เลือกตั้งและการเมือง

มติเอกฉันท์! ศาลรธน.ตีตกคำร้องเอื้อ ‘ทักษิณ’ นอนชั้น 14 - ‘จตุพร-แก้วสรร’ นำมวลชนบุก ป.ป.ช.จี้เร่งสางคดี

โดย petchpawee_k

5 ชั่วโมงที่แล้ว

17 views

ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเอกฉันท์ไม่รับคำร้องปม รมว.ยุติธรรม-อธิบดีกรมราชทัณฑ์-ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ส่ง “ทักษิณ” รักษาตัวชั้น 14 ข้อเท็จจริงยังไกลกว่าเหตุละเว้นปฏิบัติหน้าที่

วานนี้ 18 ธ.ค. 2567 ศาลรัฐธรรมนูญประชุมปรึกษาคดีที่สำคัญ คำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 ที่นายคงเดชา ชัยรัตน์ (ผู้ร้อง) ยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 ว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม (ผู้ถูกร้องที่ 1) มีอำนาจหน้าที่กำกับดูแลกรมราชทัณฑ์และรับทราบการบังคับใช้กฎกระทรวงการส่งตัวผู้ต้องขังไปรักษาตัวนอกเรือนจำ พ.ศ.2563 อธิบดีกรมราชทัณฑ์ (ผู้ถกร้องที่ 2) และผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร (ผู้ถูกร้องที่ 3) มีอำนาจให้ความเห็นชอบและอนุญาตบังคับใช้กฎกระทรวงดังกล่าว ส่งตัวนายทักษิณ ชินวัตร ไปรักษาตัวที่ห้องพิเศษ ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ทั้งที่ไม่มีหลักฐานชัดเจนว่ามีอาการป่วยรุนแรงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 246 วรรรคหนึ่ง (2)

อีกทั้งได้ดูแลให้มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 53 กระทำการเอื้อประโยชน์ให้แก่นายทักษิณ ชินวัตร ให้ได้รับสิทธิรักษาพยาบาลดีกว่าผู้ต้องขังรายอื่น ทำให้บุคคคลไม่เสมอกันในกฎหมาย ขัดหรือแย้งต่อรัฐธธธรรมนูญ มาตรา 27 เป็นการกระทำที่เป็นการล้มล้างอำนาจอธิบไตยฝ่ายตุลาการ เป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิบไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่ง

ผู้ร้องยื่นคำร้องต่ออัยการสูงสุด เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2567 ขอให้อัยการสูงสุดร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสั่งการให้นายทักษิณ ชินวัตร เลิกการกระทำที่เป็นการครอบงำหรือจูงใจใจให้ผู้ถูกร้องทั้งสามใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข แต่อัยการสูงสุดมีคำสั่งไม่รับดำเนินการตามที่ร้องของขอ ผู้ร้องยื่นค้าร้องต้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อขอให้ศาลรัฐธธธรรมญวินิจฉัย ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 ขอให้ศาลรัฐธธรรมนูวินิจฉัยสั่งการให้ผู้ถูกร้องทั้งสามเลิกการกระทำดังกล่าว


ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาโดยการอภิปรายแล้วเห็นว่า ข้อเท็จจริงตามคำร้องและเอกสารประกอบคำร้องเป็นเพียงการกล่าวอ้างว่า ผู้ถูกร้องทั้งสามปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่ปรากฎข้อเท็จจริงหรือพยานหลักฐานอื่นที่ชัดเจนเพียงพอ และยังห่างไกลเกินกว่าเหตุที่แสดงให้เห็นได้ว่าผู้ถูกร้องทั้งสามกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่ง กรณีไม่ต้องด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการตามรัฐธธรรมนูญ มาตรา 49

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์มีคำสั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย

------------------------

 “จตุพร” จับมือแกนนำพันธมิตร - กปปส. นำมวลชนบุก ป.ป.ช.ยื่น 4 ข้อเสนอประกอบการพิจารณาคดีชั้น 14

วานนี้ 18 ธ.ค. 2567 เครือข่ายอดีตกลุ่มพันธมิตรและ กปปส. นำมวลชนจำนวนหนึ่งมาที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. เพื่อยื่นหนังสือถึงกรณีที่ ป.ป.ช. รับพิจารณาข้อกล่าวหานายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ และพล.ต.ท. ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ นายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง กรณีส่งตัวผู้ต้องขังรายนายทักษิณ ชินวัตร จากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ไปรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจโดยมิชอบ เพื่อให้เร่งรัดพิจารณาเรื่องนี้และดำเนินคดีขึ้นสู่ศาลโดยเร็ว


โดยนายพิชิต ไชยมงคล แกนนำคปท. ได้อ่านข้อเสนอ เพื่อประกอบการพิจารณา ดังนี้ ข้อ 1 คดีส่งตัวไปรักษานอกเรือนจำ พบว่ามีพยาน เป็นบุคคลชัดเจน ได้เข้าไปเยี่ยมและพบว่าไม่มีอาการเจ็บป่วย อีกทั้งยังไม่มีเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ควบคุม หรือประจำอยู่ห้องพิเศษดังกล่าว และยังไม่ปรากฏ หลักฐานการตรวจ หรือหลักฐานความเห็นของแพทย์ที่อนุญาต ให้ไปรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งพิธีการทั้งหมดขัดต่อขั้นตอนกฎกระทรวง ทั้งสิ้น และไม่ว่าป.ป.ช.จะขอความร่วมมือ ไปเท่าไรก็ไม่ได้รับ จึงเป็นหลักฐานที่เพียงพอว่าพฤติการณ์ดังกล่าวเข้าขทุจริตช่วยเหลือกัน โดยมิชอบ ส่งผลต่อความน่าเชื่อถือ ของกระบวนการยุติธรรมอย่างร้ายแรง ป.ป.ช.จึงต้องเร่งไต่สวน


ข้อ 2 คดีให้อยู่บ้านพักโทษ โดยมติการให้พักโทษ โดยอ้างว่า นักโทษมีสภาพร่างกายที่ไม่อาจช่วยเหลือตัวเองได้ ทั้งการนั่งเดินขึ้นบันไดอาบน้ำแต่งตัวรับประทานอาหาร จึงจำเป็นต้องพักโทษให้ แต่ปรากฏว่าหลังการพักโทษ นักโทษกับแข็งแรงขึ้นมาโดยพลัน เดินทางไปทั่วประเทศ ขึ้นปราศรัย ร่วมงานเลี้ยง ใช้ชีวิตปกติได้ทุกอย่างจึงไม่อาจเชื่อได้ว่า การพักโทษ มาจากการประเมินสภาพร่างกายโดยสุจริตและถูกต้อง ดังนั้นจึงอยากให้นำเรื่องดังกล่าวเข้าไปเป็นอีกหนึ่งคดีในชั้นการพิจารณาของป.ป.ช.ด้วย


ข้อ 3 เรื่องของการบังคับใช้กฎหมาย โดยกฎหมายไทยพยายาม ปราบปรามคดีทุจริตคอรัปชั่นเป็นพิเศษ แต่ปรากฏว่า หลังดำเนินคดีไปแล้วไม่มีกรอบ เกณฑ์การตรวจสอบที่เคร่ง ปล่อยให้กระบวนการทุจริตตัดทอน โทษทัณฑ์ตามคำพิพากษา กำเริบเสิบสาน เป็นผลให้ความยุติธรรมเสื่อมสลาย จนประชาชนสิ้นศรัทธา


 ข้อ 4
เข้าข่ายเป็นกระบวนการทุจริตระดับชาติ ใช้เงินสร้างอำนาจ แล้วใช้อำนาจมา สร้างเงิน สร้างพวก สร้างสื่อ สร้างผลงานทุจริตไว้ 2 ทศวรรษ จนเสียหายไปกว่าแสนล้าน และ หัวหน้ากระบวนการก็ยังยอมรับคำขออภัยโทษ ว่าได้ทำผิดไปแล้วจริงๆ แต่มาบัดนี้แทนที่จะยอมรับโทษ กับหลีกเลี่ยงแสงตน เข้าครอบงำพรรค ผลักดันนโยบายทุจริต สร้างประชานิยมไม่หยุดยั้งและล่าสุด ยังประกาศจะพาน้องสาวที่เป็นจำเลยหนีคดีทุจริตรับจำนำข้าวกลับมาด้วย ถือเป็นพฤติการณ์ทุจริตฉ้อฉลรัฐธรรมนูญ ไม่ยอมหยุดบทบาทการเมือง และพาประเทศไปในทางต่ำ


พร้อมกับย้ำว่านี่คือหายนะ ที่เห็นได้อย่างชัดเจน และอนาคตที่มืดมิดเช่นนี้ จึงฝากปปช ตระหนักและทุ่มเท รับผิดชอบ กู้อนาคตบ้านเมืองอย่างเต็มสติกำลัง


ขณะเดียวกัน ยังจะมีการยื่นให้สอบบุคคลเพิ่มเติม ทั้งพันตำรวจเอกทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และ นางพงษ์สวาท นีละโยธิน ปลัดกระทรวงยุติธรรม เพราะมองว่าอยู่ในกระบวนการที่ช่วยนายทักษิณ


ขณะที่นายนายแก้วสรร อติโพธิ นักวิชาการอิสระ กล่าวว่า จากที่เคยเป็นนักวิชาการด้านกฎหมาย และตรวจยึดทรัพย์นายทักษิณมาแล้ว มองได้ว่างานนี้หลักฐานและข้อกฎหมายชัดเจนว่ามีมูลความผิด และตนมั่นใจในการทำงานของป.ป.ช. และคิดว่ากฎหมายกำลังเดินไปตามทางที่ถูกที่ควร จึงขอให้เดินหน้าเต็มที่ และคิดว่าจะใช้เวลาไม่นาน พร้อมขอให้แพทย์ที่รักษานายทักษิณออกมาพูด โดยขอให้เอาตัวการจริงๆมาลงโทษ หลายคนถามว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับนายทักษิณ คำตอบในทางกฎหมายถ้าหมายศาลให้ขัง และหากไม่มีการขังตามหมาย ต้องออกหมายใหม่กลับไปเข้าคุก เป็นอำนาจศาล ฎีกา แผนกคดีอาญาทางการเมือง ที่นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีตสส.พรรคประชาธิปัตย์ กำลังจะไปร้อง ซึ่งศาลสามารถเรียกสำนวนจากป.ป.ช.ไปดูและวินิจฉัยได้ จุดสำคัญศาลสั่งกลับเข้าคุกได้ถ้าหลักฐานชัดเจน โดยไม่ต้องรอคำวินิจฉัยของป.ป.ช. เพราะคดีนี้เป็นคดีเจ้าหน้าที่ ดังนั้นนายทักษิณ เตรียมตัวได้ พร้อมกับกล่าวยามว่าหากป.ป.ช.ทำเรื่องนี้ให้กระจ่างจะยอมกราบเลย


นายประสาร มฤคพิทักษ์ อดีตสมาชิกวุฒิสภา กล่าว ยืนยันว่าที่มาวันนี้ไม่ได้ต้องการกวักมือให้ใคร ยึดอำนาจหรือตีงูให้กากิน หรืออยากได้ตำแหน่งแห่งหนอะไร เพราะทุกคนก็แก่กันหมดแล้ว แต่เป็นสำนึก ในการเป็นพลเมือง ที่ไม่ควรสยบยอมให้ใครคนใดคนหนึ่งกดข่มกระบวนการยุติธรรม ไม่ควรให้ใครลอยตัวอยู่เหนือโทษทัน


 ด้าน นายจตุพร พรหมพันธุ์ อดีตแกนนำ นปช. ระบุว่า มาให้กำลังใจ ป.ป.ช. เพราะมีความไม่สบายใจในอนาคต และท่านทราบดี เพราะคดีของนายทักษิณ ป.ป.ช.เป็นผู้ชี้มูลเอง วันนี้เรามาด้วยความหวังในการทำหน้าที่ของ ป.ป.ช.อย่างตรงไปตรงมา ในจำนวนผู้ที่ถูกตั้งองค์คณะไต่สวน 12 คนนี้ ใครไม่ผิดคือไม่ผิด ไม่ได้ต้องการมาทำให้ดำเป็นขาว ขาวเป็นดำ แต่ต้องการมาให้ถูกเป็นถูก ผิดเป็นผิด ดีเป็นดี ชั่วเป็นชั่ว ยอมรับว่าเรื่องการไต่สวนวันนี้ยังไม่ไว้ใจจนกว่าท่านจะได้พิสูจน์จนสิ้นข้อสงสัยแล้ว และได้ทำหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ถึงวันนั้นตนและคณะจะมาขอบคุณอีกครั้ง


นายจตุพร ยังระบุอีกว่า ขณะนี้เป็นที่ประจักษ์นายทักษิณ ไม่ได้ติดคุกแม้แต่วันเดียว เราต้องการเห็นน้ำยาของ ป.ป.ช.ไม่ต้องการเห็นขนมจีน เวชระเบียน ป.ป.ช.ไม่มีปัญหาเรียกมาใช่หรือไม่ กรรมการ ป.ป.ช. ชุดใหญ่ มีการขอไปยัง รพ.กรมราชทัณฑ์และรพ.ตำรวจ ไม่ได้ล้วงความลับผู้ป่วย ซึ่งการจะอ้างเป็นความลับ ป.ป.ช.สามารถขอเรื่องการทำหน้าที่ว่าได้ปฏิบัติตามประมวลกฎหมายอาญา ม.157 หรือไม่ หากโรงพยาบาลตำรวจไม่ให้เวชระเบียน ป.ป.ช.ต้องดำเนินคดีตั้งแต่ ผบ.ตร. รพ.ตำรวจ แม้กระทั่งผู้บังคับบัญชาของ ผบ.ตร. คือ นายกรัฐมนตรี


ด้านนายสาโรจน์ พึงรำพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. กล่าวว่า ขณะนี้คณะกรรมการป.ป.ช ได้ตั้งคณะกรรมการไต่สวน บุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้อง กับคดีนี้แล้ว และทางคณะกรรมการปปชมีมติชัดเจน ว่าหากพบ บุคคลอื่นที่มีส่วนร่วมกระทำความผิด ก็ให้ดำเนินการไต่สวนต่อไปด้วย ดังนั้น ไม่ต้องกังวล เราจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ตามความคาดหวังของประชาชน และต่ำกว่ามุ่งหมายของรัฐธรรมนูญ และขอยืนยันว่าทางป.ป.ช เราทำงาน ตามพยานหลักฐาน เป็นหลัก ทำให้บางเรื่องบางอย่างอาจไม่ตรงตามใจของประชาชน แต่การพิจารณาของเราต้องดูพยานหลักฐาน ไม่ว่าอะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่ไต่สวน จะรวบรวมมาพิจารณา เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และพร้อมเป็นเสาหลัก ในกระบวนการยุติธรรมของบ้านเมืองต่อไป

----------------------------------------

“ทวี” ยันทำตามระเบียบถูกต้อง ส่ง “ทักษิณ” รักษาตัวชั้น 14 ลั่น บางขั้นตอนดำเนินการสูงกว่ามาตรฐานวิชาชีพทั่วไปด้วยซ้ำ เชื่อ ป.ป.ช.กล้าหาญ ปราศจากอคติ แต่การกดดันอาจทำให้คนกล้าหวาดกลัวได้

วานนี้ 18 ธ.ค. 2567 พันตำรวจเอกทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเอกฉันท์ไม่รับคำร้องวินิจฉัย ปมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ยุติธรรม อธิบดีกรมราชทัณฑ์ และ ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เอื้อประโยชน์ให้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นอนชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ จะถือเป็นการยืนยันได้หรือไม่ว่าได้ทำตามระเบียบอย่างถูกต้องแล้ว โดยพันตำรวจเอกทวีกล่าวว่า ในส่วนของข้าราชการ แพทย์ ยืนยันว่าได้ทำตามกฏหมาย ระเบียบ โดยไม่มีส่วนไหนที่ เป็นไปตามกฏหมายและระเบียบ ซึ่งข้าราชการทุกคนที่เข้ามาทำงาน เป็นที่ยอมรับเรื่องความซื่อสัตย์สุจริตอยู่แล้ว จึงมีความมั่นใจในส่วนนี้


ส่วนที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติหรือ ป.ป.ช. รับเรื่องดังกล่าวไว้ไต่สวน เป็นขั้นตอนของป.ป.ช. เนื่องจากคณะกรรมการ ป.ป.ช. ยังไม่ได้ข้อมูล และอ้างว่าเกิดจากการประวิงเวลา จึงเกิดการไต่สวน และยังนึกไม่ออกว่าจะแจ้งข้อหาเรื่องอะไร เพราะทำตามขั้นตอน โดยเฉพาะผู้รับตัว จัดส่งที่มีใบแพทย์จากต่างประเทศมาด้วย และมีหลักฐานหลายอย่าง อีกทั้งเป็นการดำเนินการที่สูงกว่ามาตรฐานวิชาชีพทั่วไปด้วยซ้ำ ซึ่งในส่วนของเจ้าหน้าที่เราก็ให้ความเคารพทุกฝ่าย เมื่อเรื่องอยู่ที่ชั้น ป.ป.ช. หากใครมีข้อมูล สงสัยก็ควรส่งให้ ป.ป.ช.


ส่วนที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน และกลุ่มต้านทักษิณ ระดมคนให้กำลังใจ ป.ป.ช. ที่กำลังจะไปสวนเรื่องนี้ พันตำรวจเอกทวีกล่าวว่า ตนและข้าราชการทุกคนก็ให้กำลังใจ ป.ป.ช. เพราะ ป.ป.ช.ก็เป็นหน่วยงานที่มีความซื่อสัตย์ กล้าหาญ และปราศจากอคติ บางทีการกดดันและทำให้หวาดกลัว อาจจะทำคนไม่กล้าหาญ ซึ่งต้อง ขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริงและหลักฐานเพื่อทำให้เกิดความยุติธรรม


ส่วนการที่ศาลรัฐธรรมนูญไม่รับคำร้องดังกล่าวไว้จะทำให้คดีของนายทักษิณ มีน้ำหนักขึ้นมาหรือไม่ พันตำรวจเอกทวีระบุว่าตนเคยผ่าน งานสืบสวนสอบ ไม่เคยเห็นหลักฐานอะไรที่ใครทำไม่ชอบ เพราะเขาก็เขียนไว้แล้วว่าโรงพยาบาล ห้องที่อยู่ ก็คือห้องคุมขัง ถือเป็นห้องควบคุมอย่างหนึ่ง ซึ่งนายทักษิณก็ไปอยู่ในห้องควบคุม แต่ในทางกฎหมาย แม้ได้อยู่ในเรือนจำ ก็ยังมีกิจกรรมสันทนาการ เล่นกีฬา เช่น เตะฟุตบอล ขณะที่กรมราชทัณฑ์ได้ทำหนังสืออายัดตัว ซึ่งก็มีหลักฐาน ซึ่งตนไม่เห็นว่ามีหน่วยงานไหนบกพร่องต่อการทำงาน ซึ่งเมื่อ ป.ป.ช. รับเรื่องไว้ไต่สวนก็ควรให้โอกาสในการไต่สวน



รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/rThq319aREg

คุณอาจสนใจ

Related News