น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินลงมาจากตึกไทยคู่ฟ้า มาหาสื่อฯประจำทำเนียบรัฐบาล โดยอ้างว่ามาพบสื่อฯเพื่อจะสอบถามเรื่องอาหารที่จะนำมาจัดเลี้ยงปีใหม่ทำเนียบรัฐบาลในวันพรุ่งนี้ (24 ธ.ค.) พร้อมพูดติดตลกว่า” พรุ่งนี้ไม่สัมภาษณ์นะ” และกล่าวถึงฉายาที่ได้รับเป็นปีแรก “แพทองโพย” ว่าเราเป็นแพทองแพด เราใช้ไอแพด ไม่ได้ใช้โพย ซึ่งสื่อฯก็บอกว่าข้อมูลอยู่ในไอแพด ก่อนที่นายกฯ ตอบกลับว่า “แซวเล่น” พร้อมบอกว่าปีใหม่แล้วสดใสกันหน่อย พร้อมชี้ตัวเองว่าใส่เสื้อสีสัน และบอกกับสื่อฯ ว่าไม่โกรธสื่อฯ
และพูดถึงฉายารัฐบาลพ่อเลี้ยง พร้อมหัวเราะ และกล่าวว่าไม่โกรธเลย โดยสื่อฯพยายามอธิบายกับนายกรัฐมนตรี ว่า พ่อส่งในเรื่องของแนวทางการทำงาน ซึ่งนางสาวแพรทองธาร กล่าวตอบว่าเป็นเรื่องดี เพราะคุณพ่อมีประสบการณ์ เรื่องเศรษฐกิจคุณพ่อก็ดี บางอย่างที่ปรับใช้กับยุคนี้ได้ ยิ่งเป็นเรื่องดี เราต้องหัดมองมุมที่มันดีบ้าง
“อย่าให้เป็นดราม่า ต้องทะเลาะกัน เหนื่อย ชีวิตทุกคนทำงานมาทั้งปีแล้ว เป็นโหมดต้องแฮปปี้แล้ว ทำงานผ่านมาแล้วปีหนึ่ง แฮปปี้ มีความสุข ภูมิใจกลับอะไรบ้าง ให้ทุกคนคิดแบบนี้ รวมถึงจะปรับปรุงอะไรบ้าง อย่าไปบี้ตัวเอง หรือทำให้รู้สึกว่าแย่ มันจะปีใหม่แล้ว อากาศก็ดี สดชื่น สดใส ขอให้ทุกคนได้พักผ่อน อย่าไปเครียดมาก มีเรื่องเครียดในชีวิตเยอะแล้ว” น.ส.แพทองธารกล่าว
ส่วนวาทะแห่งปี สามีเป็นคนใต้ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่าก็ยอมรับสามีเป็นคนใต้ คุณพ่อเป็นคนเหนือ คุณแม่ภาคกลาง ส่วนพี่ๆ เป็นลูกครึ่ง ดีค่ะ เพราะเป็นเรื่องจริง เป็นความจริง ก็เป็นคนใต้จริง ๆ พร้อมย้ำว่าตัวเองเป็นลูกครึ่ง พ่อคนเหนือ แม่เป็นคนภาคกลาง ก่อนถามสื่อว่าทุกคนเป็นคนภาคไหนกันบ้าง
เมื่อสื่อถามว่า คำว่าสามีเป็นคนใต้ ถูกวิพากษ์วิจารณ์ในโลกโซเชียล ซึ่งนายกฯ ก็ย้อนถามกลับว่าวิจารณ์ในเรื่องอะไร สื่อฯ กล่าวต่อว่านายกรัฐมนตรีไม่ลงพื้นที่ภาคใต้เพราะไม่มีฐานเสียงในภาคใต้ ซึ่งเป็นสิ่งที่โซเชียลสะท้อนมา น.ส.แพทองธาร ก็กล่าวว่า ไม่ว่าจะอยู่จังหวัดไหน ต้องดูแลหมด การที่จะลงพื้นที่ สมมติว่าน้ำท่วมทุกจังหวัด นายกฯไปคนเดียวไม่ไหวแน่นอน ครม.มีหลายคนก็ช่วยกันไป รวมถึง สส. ขั้นแรกต้องดูแลประชาชนในพื้นที่ก่อน
ยืนยันตนเองถ้าไปเองได้ไปทันที ตอนต้นเดือนสื่อฯก็น่าจะเห็นตารางงานแล้วว่าแน่น ตั้งแต่เดือน พ.ย.จนถึง ธ.ค. ซึ่งถ้าไปได้ก็ไป ส่วนการเยียวยาเคาะให้ภาคใต้เร็วที่สุด ซึ่งถ้ามีประเด็นกับภาคใต้คงไม่เคาะให้เร็วที่สุด และคงไม่ทำ พร้อมบอกว่าตนเองเป็นหนึ่งคนที่ผ่านอะไรมาเยอะในชีวิต ตั้งแต่เด็กที่เจอเรื่องการเมือง แต่จะให้นึกว่าให้เกลียดใครนึกไม่ออก เพราะไม่ค่อยเกลียดใคร เพราะมันเหนื่อย
“จึงรู้สึกว่าไม่ต้องเกลียด ถ้าเราไม่ชอบ เอ็นเนอร์จีเรากับคนนั้น ๆ ไม่ได้ ก็แค่ถอยมา ถ้าจะต้องไปเกลียดหรือไม่ชอบใครมันเหนื่อย พร้อมถามกลับว่าเคยไม่ชอบคนหรือไม่ มันเหนื่อย” น.ส.แพทองธารกล่าว
เมื่อสื่อถามว่าแสดงว่า นายกรัฐมนตรีมีภูมิคุ้มกันทางการเมืองมาตั้งแต่เด็ก นายกฯ กล่าวว่าก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าเรียกว่าภูมิคุ้มกันหรือไม่ แค่รู้สึกว่าเราไม่ชอบตรงไหนเราก็ถอยออกมา อยู่ในจุดที่เราโอเค เราแฮปปี้ เราเป็นประโยชน์ได้ก็ตรงนั้น อย่าไปเกลียดใครมากเพราะมันเหนื่อย
เมื่อถามว่า เมื่อฟังเสียงสะท้อนจากสื่อและโซเชียลในปีหน้า นายกฯตั้งเป้ายังไง น.ส.แพทองธาร กล่าวว่าเป้าของตัวเองคือความเดือดร้อนของประชาชน จะต้องได้รับการแก้ไข อะไรเดือดร้อนต้องแก้ก่อน แต่บางอย่างต้องใช้เวลาในการแก้ เช่นการวางแผนในเรื่องเศรษฐกิจ เพิ่มการสร้างรายได้ ต้องรีบทำคู่กัน อะไรที่คิกออฟได้ต้องออกให้หมด อะไรที่จะซัปพอร์ตประชาชนได้ต้องออกให้หมด นั่นคือเป้าหมาย ส่วนจะมีการดรามาก็ขอให้เป็นเรื่อง ๆ ไป
ขณะที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงสื่อประจำทำเนียบรัฐบาลได้ตั้งฉายา” ภูมิใจขวาง “นายอนุทินหัวเราะเบาๆ ก่อนระบุว่า “ขอบคุณสื่อ ที่เมตตาปรานี ก็โอเค พร้อมระบุว่าตนไม่ได้ภูมิใจที่ไปกว่าอะไรใคร แต่ตนภูมิใจที่ทำในสิ่งที่คิดว่าเป็นประโยชน์กับบ้านเมือง”
ส่วนมองภาพรวมฉายารัฐบาล “รัฐบาลพ่อเลี้ยง” อย่างไร นายอนุทิน กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีทำงานหนัก จากที่ตนเห็นเพราะได้อยู่กับท่านด้วย ไปไหนมาไหนก็ไปกับท่าน ตนมองว่าท่านมีจิตใจที่มุ่งมั่น ท่านอาจจะไม่ได้อยากมาเป็นแต่ด้วยสถานการณ์อะไรต่างๆ ท่านก็ตัดสินใจรับตำแหน่งเพราะท่านรับตำแหน่งปุ๊บ ก็ตัดสินใจจะไม่มองข้างหลังแล้ว จะไม่พูดแล้วว่าไม่เอาแล้ว ไม่เป็นแล้ว จะตั้งหน้าตั้งตาทำงาน ตนว่าเราก็ต้องให้โอกาส ตั้งแต่ท่านมาเป็นหัวหน้ารัฐบาลตนก็เห็นความทุ่มเทและความพยายาม ซึ่งท่านมีลักษณะเป็นผู้นำ ก่อนจะที่นายอนุทินจะออกตัวว่านี่คนละพรรคนะ ไม่ใช่ว่าจะต้องเอาใจหรืออวยกัน เพราะก็เห็นๆ อยู่
ส่วนจะต้องมีการกำชับ พลตำรวจเอกเพิ่มพูนชิดชอบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการและนายนภินทร ศนีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งรายชื่อในรัฐมนตรีโลกลืม หรือไม่นั้นนายอนุทินกล่าวว่า ผลงานเขา แต่เขาไม่ชอบพูดเดี๋ยวต้องไปลากเขาออกมาพูด กระทรวงศึกษาธิการมีผลงานเยอะมาก แต่เพราะเป็นคนไม่ชอบพูด ไม่เหมือนกับตนเห็นนักข่าวแล้วชอบเดินเข้าหา แต่พี่อุ้มเขาเห็นนักข่าวแล้วชอบรีบเดินเข้าประตูข้าง ก็ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน ส่วนนายนภินทร ถามว่าโลกลืม แต่เขตของเขาไม่ลืม ประชาชนของเขาไม่ลืม คนที่เขารับผิดชอบดูแลเรื่องตลาดพืชผลทางการเกษตรก็ไม่ลืมเขา อยู่ที่แต่ละคนคิดอย่างไร
พร้อมกับกล่าวว่ารัฐมนตรีช่วยก็แบบนี้ สมัยตนเป็นรัฐมนตรีช่วยโลกก็ลืม อยู่กระทรวงสาธารณสุขลืมหมดเลย นายกฯ ยังลืมเลยไปนั่งอยู่กับนายทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ท่านยังถาม เอ๊ะ คนนี้ใคร เคยมาแล้วไม่เป็นไรหรอก เป็นไปตามบทบาท เดี๋ยวพอเวลาผ่านไป แต่ตนก็ต้องรับ ไม่ใช่ไม่รับเลย เดี๋ยวก็ต้องบอกแต่ก็บอกเขามาโดยตลอดว่าอยู่งานการเมืองจะทำอะไรก็ต้องให้ประชาชนรับทราบ ไม่ใช่เป็นเรื่องการประชาสัมพันธ์ตัวเอง เห็นแต่เป็นการทำให้ประชาชนเกิดความสนใจ อาจเป็นประโยชน์กับเขา เขาจะได้มาร่วม รับผลของนโยบายที่แต่ละรัฐมนตรีได้ทำ พร้อมขอบคุณผู้สื่อข่าวที่สะท้อนได้ดี ตนคิดว่าคงไม่มีใครอยากเป็นรัฐมนตรีโลกลืม เดี๋ยวคงต้องปรับปรุงเรื่องการให้ข่าวสารต่อสาธารณะ
ด้าน นายณัฐพงษ์ เรื่องปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงการตั้งฉายารัฐบาล ของสื่อมวลชนประจำทำเนียบรัฐบาลปีนี้ ที่ได้รับฉายา รัฐบาล “พ่อ” เลี้ยง ว่า ตนอยากได้ยินฉายาผู้นำฝ่ายค้านมากกว่า ไม่แน่ใจว่าฉายาผู้นำฝ่ายค้านออกมาหรือยัง แต่ถ้าออกมาแล้วก็พร้อมที่จะแสดงความเห็น
เมื่อถามว่าคำว่า รัฐบาล “พ่อ” เลี้ยง สะท้อนอะไร นายณัฐพงษ์ กล่าว สื่อมวลชนมีสิทธิ์ที่จะตั้งคำถามตนเชื่อว่าประชาชนก็รอติดตามการเมืองอย่างใกล้ชิด หวังว่าฉายาที่ตั้งให้ ไม่ว่าจะเป็นฉายารัฐบาล หรือผู้นำฝ่ายค้านที่ตนกำลังรอฟังอยู่นั้น ก็จะเป็นสิ่งที่พวกเราเอามาสะท้อนตัวเองและปรับปรุงการทำงานให้ดีขึ้น
เมื่อถามถึงฉายานายกรัฐมนตรีที่ได้รับว่า “แพทองโพย” สะท้อนอะไร นายณัฐพงษ์ กล่าวเหมือนเดิมว่า เป็นสิทธิที่สื่อมวลชนตั้งคำถาม แต่อย่างที่บอกอยากฟังฉายาตัวเองมากกว่า แน่นอนที่สุด น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้รับฉายาไป รวมถึงตนด้วย คงต้องนำมาปรับปรุงการทำงาน