“สว.ฉัตรวรรษ” เตือน “ดีเอสไอ” อย่าใช้อำนาจเกินรัฐธรรมนูญ ยันไม่กล่าวหา แต่ขอรักษาสิทธิ์ตอบโต้ตามกฎหมาย

วันนี้ (5 มี.ค. 2568) ที่รัฐสภา พลตำรวจตรีฉัตรวรรษ แสงเพชร สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่คณะกรรมการคดีพิเศษ หรือ กคพ.เตรียมพิจารณารับหรือไม่รับคดีฮั้วเลือก สว.เป็นคดีพิเศษในวันพรุ่งนี้ (6 มี.ค.68) ว่าวันนี้มาเรื่อง พ.ร.บ.อำนาจเรียก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นคนที่ได้รับเลือกเป็นบอร์ดพิจารณามีความรู้ความเข้าใจทางกฎหมายเป็นอย่างดี การพิจารณาจะออกมาทางใดเป็นสิทธิ์ของบอร์ด ตนไม่ขอก้าวล่วงหรือแสดงความเห็น


เมื่อถามว่าเมื่อวานนี้ตอนปิดญัตติปัญหาด้านกระบวนการยุติธรรม ได้ระบุว่า หาก ดีเอสไอ รับเป็นคดีพิเศษอาจเข้าข่ายล้มล้างความปกครอง พลตำรวจตรีฉัตรวรรษ กล่าวว่า รูปแบบการปกครองของเรามีการถ่วงดุลอำนาจการอย่างเหมาะสม ฝ่ายใดถูกควบคุมโดยใคร อำนาจหน้าที่แค่ไหนก็ทำไปแค่นั้น อย่าทำเกินเลยไปกว่าที่รัฐธรรมนูญ หรือกฎหมายที่เกี่ยวข้องกำหนด


ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำต่อว่าหากวันพรุ่งนี้ กคพ. มีมติรับคดีฮั้วเลือก สว.เป็นคดีพิเศษ จะเดินหน้าเรื่องล้มล้างการปกครองเลยใช่หรือไม่ พลตำรวจตรี ฉัตรวรรษ กล่าวว่า คำว่า “หาก” แสดงว่ายังไม่เกิด เพราะฉะนั้น คาดเดาไม่ได้


เมื่อถามว่าขั้นตอนการถอดถอนอธิบดีดีเอสไอ จะดำเนินการเลยหรือไม่ พลตำรวจตรี ฉัตรวรรษ กล่าวว่า ถ้ายังไม่มีการกระทำความผิดรัฐธรรมนูญหรือบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ก็เป็นสิทธิที่ทุกคนทำตามหน้าที่ที่ต้องดำเนินการ


เมื่อถามว่าพรุ่งนี้จะมีการตั้งวอร์รูมหรือไม่ พลตำรวจตรี ฉัตรวรรษ กล่าวว่า ถึงเวลา ถ้ามีประชุมเราเข้าประชุมตลอด


เมื่อถามว่ามีรายงานว่าที่ กคพ.ไม่ลงมติสักที เพราะกังวลว่าฝั่ง สว.จะยื่น ม. 157 ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ พลตำรวจตรี ฉัตรวรรษ ระบุว่า เขาไม่ผิดเราจะไปยื่นทำไม ถ้ามีอำนาจหน้าที่ก็ทำไป ตนไม่เคยไปห้าม แต่อย่าลืมความรับผิดชอบ ทั้งปฏิบัติและละเว้นปฏิบัติหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนด


เมื่อถามว่าช่วงท้ายของการอภิปรายเมื่อวานนี้ สรุปว่าดีเอสไอและกระทรวงยุติธรรมเข้าข่ายล้มล้างการปกครอง ตาม ม.49 ของรัฐธรรมนูญ รุนแรงไปหรือไม่ พลตำรวจตรี ฉัตรวรรษ กล่าวว่า มันเป็นข้อกล่าวหาที่ถูกระบุไว้ในรัฐธรรมนูญ แต่เรายังไม่กล่าวหาใคร


เมื่อถามว่าเมื่อคืนนี้ กกต.ส่งเอกสารตอบกลับดีเอสไอว่าเป็นอำนาจของ กกต. พลตำรวจตรี ฉัตรวรรษ กล่าวว่า กกต.เขาได้รับอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย เขาก็ดำเนินการตามนั้น


เมื่อถามว่าช่วงปิดอภิปรายเมื่อวานนี้ สว. ทิ้งท้ายว่าจะเปิดอภิปรายตาม ม.153 ด้วย พลตำรวจตรี ฉัตรวรรษ กล่าวว่า ตนยังไม่ได้กล่าวหาว่าเขาผิดตาม ม.153 เลย ขึ้นอยู่กับพฤติการณ์และการกระทำในอนาคต ตนขอสื่อมวลชนอย่าเพิ่งไปคาดการณ์ ทุกท่านมีอำนาจหน้าที่ที่จะทำอยู่แล้ว เราไม่ไปก้าวก่ายใครทั้งสิ้น แต่เราขอรักษาสิทธิ์และชื่อเสียงของการเป็นวุฒิสภา เพราะมันมีการให้สัมภาษณ์สื่อมงลชน และเราเกิดความเสียหาย เราก็ต้องตอบโต้บ้าง ตามที่กระบวนการทางกฎหมายให้อำนาจ


ส่วนสูตร 21+24 ที่มีการเปิดโปงเมื่อวานนี้ว่ามี สว.อีกกลุ่มฮั้วเหมือนกันคือฝั่งไหน พลตำรวจตรี ฉัตรวรรษ กล่าวว่า ตนได้ทราบมาจากผลการเลือกตั้งและเมื่อการเลือกตั้งเสร็จแล้ว สูตรอะไรก็ออกมาได้หมด ยกตัวอย่างผลออกมาเป็น 4 สูตรอะไรที่เป็น 4 ก็ออกมาได้หมด


ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่าท่านมีการพูดถึงการเปิดโรงแรม มีคนไปอยู่ร่วมกัน 400 คน แบบนี้หมายถึงมีอีกกลุ่มหนึ่งทำเหมือนกันใช่หรือไม่ พลตำรวจตรี ฉัตรวรรษ หัวเราะ ก่อนกล่าวว่า “ผมให้ข้อคิด คุณไปฝันทั้งคืนเลยนะ หวยยังไม่ออก ก็ตีไปต่างๆ นานา แต่พอหวยรัฐบาลออกปั๊บ ท่านทำนายว่าฝันแม่นหมด เพราะฉะนั้น หวยออกแบบที่ท่านฝัน”


เมื่อถามว่าดีเอสไออ้างว่าถ้าเข้าข่ายการฟอกเงิน สามารถส่งเป็นคดีพิเศษได้ โดยไม่ต้องผ่าน กคพ. พลตำรวจตรี ฉัตรวรรษ ย้อนถามว่า ความผิดตามกฎหมายฟอกเงิน ดีเอสไอมีหน้าที่ดำเนินการได้ ซึ่งสารตั้งต้นในการฟอกเงินมีเท่าไหร่ ดีเอสไอต้องพิจารณา แต่ข้อเท็จจริงคุณรู้หรือไม่ว่าสารตั้งต้นของ สว. แค่ 2,500 บาท ค่าสมัครเท่านั้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากกรณี กกต.มีมติให้มีหนังสือชี้แจงตอบกลับไปยังกรมสอบสวนคดีพิเศษในประเด็นข้อกฎหมาย 2 คำถาม ซึ่งเกี่ยวกับการดำเนินการกรณีการฮั้วเลือก สว.และได้ให้สำนักงาน กกต.โดยนายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต ยกร่างหนังสือดังกล่าว โดยไม่ส่งผู้แทนไปร่วมประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) ด้วยนั้น มีรายงานว่าล่าสุดนายแสวง ได้มอบหมายเจ้าหน้าที่นำหนังสือชี้แจงดังกล่าวส่งยังกรมสอบสวนคดีพิเศษเรียบร้อยแล้ว


ทั้งนี้เมื่อวันที่ 4 มี.ค. กกต.มีการประชุมลับ พิจารณาหนังสือสอบถามประเด็นข้อกฎหมาย 2 คำถามดังกล่าวตามที่เลขาธิการ กกต.เสนอต่อที่ประชุม โดย กกต. ได้ให้แนวทางคำตอบตามคำถามของกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อให้มีความชัดเจนและครบถ้วนมากที่สุด และให้สำนักงาน กกต.ไปดำเนินการยกร่างหนังสือ พร้อมส่งหนังสือให้ดีเอสไอได้ก่อนวันประชุม


ซึ่งการไม่ส่งผู้แทนไปร่วมประชุม กกต.มองว่า สำนักงาน กกต. ได้แนวทางคำตอบที่ชัดเจนตามคำถามของดีเอสไอแล้ว การส่งผู้แทนไปร่วมประชุมและตอบคำถามอาจเป็นการให้คำตอบที่ไม่สมบูรณ์ และไม่ครบถ้วนถูกต้อง