นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐกล่าวถึงกรณีคลิปเสียงคล้ายเสียงนักการเมืองพรรคพลังประชารัฐ เรียกรับเงิน"บอสพอล ดิไอคอน" เพื่อช่วยไม่ให้ ถูกตรวจสอบในชั้นคณะกรรมการฯ สภาผู้แทนราษฎร ว่า พรรคมีความเป็นห่วงในเรื่องนี้และขอแสดงความเสียใจกับผู้เสียหาย อยากให้ทุกคนได้เงินคืน ส่วนผู้ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดจะต้องถูกลงโทษ
ซึ่งประเด็นสำคัญคือการพาดพิงจากคลิปเสียง ต้องไปตรวจสอบ เพราะตอนนี้ยังไม่มีการยืนยันอย่างเป็นทางการ จากคนที่ปล่อยคลิปว่าเป็นเสียงของใคร ทั้งนี้ต้องดูด้วยว่าเหตุการณ์ตามคลิปเสียงเกิดขึ้นในช่วงเวลาใด เป็นช่วงที่บุคคลดังกล่าว มีตำแหน่งหน้าที่ทางราชการ หรือเป็นบุคคลธรรมดาที่หลอกลวงต้มตุ๋นกันเองไม่เกี่ยวข้องกับการใช้อำนาจหน้าที่ จะทำให้ความผิดต่างกัน
ส่วนที่นายพอล ยอมรับว่าเป็นคลิปเสียงจริงเกิดขึ้นเมื่อปี 2565 มีการเรียกรับจริงและจ่ายจริงนั้น นายชัยวุฒิ กล่าวว่าต้องไปถามจากนายพอล ว่าจ่ายให้ใครบ้าง และจะดำเนินการอย่างไร ตรงนี้ต้องตรวจสอบให้ชัดเจน ไม่อยากให้ไปฟันธงว่าใครผิดใครถูก และคนที่รับเงินไปมีอำนาจหน้าที่ หรือไปทำอะไรที่เอื้อประโยชน์ให้กับนายพอล
แต่ยอมรับว่าเรื่องนี้น่าเป็นห่วง เพราะกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการขายตรง และการฉ้อโกงประชาชนมีมานานแล้ว เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ ต้องเข้าไปป้องกันและปราบปรามผู้กระทำความผิด การปล่อยให้ขายของหลอกลวงประชาชนมาได้หลายปีก็น่าสงสัยว่าทำหน้าที่ได้อย่างตรงไปตรงมาหรือไม่
และเมื่อถามว่าได้มีการต่อสายกับคนของพรรค เพื่อสอบถามในประเด็นนี้หรือไม่ นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ยังไม่มีการพูดคุยกัน และไม่รู้ว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน ซึ่งต้องยอมรับว่าเขาเพิ่งกลับมาอยู่ที่พรรคพลังประชารัฐได้ไม่นาน เพราะเคยถูกขับออกไปอีกครั้งหนึ่ง ก่อนจะได้กลับมาช่วยงานในพรรคอีก
ส่วนตัวเชื่อว่า ช่วงหลังนี้คงไม่ได้ทำอะไรไม่ดี แต่ในอดีต ทำอะไรมาบ้างเราไม่รู้ต้องไปตรวจสอบว่าทำผิดจริงไหม ไปเกี่ยวข้องอย่างไร ต้องให้ความเป็นธรรมกับเขา รวมถึงขอให้ความเป็นธรรมกับพรรคพลังประชารัฐด้วย เพราะไม่เกี่ยวกับพรรคเป็นเรื่องส่วนบุคคล อาจจะทำมาก่อนที่จะเข้ามาอยู่ในพรรค เพราะในปี 2565 เขาน่าจะยังไม่กลับเข้ามาในพรรค
เมื่อถามว่าการที่คลิปเสียงถูกปล่อยออกมาเป็นเหมือนการเอาคืนเรื่องที่ไปยื่นศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่ นายชัยวุฒิ กล่าวว่า การตรวจสอบนักการเมืองเป็นหน้าที่ของทุกฝ่าย ใครทำไม่ดีต้องถูกลงโทษ การที่มีการตรวจสอบพรรคเพื่อไทย หรือนายทักษิณ ชินวัตร ก็เป็นการทำหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ศาลรัฐธรรมนูญจะต้องพิจารณา ไม่ใช่การแก้แค้นกัน
การตรวจสอบใครก็ตามเป็นสิทธิและหน้าที่ของแต่ละฝ่าย แต่ยืนยันว่าในเรื่องคลิปเสียงทางพรรคจะตรวจสอบเรื่องนี้ตามขั้นตอนและข้อบังคับพรรค ซึ่งตามหลักการคนที่ไม่ดี ไม่มีจริยธรรม กระทำการทุจริตต่อหน้าที่ ทำงานการเมืองไม่ได้อยู่แล้วตามรัฐธรรมนูญ ขอให้ความมั่นใจกับทุกคนว่าพรรคจะดำเนินการอย่างตรงไปตรงมาแต่ขอให้ดูข้อเท็จจริงให้ยุติก่อน
อย่างไรก็ตามนายชัยวุฒิ กล่าวว่าไม่อยากให้เรื่องนี้เบี่ยงประเด็น เรื่องการต้มตุ๋น เรียกรับเงินมีอยู่แล้ว เจ้าหน้าที่รัฐบางทีก็ปล่อยปละละเลย อยากให้ไปดูว่าใครทำผิดปล่อยปละละเลยอย่างไร มีการร้องเรียน แล้ว สคบ.หรือเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ดำเนินการ ปล่อยให้มีการหลอกลวงจนมีผู้เสียหายมาหลายปี ใครเกี่ยวข้องบ้าง และขอให้รีบดำเนินคดีกับบอสต่างๆ เพื่อให้ประชาชนคลายกังวลและเชื่อมั่นต่อกระบวนการยุติธรรม
เมื่อถามว่าพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐทราบเรื่องนี้แล้วหรือไม่ นายชัยวุฒิ บอกว่า ยังไม่ได้คุยกับพลเอกประวิตร แต่คงทราบอยู่แล้ว
ขณะที่เวลา 14.05 น. พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐเดินทางออกจากที่ทำการพรรค ด้วยสีหน้าเรียบเฉยซึ่งผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามถึงกรณีคลิปเสียงคล้ายเสียงนักการเมืองพลังประชารัฐ เรียกรับเงิน "บอสพอล ดิไอคอน" เพื่อช่วยไม่ให้ถูกตรวจสอบในชั้นคณะกรรมการฯ สภาผู้แทนราษฎร แต่พลเอกประวิตร ปฏิเสธที่จะตอบคำถามโดยกล่าวสั้น ๆ ว่า “เดี๋ยวจะมีผู้ชี้แจง”
ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำว่าได้มีการต่อสายพูดคุยกับเจ้าตัวหรือไม่ พลเอกประวิตร ย้ำคำตอบเดิมว่า” เดี๋ยวจะมีการชี้แจง” ผู้สื่อข่าวพยายามถามต่อว่ากังวลหรือไม่ เพราะถือว่าเป็นคนสนิท พลเอกประวิตรไม่ตอบคำถามขึ้นรถเดินทางออกจากที่ทำการพรรคทันที