อนุกรรมการ DSI ชี้ปมฮั้วเลือก สว. ผิดอาญาอั้งยี่-ฟอกเงิน

คณะอนุกรรมการฯ DSI หารือแนวทางรับคดีฮั้วเลือก สว. ชงบอร์ด กคพ.พิจารณาหลังพบข้อมูลเชื่อได้ว่ากระทำความผิดทางอาญาจริง ฐานอั้งยี่-ฟอกเงิน ยืนยันเอกสารหลุด 1,200 รายชื่อ ไม่ได้มาจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ

คณะอนุกรรมการกลั่นกรองด้านอาชญากรรมระหว่างประเทศและอาชญากรรมพิเศษ นำโดย ร้อยตำรวจเอกสุรวุฒิ รังไสย์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ในฐานะประธานอนุกรรมการ ร่วมประชุมกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง และเจ้าหน้าที่ผู้แทน 4 หน่วย ประกอบด้วย สำนักงานอัยการสูงสุด, สำนักงานตำรวจแห่งชาติ, กระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ร่วมประชุมเกี่ยวกับคดีฮั้วเลือก สว. ปี 67 เพื่อพิจารณากรอบอำนาจ และฐานความผิดคดีอาญาก่อนนำเข้าที่ประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) ในวันที่ 6 มี.ค.นี้

ร้อยตำรวจเอกสุรวุฒิ เปิดเผยว่า วันนี้พูดคุย 3 แนวทางในการพิจารณา คือ 1.เรื่องที่เสนอนั้น เป็นการกระทำความผิดอาญาหรือไม่ และในฐานความผิดใด ซึ่งตามเดิมจะเป็นความผิดฐานอั้งยี่ ฟอกเงิน และ ม.116 ความผิดต่อความมั่นคงของรัฐ 2.การกระทำในข้อ 1 มีลักษณะการกระทำความผิดเป็นคดีพิเศษตาม มาตรา 21 วรรคหนึ่ง (1) (ก) - (จ) หรือไม่ อย่างไร หรือมีเหตุอื่นหรือไม่ อย่างไร 3.มีเหตุสมควรเสนอให้คณะกรรมการคดีพิเศษมีมติให้เป็นคดีพิเศษตามมาตรา 21 วรรคหนึ่ง (2) หรือไม่ เช่น มีหน่วยงานใดดำเนินการแล้วหรือไม่ ทำแล้วจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติอย่างไรบ้าง หรือจะมีเรื่องข้อสังเกตถึงความผิดเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ก็ให้ กกต. ชี้มา แต่ในส่วนของการสอบสวนความผิดอาญานั้น ตรงนี้ดีเอสไอสามารถดำเนินการได้หรือไม่ ถ้าดำเนินการได้ จะให้ดำเนินการในความผิดอาญาฐานใดจากทั้งหมด 3 ฐานดังกล่าว โดยเราจะไม่พูดถึงความผิดที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งตาม พ.ร.ป. ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 ทั้ง 6 ฉบับ แต่การประชุมวันนี้จะพูดเรื่องความผิดฐานอาญาให้เกิดความชัดเจนมากยิ่งขึ้น ซึ่งบอร์ดจะมีความเห็นอย่างไร อนุกรรมการฯไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง เพราะขึ้นอยู่กับดุลยพินิจ ซึ่งจะต้องลงมติ 2 ใน 3 โดยอาจมีความอาจมีความเห็นแย้งกับคณะอนุกรรมการได้

ส่วนการจะพิจารณาประเด็น รายชื่อ 1,200 รายชื่อที่มีการเผยแพร่ก่อนหน้านี้ ยืนยันว่า เอกสารหลักฐานดังกล่าวไม่ได้ถูกเปิดเผยจาก กรมสอบสวนคดีพิเศษ ส่วนจะมีต้นทางมาจากที่ใดไม่สามารถตอบได้ ส่วนจะมีการนำรายชื่อดังกล่าวมาตอบตรวจสอบไหม คงต้องรอให้มีการรับคดีนี้เป็นคดีพิเศษก่อนจึงจะอำนาจตรวจสอบข้อเท็จจริง

สำหรับการประชุมวันนี้ ได้มีการนำรายบะเอียดของพยานหลักฐานทั้งหมด ที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้มาพิจารณา ในสำนวนการสืบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษมาพิจารณาว่าการกระทำดังกล่าว เข้าข่ายความผิดใดบ้าง

โดยแนวทางการทำงานหลังมีการพิจารณาของบอร์ด กคพ. หากรับเป็นคดี กรมสอบสวนคดีพิเศษร่วมกับสำนักงานอัยการสูงสุดจะมีการตั้งคณะกรรมการคดีพิเศษ เพื่อทำคดีนี้ แต่หากไม่รับเป็นคดีพิเศษ ก็จะมีการส่งสำนวนต่อ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการ ตามอำนาจหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง

ด้านนายนาเคนทร์ ทองไพวัลย์ อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า การที่พิสูจน์พยานหลักฐานทั้งหมด มาจากกรมสอบสวนคดีพิเศษเป็นหลัก ทำให้ที่ประชุมเชื่อได้ว่า น่าจะมีความผิดทางอาญาเกิดขึ้นตามความผิดฐาน พ.ร.ป.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว. ซึ่งส่วนนี้จะมีการนำเสนอที่ประชุม กคพ.พิจารณาอีกครั้ง