เลือกตั้งและการเมือง
รมว.คลัง เดินหน้านำเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ เข้า ครม. ด้าน เลขาฯกฤษฎีกา ยันไม่ได้โดดขวาง
โดย nutda_t
13 ม.ค. 2568
34 views
นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวภายหลังกฤษฎีกา มีข้อท้วงติงใน 6 ประเด็น เกี่ยวกับ พ.ร.บ.การประกอบกิจการสถานบันเทิงครบวงจร หรือ "เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์" ที่จะนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในวันนี้ ว่าวันนี้จะไม่ถอนร่างดังกล่าว ซึ่งในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ก็คงได้พูดคุยกัน หลังจากกระทรวงการคลัง ได้หารือเหตุผล ความจำเป็นอย่างไร ซึ่งมีเหตุผลและความจำเป็นเพื่อแข่งขันกับประเทศอื่น แต่สิ่งที่ต้องไปกำกับอย่างประเทศอื่นที่มีเกมรูม หรือความสนุกสนาน ซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนน้อย แต่รายได้มาจากส่วนอื่นมากกว่า ส่วนใหญ่จะเป็นพวกโรงแรม ร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยว ที่อยู่พื้นที่ใกล้เคียง และหากสถานที่ดังกล่าวอยู่ในพื้นที่ที่เหมาะสม ก็จะเกิดการจ้างงาน
เมื่อถามว่านอกจากกฤษฎีกาที่ไม่เห็นด้วยแล้ว มีหน่วยงานอื่นอีกหรือไม่ นายพิชัย ระบุว่า ไม่มีใครที่ไม่เห็นด้วยในเชิงของหลักการ เกือบจะ 90% ที่เห็นด้วยทั้งหมด แต่ทุกคนมีข้อสังเกตที่ตรงกับลักษณะงานที่ตัวเองดูแลอยู่ อย่างเรื่องกาสิโน ที่กลัวคนไทยและเด็กอายุไม่ถึง 20 ปี เข้าไปเล่น ซึ่งเป็นเรื่องที่กระทรวงต้องรับไว้ ว่าจะต้องกำกับอย่างไร ซึ่งรัฐบาลไม่ได้สนับสนุน เพราะสิ่งที่รัฐบาลต้องการคืออยากให้ต่างประเทศเข้ามาใช้เงินมากกว่า
ส่วนสาเหตุที่ไม่ไปแก้ไขกฎหมายการพนันโดยตรง ยืนยันได้ว่า ไม่ได้เอาการท่องเที่ยวมาบังหน้า แต่หลายๆ อย่างเป็นเรื่องของการเอ็นเตอร์เทนเมนต์ และรายได้ที่มาจากกาสิโนเป็นส่วนน้อย พร้อมยกตัวอย่างห้างสรรพสินค้าหนึ่งห้าง ที่ทุกวันนี้คนไปเดินห้างไม่ได้ไปซื้อสินค้าเพียงอย่างเดียว เพราะทุกคนมีการปรับตัวหมด ในห้างสรรพสินค้ามีบริการที่หลากหลาย แต่เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์คือภาพขนาดใหญ่ ต้องดูแลองค์ประกอบให้ไปในทิศทางเดียวกันด้วย จึงต้องออกกฎหมายมากำกับดูแล
พร้อมย้ำว่ากฎหมายเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ของกระทรวงการคลัง และกฎหมายการพนันออนไลน์ ที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กำลังจะศึกษาเป็นคนละเรื่องกัน
ด้าน นายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาคณะกรรมการกฤษฎีกา กล่าวถึงกระแสข่าวว่าคณะกรรมการกฤษฎีกา ทักท้วงร่างกฎหมายเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ที่จะนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เพื่อพิจารณาวันนี้ ว่าไม่ได้ ไม่เห็นด้วย แต่หลักในการทำกฎหมายของรัฐบาล จะต้องยึดนโยบายของรัฐบาลเป็นหลัก ซึ่งจะต้องไปดูคำแถลงนโยบายต่อรัฐสภา โดยจะไปดู Man-made destination หรือแหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้น จะมีตั้งแต่สวนสนุกอื่นๆ และเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ เข้าไปอยู่ในนั้น แต่กฎหมายที่กระทรวงการคลังร่างขึ้น ใช้ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการ ในสภาผู้แทนราษฎรเป็นหลัก ซึ่งพูดถึงเฉพาะเรื่องของเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ และการแก้ไขปัญหาการพนัน ฉะนั้นจึงแคบกว่าสิ่งที่รัฐบาลต้องการ คณะกรรมการกฤษฎีกา จึงมีความเห็นว่า นโยบายของรัฐบาลกว้างกว่า ดังนั้นถ้าจะเป็น Man-made destination ควรจะเขียนให้กว้างขึ้นเพื่อความครอบคลุม รวมถึงมีข้อสังเกตเรื่องเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ที่ในรายงานศึกษาของสภาผู้แทนฯ ที่มุ่งเน้นไปที่การแก้ไขปัญหาการพนัน แต่กฤษฎีกา มองว่าการสร้างเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ไม่ได้แก้ไขปัญหาการพนันโดยตรง ถ้าอยากแก้ไขปัญหาการพนันโดยตรง ต้องไปแก้ไขที่อื่น เช่น นิสัยของคน พฤติกรรมของคนที่ชอบเล่นการพนัน ซึ่งก็มีกฎหมายการพนันอยู่แล้ว จึงต้องเอาให้ชัดว่าร่างกฎหมายนี้ต้องการบรรลุวัตถุประสงค์อะไร ค่อยเสนอคณะรัฐมนตรีให้พิจารณา ว่าจะเน้น Man-made destination หรือจะเน้นเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ไม่อย่างนั้นก็ร่างไม่ถูก เพราะกระบวนการกลไกต่างกัน
ขณะเดียวกัน นายปกรณ์ ยังระบุอีกว่า ถ้าเป็นเน้น Man-made destination จะเป็นเหมือนรีสอร์ตขนาดใหญ่ มีทั้งสนามกอล์ฟ สถานบันเทิง เหมือนที่เจอในต่างประเทศ มีที่พักสำหรับครอบครัว และมีกิจกรรมของแต่ละคน มีสวนสนุกและสวนน้ำสำหรับเด็ก สุภาพสตรีมีศูนย์การค้า ขณะที่ผู้ชายจะมีกีฬา ในส่วนของการพนันมีเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ถ้าต้องการเช่นนี้จริงๆ ต้องขยายขอบของกฎหมายให้ครอบคลุม จึงเสนอไปยังคณะรัฐมนตรีขอให้เอาให้ชัดก่อน พร้อมยืนยันว่าไม่ได้กระโดดขวาง เหมือนที่สื่อบางสำนักพาดหัวไว้ จะย้ายผมหรือครับ
เมื่อถามว่าในกรณีที่ขัดกับนโยบายของรัฐบาลจะถือว่าผิดกฎหมายหรือไม่ นายปกรณ์ อธิบายว่า เรื่องนี้ไม่ถือว่าขัด เพราะเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ อยู่ด้านใน เพียงแต่ว่าเล็กนิดเดียว แต่เป้าหมายของรัฐบาลที่จะทำ หากเป็น Man-made destination ที่จะเป็นการดึงดูดการท่องเที่ยว ก็อยู่ในนโยบายที่เห็นชัดเจน
เมื่อถามว่าจำเป็นต้องทำความเข้าใจกับสังคมให้ดีก่อนหรือไม่ ไม่ใช่การหมกเม็ดเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายปกรณ์ ออกตัวว่า ตนไม่ได้บอกว่าหมกเม็ด แค่บอกว่าร่างกฎหมายกับกลุ่มเป้าหมายยังไม่ชัด จึงอยากให้ถามคณะรัฐมนตรีว่าจะเอาอย่างไรแน่ แล้วมาคุยกับสังคมให้ชัด ซึ่งก็ทำได้เหมือนกันไม่มีปัญหาอะไร ซึ่งหากวันนี้มีการนำเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ว่าจะวัดบรรลุวัตถุประสงค์อะไร กฤษฎีกาก็จะไปร่างกฎหมาย ให้ตรงกับวัตถุประสงค์ตามนโยบายที่รัฐบาลต้องการ สามารถดำเนินนโยบายนี้ได้ไม่มีปัญหาอะไร เพราะเป็นเรื่องที่นายกรัฐมนตรีไปแถลงนโยบายต่อรัฐสภาไว้อยู่แล้ว จึงไม่มีประเด็นปัญหาเรื่องนโยบาย เพราะจริงๆสภาฯรับรู้แล้ว ว่าจะมีเรื่องในวันนี้ ถ้าหลักการและเป้าหมายชัดเจน ก็เดินหน้าได้ ไม่มีประเด็นอะไรเลย ไปพาดหัวกันเสียจน ผมจะถูกย้ายออกจากเก้าอี้แล้ว