เลือกตั้งและการเมือง

ศาลนัดฟังคำพิพากษา “เอกราช ช่างเหลา” สส.ภูมิใจไทย ยักยอกทรัพย์สหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น 431 ล้าน

7 ต.ค. 2567

3.2K views

เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 7 ตุลาคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ศาลจังหวัดขอนแก่นได้นัดฟังคำพิพากษา คดีการทุจริตยักยอกทรัพย์สหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น มูลค่ากว่า 431 ล้านบาท ซึ่งทางพนักงานอัยการเป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายเอกราช ช่างเหลา ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย เป็นจำเลยในคดีดังกล่าว 



โดยก่อนการเข้าไปในห้องพิจารณาคดีดังกล่าวนั้น ทางด้านนายอนุศาสตร์ สอนศิลพงศ์ ประธานกรรมการสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น จำกัดได้เดินทางมาร่วมฟังคำพิพากษาด้วย ขณะที่ นายเอกราช ช่างเหลา พร้อมเลขาฯ และทนายความ ได้เดินทางมาด้วยรถตู้สีดำ ก่อนจะมาจอดที่ลานจอดรถของศาลจังหวัดขอนแก่นสักพัก แล้วขับขึ้นไปจอดที่บริเวณทางขึ้นศาลก่อนจะเดินเข้าไปในเวลา 14.20 น. 



โดยผู้สื่อข่าวได้เข้าไปสอบถามซึ่งนายเอกราช ช่างเหลา ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวสั้นๆ ว่า วันนี้ได้ให้ทางทนายความคนใหม่ยื่นขอกลับคำให้การ ภายหลังจากทนายความคนเดิมให้รับสารภาพจนมีหลายหน่วยงานเข้ามาตรวจสอบด้านจริยธรรม ทำให้เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อน ยืนยันว่าตนเองจะมีการชดใช้เงินคืนทั้งหมด ซึ่งรอการขายที่ดินมูลค่า 600 ล้านบาทอยู่ โดยในวันพฤหัสบดีที่จะถึงนี้ ตนเองจะมีการแถลงข่าวให้ทราบข้อเท็จจริงอย่างเป็นทางการอีกครั้ง



ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ก่อนหน้านี้ทางสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้มีมติชี้มูลความผิด นายเอกราช ช่างเหลา สภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย กรณีฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง จากกรณีเมื่อครั้งเป็นผู้จัดการสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น จำกัด ได้กระทำการทุจริตยักยอกเงินของสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น จำกัด ซึ่งเป็นความผิดทางอาญา จนทำให้สหกรณ์มียอดเงินขาดบัญชีตั้งแต่ปี 2554 – 2562 เป็นเงินจำนวน 431,826,070.43 บาท และเพื่อเป็นการปิดบังอำพรางการกระทำความผิดของตนเอง 



ยังได้ทำได้ทำการปลอมแปลงรายการในเอกสารสมุดคู่ฝากบัญชีเงินฝากประจำของสหกรณ์ และจัดทำหรือรับรองรายงานสถานะทางการเงินเสนอต่อที่ประชุมใหญ่สามัญประจำปีอันเป็นความเท็จ เพื่อให้สหกรณ์และละสมาชิกหลงเชื่อว่าสหกรณ์มียอดเงินคงเหลือตามที่ระบุในเอกสารดังกล่าวจริง เป็นการกระทำต่อเนื่องตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2554 จนถึงเดือนสิงหาคม 2562 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่มาตรฐานทางจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญฯ พ.ศ. 2561 มีผลใช้บังคับแล้ว และนายเอกราชช่างเหลา ดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ตั้งแต่วันที่ 24 มีนาคม 2562



นอกจากนี้ยังมีพฤติการณ์จงใจไม่ชำระหนี้เงินขาดบัญชีที่เกิดจากการกระทำของตนเองคืนให้กับสหกรณ์ฯตามหนังสือรับสภาพหนี้ ฉบับลงวันที่ 27 ธันวาคม 2562 จนในปี 2564 สหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น จำกัด ได้ยืนฟ้องคดีต่อศาลจังหวัดขอนแก่นแก่นในข้อหาเกี่ยวกับการร่วมกันยักยอกทรัพย์ ปลอมเอกสารสิทธิและใช้เอกสารสิทธิปลอม และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ได้มีคำสั่งยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดไว้เป็นการชั่วคราว



ทั้งนี้คณะกรรมการ ป.ป.ช. มติเห็นชอบตามสำนวนไต่สวนคดีเบื้องต้น ว่า การกระทำของนายเอกราช ช่างเหลา ผู้ถูกกล่าวหา เป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง โดยประพฤติตนไม่อยู่ในกรอบศีลธรรมอันดีของประชาชน และกระทำการที่ก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อเกียรติศักดิ์ของการดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร อันถือว่ามีลักษณะร้ายแรงตามมาตรฐานทางจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ รวมทั้งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และหัวหน้าหน่วยงานธุรการของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ พ.ศ. 2561 ข้อ 12 ข้อ 19 ประกอบข้อ 3 วรรคสอง และข้อ 27 วรรคสอง ให้เสนอเรื่องต่อศาลฎีกาเพื่อวินิจฉัยตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 87 โดยการชี้มูลความผิดของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ดังกล่าว ยังถือว่าไม่เป็นที่สุด นายเอกราช ในฐานะผู้ถูกกล่าวหา ยังคงสถานะเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ จนกว่าจะมีคำพิพากษาของศาลอย่างถึงที่สุดออกมา

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ