั้น มีคนมาดีลในเรื่องนี้ และหลายประเทศเอง คงไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าจะทำอะไรบ้าง เพราะการคุยและการตกลงกันเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างมาก เรามีการพยายามที่จะเจรจาต่อรองในประเทศทั้งของเราเองและจับกลุ่มในประเทศอาเซียน เพื่อให้การเจรจามีความเข้มแข็งและมีอำนาจในการต่อรองมากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลทำงานอย่างสองทางอย่างเข้มข้นและไม่ได้ปล่อยมือไปไหน
จึงขอให้ประชาชนมั่นใจว่าเรามีทีมที่เก่งทั้งภาครัฐและเอกชน ร่วมมือให้คำปรึกษากันเพื่อให้การเจรจาต่อรองเกิดผลมากที่สุดและกระทบกับประเทศไทยน้อยที่สุด เพราะฉะนั้นเศรษฐกิจที่มั่นคง ชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของพี่น้องประชาชนเป็นเป้าหมายหลักที่สำคัญที่สุดของรัฐบาล พร้อมขอให้ความมั่นใจว่ารัฐบาลให้ความสำคัญเรื่องนี้อย่างจริงจังและมองหาแนวทางต่างๆ เพื่อเพิ่มโอกาสให้กับประเทศไทยต่อไป
แท็กที่เกี่ยวข้อง มูดีส์ ,เศรษฐกิจไทย ,เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ,ภาษีสหรัฐฯ