“โรม” ฝากนายกฯ ช่วยสั่ง “อนุทิน” เร่งตัดไฟข้ามแดนสกัดแก๊งคอลเซ็นเตอร์

“รังสิมันต์ โรม” ฝากถึง นายกรัฐมนตรี ช่วยสั่ง “อนุทิน” เร่งตัดไฟข้ามแดน สกัดแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ถามที่ไม่ตัดเพราะผลประโยชน์เยอะใช่หรือไม่ ไม่ต้องไปถามลิงที่ไหน บี้ “บิ๊กต่าย” สอบ “พลตำรวจตรี ต.” เอี่ยว เมียวดีคอมเพล็กซ์ ชี้เป็นผู้ยิ่งใหญ่ในแม่สอด

30 ม.ค. 2568 ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร แถลงผลการประชุม กมธ. เกี่ยวกับปัญหาการทุจริตแรงงานข้ามชาติ สืบเนื่องจากได้รับเรื่องร้องเรียนจากผู้ประกอบการที่มีแรงงานข้ามชาติในกิจการ ซึ่งในวันที่ 13 กุมภาพันธ์นี้ จะครบกำหนดการต่อใบอนุญาตแรงงามข้ามชาติ ซึ่งการจัดการดังกล่าวมีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้นต่อนายจ้างจำนวนมาก กล่าวคือมีความเป็นไปได้ว่าการจัดการแรงงานกลุ่มนี้ อาจเป็นเรื่องการทุจริต โยงถึงบัญชีม้า และข้อมูลส่วนบุคคลของนายจ้าง ซึ่งกังวลว่าอาจตกไปอยู่ในมือแก๊งคอลเซ็นเตอร์ รวมถึงข้อกังวลที่ต้องผ่านกระบวนการของประเทศเพื่อนบ้าน โดยประเด็นนี้มีการร้องเรียนว่า การขึ้นทะเบียนตรงนี้ต้องมีการจ่ายใต้โต๊ะผ่านบัญชีม้า ซึ่งอยู่ในระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริง

นอกจากนี้ ยังมีการให้ข้อมูลของนายจ้างด้วย เราไม่มีทางรู้ว่าการจัดเก็บข้อมูลตรงนี้ปลอดภัยหรือไม่ซึ่ง ก็ได้กระทรวงแรงงานไปคิดอุดช่องโหว่ เพราะอาจมีผู้ไม่หวังดีเอาข้อมูลเหล่านี้ไปใช้ประโยชน์ เพื่อนำไปสู่การที่มิจฉาชีพหลอกลวงนายจ้าง และก่อให้เกิดความสูญเสียเป็นวงกว้าง ขณะเดียวกันยังมีการร้องเรียนเกี่ยวกับบริษัทที่มาเรียกเก็บเงิน ในเรื่องการทำสัญญาต่างๆ ซึ่งหากเป็นเรื่องจริง เท่ากับประเทศไทยกำลังส่งเงินให้รัฐบาลเมียนมาสูงเกือบ 10,000 ล้านบาท ในเรื่องของการจัดหาแรงงาน

นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า อยากให้มีการทบทวนมาตรการของกระทรวงแรงงาน เบื้องต้นได้ให้ข้อสังเกตต่ออธิบดีกรมการจัดหางานไปว่า ต้องมีการทบทวนกระบวนการดำเนินการ เพราะใกล้จะครบกำหนดการต่ออายุแรงงานแล้ว

อย่างไรก็ตาม ตนได้รับข้อมูลใหม่เพิ่มเติม 2 เรื่อง เกี่ยวกับคอลเซ็นเตอร์ คือ 1.บริเวณ ชเวก๊กโก กับ TK Park มีการตัดไฟแล้ว แต่ปรากฏว่ามีคำขอจากรัฐบาลเมียนมา ให้ต่อไฟ 2 จุดนี้อีกครั้ง ซึ่งทางฝั่งไทยยังไม่ตัดสินใจว่าจะต่อหรือไม่ต่อ แต่ถ้ามีการต่อก็คือการต่อตรงเข้าแก๊งสแกมเมอร์ แต่ก็มีข้อสงสัยว่าเหตุใดจึงไม่ปฏิเสธไปทันที

2.ขอให้ช่วยกันติดตามแก๊งแสกมเมอร์ที่อยู่ในพญาตองซู ฝั่งเมียนมา โดยได้รับข้อมูลจากคนในพื้นที่ว่ามีการขยายใหญ่โตมาก และเป็นหนึ่งจุดสำคัญที่ไทยขายไฟฟ้าให้กับบรรดาแก๊งสแกมเมอร์ที่พญาตองซู ทั้งที่บริเวณจุดอ่อนบริเวณจุดผ่อนปรน ใน อ.สังขละบุรี มีขึ้นเพื่อการท่องเที่ยว และทราบว่าด่านนี้มีการปิดตลอด ซึ่งเป็นผลจากการสู้รบในเมียนมา ดังนั้น สุดท้ายแล้วการขยายแก๊งสแกมเมอร์ในพญาตองซู ก็ต้องพึ่งพาไฟฟ้าและสาธารณูปโภคพื้นฐานจากไทย และอาจกระทบต่อความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่ดังกล่าว

“ผมคาดหวังจาก คุณอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย ช่วยทำหน้าที่ของตัวเอง วันนี้คงไม่ต้องถามลิงที่ไหน เพราะก็มีตาอ่านข่าวสามารถตัดไฟได้เลย ไม่ต้องไปโยนให้ใครตัดสินใจเพราะเป็นอำนาจของกระทรวง แต่หากคุณอนุทินอยากให้ใครมาสั่ง ก็ขอฝากไปถึงนายกฯ แพทองธาร ชินวัตร ให้ช่วยสั่งคุณอนุทิน พร้อมมองว่าเรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องของอำนาจ แต่ตัดไฟไม่ได้เพราะผลประโยชน์เยอะใช่หรือไม่“ นายรังสิมันต์ กล่าว...

เมื่อถามย้ำถึงการเปิดเผยข้อมูลของ พลตำรวจตรี ต. มีข้อมูลมากน้อยแค่ไหนและจะให้ ผบ.ตร. กับ นายกรัฐมนตรี ดำเนินการอย่างไร นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่รู้กันในวงการตำรวจ พลตำรวจตรี ต. คนนี้เป็นผู้ยิ่งใหญ่ใน อ.แม่สอด และเป็นผู้ถือหุ้นรายสำคัญของเมียวดีคอมเพล็กซ์ ดังนั้นจึงขอฝากให้ ผบ.ตร. เริ่มต้นด้วยการตรวจสอบพลตำรวจตรีคนนี้ก่อน ซึ่งตนชี้เป้าให้แล้ว

เมื่อถามถึง การที่ นายหลิว จงอี ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงและสาธารณะ แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน เดินทางมาประชุมกับเจ้าหน้าที่ไทย เรื่องการปราบปรามกระบวนการคอลเซ็นเตอร์ คิดว่าจะสามารถดำเนินการได้หรือไม่ นายปิยะรัช จงเทพ โฆษก กมธ.ความมั่นคงฯ บอกว่าได้รับทราบกรณีนี้ ซึ่ง นายหลิว จงอี มาในฐานะตัวแทนของรัฐบาลจีน และต้องการตั้งกระบวนการสืบสวนสอบสวนไปพร้อมกัน ทราบว่าทางการไทยได้ส่งตำรวจไปร่วมในกระบวนการนี้ โดยมีสองประเด็นสำคัญคือจะเป็นการทำงานโดยอิสระและมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลของหน่วยงานด้านความมั่นคงไทยมากน้อยแค่ไหน หากต่างฝ่ายเปิดเผยกันได้เต็มที่ ก็ต้องดูด้วยว่าการสั่งการของคณะทำงานชุดนี้จะมีผลต่อรัฐบาลไทยอย่างไร เพราะหากรัฐบาลไทยไม่ตอบรับก็ไม่มีประโยชน์

ประเด็น 2 คือความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลเมียนมากับไทย จะมีผลกระทบด้วยหรือไม่ เพราะการเข้ามาของจีนอาจส่งผลกระทบกับความสัมพันธ์ไทย-เมียนมาในอนาคต