“อนุทิน” สั่งการจัดระเบียบสังคม ประเมินเคพีไอหน่วยงานปกครอง ปัดกดดันแค่กระตุ้นปราบผู้มีอิทธิพล

“อนุทิน” ไม่ก้าวล่วง ไทยส่งอุยกูร์กลับจีน บอกไม่มีส่วนให้ความเห็น เป็นเรื่องของ กต.-กห. ยันมหาดไทยดูแล นทท.เข้มข้นอยู่แล้ว หลังหลายสถานทูตเตือนพลเมืองเข้าไทย ส่วนข้อสั่งการจัดระเบียบสังคม ประเมินเคพีไอ ไม่ได้กดดันฝ่ายปฎิบัติ แค่กระตุ้นให้เกิดการติดตาม

วันที่ 1 มี.ค.2568 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึง ข้อสั่งการให้กลไกปกครองทุกระดับบังคับใช้กฎหมายขับเคลื่อนจัดระเบียบสังคม ทั้งสถานบริการ ยาเสพติด ค้ามนุษย์ อาวุธปืน การพนัน และผู้มีอิทธิพล โดยให้รายงานเคพีไอทุกเดือน โดยระบุว่า เป็นเรื่องปกติ แต่เป็นการกระตุ้นอีกครั้ง เพื่อให้เกิดการติดตาม ซึ่งเป็นภารกิจหลักที่ผู้ว่าราชการจังหวัด ต้องสั่งการไปยังนายอำเภอ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ถือเป็นหนึ่งในภารกิจของกระทรวงมหาดไทย ไม่ใช่เรื่องใหม่

ส่วนเรื่องเคพีไอก็ต้องทำตลอดเวลา เพราะจะมีการแต่งตั้งโยกย้ายประเมินผลงานข้าราชการของกระทรวง ไม่ใช่เรื่องที่จะมากดดันอะไรทั้งสิ้น โดยในระยะเวลา 30 วัน ปลัดกระทรวงก็จะต้องกำหนดออกมา ว่าแต่ละจังหวัดจะต้องดำเนินการอย่างไร ซึ่งปลัดกระทรวงก็เพิ่งเข้ามาใหม่ เพราะตอนนี้มีเรื่องยาเสพติด ซึ่งเป็นนโยบายที่นายกรัฐมนตรีกำชับให้เร่งดำเนินการ ในฐานะที่กระทรวงมหาดไทย รับผิดชอบอยู่แล้วฝ่ายปกครองก็จะต้องไปดำเนินการ ตรวจสอบอย่างใกล้ชิด

เมื่อถามว่าจะเกี่ยวเนื่องกับกรณีที่หลายสถานสถานทูต ออกมาแจ้งเตือนให้พลเมืองระมัดระวังในการเดินทางมาประเทศไทย นายอนุทินบอกว่า ขอให้สื่อมวลชนปล่อยใจโล่งๆ ถ้าไปคิดว่า แต่ถ้า…แต่ถ้า ถามเท่าไหร่ก็ไม่จบ มันไม่มีอะไร

ยกตัวอย่างกรณีที่อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน ที่มีการปั่นข่าวจนวุ่นวายไปหมด จนต้องเสียเวลาเสียค่าตั๋วเครื่องบินไปลงพื้นที่ เมื่อไปถึงก็ไม่มีอะไร มีแต่นักท่องเที่ยว ชาวบ้านก็พึงพอใจกับสิ่งที่เป็นอยู่ เพียงแต่เราเข้าไปจัดระเบียบนักท่องเที่ยว ว่าเมืองปายเป็นเมืองที่มีวัฒนธรรม เน้นการท่องเที่ยวแบบสงบ ไม่ใช่การเข้ามาเฮฮา ทำลายความสงบ เมื่อทำความเข้าใจกัน ก็ได้รับความร่วมมืออย่างดี จากองค์กรท่องเที่ยวต่างๆ โดยทูตอิสราเอลก็จะช่วยกำชับอีกทาง ทุกอย่างเรียบร้อยดีไม่มีการทำจารกรรม ขุดอุโมงค์หรือเรื่องเกี่ยวกับความมั่นคง ข่าวเสนอไปจนคนตื่นตระหนกไปหมด

นายอนุทิน กล่าวว่า เรื่องการท่องเที่ยวก็ดูเรื่องความสงบเรียบร้อย อย่าให้มีการเอาเปรียบ โดยต้องกำชับผู้ประกอบการ ว่าจะมีความผิดทางกฎหมายและทำลายบรรยากาศการท่องเที่ยว กว่าจะเรียกนักท่องเที่ยวเหล่านี้กลับมาได้ใช้เวลาตั้งกี่ปี นักท่องเที่ยวยังเชื่อมั่นในประเทศไทย ตัดสินใจกลับมาเที่ยว ถ้าไม่รับแขกอย่างอบอุ่น ไม่ให้ความต้อนรับที่ดี ไม่ให้ความปลอดภัยความมั่นใจ เที่ยวนี้ก็คงไม่กลับมาแล้ว เราก็จะเดือดร้อน เชื่อว่าคนที่ประกอบการด้านการท่องเที่ยวจะไม่เผาบ้านตัวเอง

เมื่อถามย้ำถึงกรณีที่หลายประเทศออกประกาศเตือนพลเมืองที่มาเที่ยวประเทศไทยให้ระวังตัว หลังไทยส่งอุยกูร์กลับจีน จะกระทบกับการท่องเที่ยวหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เรื่องนี้ตนไม่ล่วงละเมิด เพราะไม่ได้มีส่วนในการให้ข้อเสนอแนะ หรือได้รับการสอบถามความเห็น เป็นเรื่องของกระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงกลาโหม ตนให้ความเห็นไม่ได้

ส่วนกระทรวงมหาดไทยจะกำชับให้แต่ละท้องถิ่นดูแลนักท่องเที่ยวเข้มข้นขึ้นหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า กระทรวงมหาดไทยก็มีผู้ว่าราชการจังหวัด มีนักปกครอง ที่ต้องทำให้พื้นที่เป็นไปตามกฎหมาย ให้ความสงบสุขเกิดขึ้น เป็นเรื่องปกติ โดยปลัดกระทรวงมหาดไทย ออกข้อสั่งการสัปดาห์ละหลายครั้ง ถ้ามีประเด็นที่ต้องคำนึงถึงในแต่ละวัน ก็จะใส่เป็นข้อสั่งการเพิ่มเติม เรื่องนี้ก็เป็นส่วนหนึ่ง การดูแลรักษาความเรียบร้อยของบ้านเมืองและการบังคับใช้กฎหมาย เป็นสิ่งที่ต้องปฏิบัติอยู่แล้ว ถ้าจะบอกว่าให้กำชับดูแลอย่างเข้ม ก็แสดงว่าเขาหย่อนยาน มันไม่ได้เป็นอย่างนั้น