เลือกตั้งและการเมือง

"ชูศักดิ์" ชี้สำนักสงฆ์ใช้ศพฝึกจิต ทำไม่ได้ มองพระ-วัด ยังเป็นที่พึ่ง หลังคนหันไปเชื่อ"คนตื่นธรรม"

โดย nutda_t

27 พ.ย. 2567

102 views

นายชูศักดิ์ สิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีในฐานะกำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ร่วมกับสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ แถลง แนวนโยบายการป้องกันและคุ้มครองพระพุทธศาสนา ระบุว่า ตามแนวนโยบายในการคุ้มครองอุปถัมป์พระพุทธศาสนาเป็นนโยบายสำคัญ ซึ่งมีนโยบายในการคุ้มครองพระพุทธศาสนาทั้งทางตรงและทางอ้อม ซึ่งจากการที่ตนเข้ามาทำงานในระยะหนึ่ง มีการสอบถามถึงเรื่องที่ดินของวัด การเล่นแชร์ ว่าทำได้หรือไม่ และถือว่าทำลายพระพุทธศาสนาหรือไม่ ถึงได้มีการหารือ จนมีข้อสรุปว่า ต้องออกมาตรการป้องกันพระพุทธศาสนา โดยได้สั่งการให้สำนักพระพุทธศาสนา ดำเนินการ

1.กำหนดแนวทางไม่ให้มีการกระทำผิดกฎหมาย เช่น การเสพยาเสพติด เล่นพนัน โดยเฉพาะในบริเวณวัด

2. กำหนดมาตรการที่มีประสิทธิภาพ ไม่ให้พระสงฆ์ประพฤติผิดธรรมวินัย เช่น การเสพยาเสพติด เล่นพนัน เสพเมถุน ดื่มสุรา การใช้สื่ออนไลน์ เล่นพนัน หรือเพื่อสื่อลามกอนาจาร

3.สอดส่องไม่ให้มีการนำสิทธิทางพระพุทธศาสนาไปบิดเบือน หรือแสวงหาประโยชน์ทางพาณิชย์ โดยมิชอบ

4.สอดส่องติดตามและดำเนินการเด็ดขาด กรณีแต่งกายเลียนแบบสงฆ์

5.มีมาตรการดูแลพระที่ประพฤติดี ประพฤติชอบ ไม่ให้ถูกกลั่นแกล้ง

6.คัดกรองบุคคลทีจะอุปสมบทเป็นพระภิกษุ เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ติดยาเสพติด ประพฤติเสื่อมเสีย เพื่อหลบหลีกการกระทำผิด หรือมาอาศัยผ้าเหลืองเป็นเกราะกำบัง

7.ให้สำนักพุทธ จัดตั้งศูนย์ ทุกจังหวัด หรือจังหวัดใดที่มีอยู่แล้วให้ปรับปรุงการทำงาน เพื่อรับเรื่องร้องเรียนและดำเนินการแก้ไขได้ทันท่วงที

8.ให้ประชาชน มีส่วนร่วมในการทำนุบำรุงศาสนา

อย่างไรก็ตาม สำนักพระพุทธศาสนามีอยู่ทั่วประเทศ แต่ที่ผ่านมา เป็นการทำงานในที่ตั้ง จึงสั่งการให้มีการเปลี่ยนการทำงานเป็นแบบเชิงรุก โดยเข้าไปสอดส่องดูแลพฤติกรรมที่คิดว่าไม่ถูกต้อง และเป็นการทำลายพระพุทธศาสนา ให้ดำเนินการตามนโยบาย เพื่อป้องกันการทำลายพระพุทธศาสนาทุกรูปแบบทั้งทางตรงและทางอ้อม

ขณะเดียวกัน ได้มีการมอบหมายให้สำนักพุทธ เป็นเลขานุการในการแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมา เพื่อแก้ปัญหาการใช้ที่ดินของวัดและสำนักสงฆ์ ที่เป็นปัญหาอยู่ในขณะนี้ เพราะบางกรณีไม่ใช่ที่ดินของวัดโดยตรง อาจจะไปรับส่วนที่ดินของรัฐ หรือที่ดินอื่นบ้าง จนนำมาสู่ปัญหาข้อพิพาท จึงมองว่าปัญหาเรื่องนี้ควรทำเป็นระบบ

อย่างกรณีเมื่อวานนี้ มีการนำศพไปฝึกจิตที่ จ.พิจิตร ก็ต้องนำเข้ามาหารือกันว่าทำได้หรือไม่ ซึ่งถือว่าเป็นในมาตรการที่ต้องมากำกับดูแลไม่ให้เกิดขึ้น ซึ่งกรณีนี้ ตนก็ไม่เคยเห็น จึงมอบสำนักพุทธไปหารือกับคณะสงฆ์ ซึ่งส่วนตัวคิดว่าไม่สามารถทำได้

ส่วนที่พบว่า มีอีกหนึ่งสำนักสงฆ์กรณีเดียวกัน และมีบุคคลเดียวกันเป็นเจ้าของ ตรวจรวมแล้ว 71 ศพ เมื่อตรวจสอบแล้ว พบว่าในกรณีนี้ไม่สามารถทำได้ ก็ต้องพิจารณาว่าจะทำอย่างไรต่อไป เช่น มาตรการห้ามปรามไม่ให้ทำ หากเข้าข่ายความผิดอาญา ก็เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และหากเข้าในเรื่องของวินัยก็ให้คณะสงฆ์เป็นผู้ดำเนินการ ซึ่งเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องยาก

ส่วนจะยืนยันได้อย่างไรว่าจะเป็นการทำงานเชิงรุกจริงๆ เพราะที่ผ่านมาต้องรอให้มีข่าวก่อนถึงลงไปแก้ไข นายชูศักดิ์ ยืนยันว่า ปัจจุบันมีสำนักสงฆ์อยู่ทั่วราชอาณาจักร การทำงานจะไม่ใช่แค่การไปร่วมงานหรือไปจัดงานแบบที่ผ่านมา ตนก็จะมีทีมงานติดตาม และให้หารายงานมาโดยตรง

ผู้สื่อข่าวยังถามถึงกรณีคนตื่นธรรม ว่าได้ติดตามหรือไม่ เพราะขณะนี้คนให้ความสนใจและหันไปศรัทธาคนตื่นธรรม จะหมายความว่าคนไม่ศรัทธาและเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาแล้วหรือไม่ นายชูศักดิ์ ระบุว่า การทำลายพระพุทธศาสนามีทั้งโดยคณะสงฆ์เอง และบุคคลภายนอก ฉะนั้นคณะสงฆ์ก็ต้องไปดูตัวเองว่าต่อไปให้ปฏิบัติตามแนวนโยบาย

ส่วนที่มองว่าคนเชื่อและศรัทธาคนตื่นธรรมมากกว่าพระนั้น ขออย่าเพิ่งไปสรุปขนาดนั้น เพราะวัดยังเป็นที่พึ่งพาและเป็นสถาบันที่หลักของพระพุทธศาสนา เพียงแค่ให้ตระหนักว่ามีสิ่งที่ไม่พึงประสงค์ก่อน ก็ต้องรีบแก้ไข

ขณะที่กรณีกระบวนการยาเสพติด เริ่มเข้าไปแทรกซึมในวัด นายชูศักดิ์ ระบุว่า ต้องมีมาตรการออกมา ไม่ว่าจะเป็นพระเอง หรือลูกศิษย์วัด ส่วนถึงขั้นตรวจปัสสาวะหรือไม่นั้น ก็เคยมี และหากตรวจพบก็ต้องให้สึกทันที ซึ่งความจริงแล้วต้องมีการตรวจสอบไม่ให้บวช

คุณอาจสนใจ

Related News