นายรังสิมันต์ โรม รองหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะประธาน กมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐฯ ให้สัมภาษณ์ในรายการกรรมกรข่าวคุยนอกจอ เผยถึงกรณี ปปส. ตอบจดหมายอนุทิน บริษัทรับซื้อไม่มีมีส่วนเกี่ยวข้องขบวนการยาเสพติด-แก๊งคอลเซ็นเตอร์
การตอบของ ปปส.เป็นปัญหาเหมือนกัน ชี้ปปส.รู้ดีว่า ถ้าเป็นฝั่งแม่สาย เกี่ยวข้องกับยาเสพติด เพราะปปส.เป็นคนไปยึดทรัยพ์ แต่ถ้าในส่วนของในส่วน SNTY ฝั่งนู้น ปปส.อาจจะไม่มีข้อมูล เพราะมันยังไม่มีการขยายผลคดีของนาย ว. ซึ่งขณะนี้ศาลชั้นต้นตัดสินประหารชีวิต ในเรื่องของการทำธุรกิจขายน้ำมันบังหน้าค้ายาเสพติด ซึ่งมันก็เชื่อมไปกับ บริษัท SNTY ซึ่งเป็นคู่สัญญาของ กฟภ. โดยที่เจ้าของบริษัท SNTY ก็คือพันตรีคนหนึ่ง ซึ่งเป็นกองกำลังของ BGF และถูก Sanction ในหลายประเทศ ซึ่งการตัดไฟเพื่อตัดวงจรแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ในด้านหนึ่งก็ยอมรับว่ามันมีผลกระทบในพื้นที่ตรงนั้น
เมื่อถูกถามว่า ในฐานะที่เป็นพรรคการเมืองที่คำนึงถึงสิทธิมนุษยชน ต่อไปอาจจะมีภาพที่โรงพยาบาลถูกตัดไฟ ผู้ป่วยเดือดร้อนจากการเรียกร้องตัดไฟ นายรังสิมันต์ เผยว่า แต่ในอีกด้านหนึ่ง บริษัทที่เป็นคู่สัญญามีความเกี่ยวข้องกับยาเสพติด, เจ้าของบริษัทคู่สัญญาถูก Sanction, ชัดเจนว่าไฟฟ้าของเราถูกต่อไปให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ และ สมช.พูดชัดว่าแม้ 2 จุด “ชเวก๊กโก-เคเคพาร์ค” ที่เคยตัดไฟไปแล้ว แต่มีการพ่วงไฟจากจุดอื่น ๆ ไปให้ คำถามคือในฐานะที่ประเทศไทยกำลังพยายามปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และคิดว่าถ้าเราทลายจนหมดได้ ไม่ได้บอกว่าวันหนึ่งข้างหน้าเราจะไม่สามารถกลับไปจำหน่ายไฟได้ แต่ของให้ทลายให้หมดก่อน วันนี้ต้องเอาทุกทางให้ปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ให้หมดไป
วันนี้ในการตัดสินใจ มันไม่มีอะไรดี 100% หรือไม่มีผลกระทบ แต่เมื่อเราตัดสินใจ เราคำนึงถึงว่า เราจะปล่อยให้ไฟฟ้าของเรา ขยายเติบโตให้กับแก๊งคอลฯต่อไปแบบนี้ เราก็ยอมรับไม่ได้เช่นกัน