นายกฯ ปลื้มนักกีฬา "พาราลิมปิกเกมส์" พาไทยเป็นแชมป์อาเซียน เข็นรถพา "สายสุนีย์"

นายกรัฐมนตรี ปลื้มนักกีฬา "พาราลิมปิกเกมส์" พาไทยเป็นแชมป์อาเซียน เข็นรถพา "สายสุนีย์" นักฟันดาบ 6 สมัยไปงานเลี้ยงถึงห้องอาหาร ยกนิ้วให้ บอก "ถ้าใจเราไหว มันต้องไหวสิ" ลั่น ดิฉันยิ้มไม่หุบเลย ภูมิใจแทน ปกติดูจากทีวีที่บ้าน วันนี้ได้เจอตัวจริง หวัง 4 ปีข้างหน้าจะได้สร้างประวัติศาสตร์อีก พร้อมมอบเงินรางวัลแบบใหม่ กดปุ่มโอนเข้าบัญชีฮีโร่เรียลไทม์ ด้านตัวแทนนักกีฬา ชี้ เป็นกำลังใจที่ดีที่สุด สัญญาจะดึงศักยภาพให้สังคมรับรู้



27 ก.ย. 2567 เวลา 13.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ป็นประธานในพิธีเลี้ยงฉลองชัยมอบเงินรางวัลและแสดงความยินดีแก่นักกีฬา ผู้ฝึกสอน สมาคมกีฬา คณะเจ้าหน้าที่และบุคลากรกีฬาที่เข้าร่วมการแข่งขันกีฬาพาราลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 17 ณ กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส ณ ตึกสันติไมตรี



ทันทีที่นายกรัฐมนตรีมาถึง กลุ่มกองเชียร์นักกีฬาได้มารอต้อนรับ ด้วยการตีกลองต้อนรับ 1 ชุด ก่อนที่นายกรัฐมนตรีได้เข้าไปพูดคุยกับบรรดานักกีฬาทุกคน โดยนายกรัฐมนตรียกนิ้วชื่นชมว่าทุกคนเก่งมาก และกล่าวว่า "ถ้าใจเราไหว มันก็ต้องไหวสิ"



ต่อมา นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวรายงานว่า ในนามของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ขอขอบคุณนายกรัฐมนตรีเป็นอย่างสูง ที่ได้กรุณาให้เกียรติมาเป็นประธานในงานเลี้ยงฉลองชัย มอบเงินรางวัลและแสดงความยินดีกับนักกีฬา ผู้ฝึกสอน เจ้าหน้าที่ และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการแข่งขันพาราลิมปิกเกมส์ในครั้งนี้ งานนี้เป็นมหกรรมกีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมวลมนุษยชาติ นักกีฬาของไทยได้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพด้านกีฬาอย่างเต็มความสามารถ ได้รับแรงเชียร์จากประชาชนคนไทยอย่างล้นหลาม และสามารถสร้างผลงานการแข่งขันได้เป็นอย่างดี โดยประเทศไทยได้เป็นอันดับที่ 21 ของโลกอันดับ 6 ของเอเชีย อันดับ 1 ของอาเซียน มีนักกีฬาได้ 6 เหรียญทอง 11 เหรียญเงิน 13 เหรียญทองแดง ซึ่งมีเงินรางวัลรวม 212,150,000 บาท



จากนั้น นายกรัฐมนตรีได้มอบเงินรางวัลให้กับนักกีฬา โดยไฮไลท์ของงานนี้คือการมอบเงินแบบใหม่ ที่โอนแบบเรียลไทม์เข้าบัญชีนักกีฬาทันทีที่นายกรัฐมนตรีกดปุ่มโอน สร้างความฮือฮาให้นักกีฬาและกองเชียร์เป็นอย่างมาก



โดยนายกรัฐมนตรีให้โอวาทว่า ตนดีใจแทนทุกคนมาก ก็เลยรีบขึ้นมาบนเวที ตนรู้สึกเป็นเกียรติ รู้สึกยินดี ดีใจมากๆ ที่ได้พบกับคณะนักกีฬาพาราลิมปิกและทีมงาน ซึ่งแน่นอนทุกคนเป็นฮีโร่ของคนไทย ผลงานการแข่งขันกีฬาที่ผ่านมาครั้งนี้ที่ปารีส ถือว่าเป็นการสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับประเทศไทย ตนชอบเวลาที่ดูข่าว ทุกคนไปแข่งขันมาก็รู้สึกภูมิใจ ได้นั่งดูทีวีอยู่ที่บ้าน พอมาวันนี้ที่มีโอกาสได้มาเจอทุกท่านก็รู้สึกจริงๆ ว่าการกีฬาที่ผ่านการฝึกฝนก็ต้องใช้ใจที่มุ่งมั่น ทั้งตัวนักกีฬาและทีมสนับสนุน ต้องแน่วแน่มากๆ สิ่งที่น่าประทับใจ



"ดิฉันเอง รู้สึกภาคภูมิใจแทน ยิ้มไม่หุบเลย ดีใจแทนทุกคนจริงๆ ต้องขอขอบคุณทุกท่านที่ทำงานอย่างหนักมาตลอด ทั้งนักกีฬา ผู้ฝึกสอน ทุกคนคือความภูมิใจของคนไทยของประเทศ ขอแสดงความยินดีกับนักกีฬาทุกท่าน ต้องใช้ทั้งพลังกาย พลังใจมาถึงจุดนี้ได้ ก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าเงินสนับสนุนจะมีส่วนที่จะช่วยสร้างขวัญกำลังใจ ท่านจะได้ฝึกซ้อมต่อและสร้างผลงานเป็นที่น่าภูมิใจของพวกเราคนไทยต่อไป" นายกรัฐมนตรี กล่าว



นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า ความสำเร็จของทุกท่านเป็นแรงบันดาลใจที่สำคัญให้กับคนไทยทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เด็กๆที่กำลังมีความสนใจที่จะก้าวเข้ามาสู่การกีฬา พวกท่านเป็นแรงผลักดันและเป็นกำลังใจให้กับพวกเขา ถ้าเรามุ่งมั่นตั้งใจความสำเร็จก็จะไม่เกินจริง การส่งต่อพลังจากรุ่นสู่รุ่นเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้วงการกีฬาไทยพัฒนาอย่างต่อเนื่องต่อไป ตนก็ขอขอบคุณทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและช่วยการสนับสนุนกีฬาพาราลิมปิกที่ผ่านมา และหวังว่าอีก 4 ปีข้างหน้าคนไทยก็จะได้มีประวัติศาสตร์มาใหม่อีกครั้ง



ด้านนางสาวสายสุนีย์ จ๊ะนะ นักกีฬาฟันดาบสมัยที่ 6 กล่าวว่า ตนขอขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่มาให้กำลังใจพวกเรา กำลังนี้เป็นสิ่งสำคัญสำหรับพวกเรา พวกเราดีใจมาก เป็นกำลังใจที่ดีที่สุดของพวกเราเลย เราหวังว่าในวันข้างหน้าเราจะได้รับการสนับสนุนอย่างนี้ พวกเราทุกวันนี้ก็พยายามดึงศักยภาพของเราออกมาให้สังคมรับรู้ เราไม่คิดไม่ฝันว่าประสบการณ์ครั้งนี้จะเป็นที่รู้จักของสังคม หลายคนมาบอกว่าเพิ่งได้ชมกีฬาคนพิการ ไม่คิดไม่ฝันว่าจะขนลุก เราก็อยากจะบอกว่าพวกเราก็เช่นกัน



ภายหลังการมอบเงินและให้โอวาท นายกรัฐมนตรีได้พูดคุยเป็นการส่วนตัวกับนางสาวสายสุนีย์ บางช่วงถึงกับน้ำตาซึมด้วยความดีใจ ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้เข็นรถวิลแชร์ของนางสาวสายสุนีย์ไปส่งที่ห้องรับประทานอาหารเลี้ยงด้วย ก่อนจะถ่ายภาพร่วมกับบรรดากองเชียร์ที่มาให้กำลังใจในวันนี้ ซึ่งกองเชียร์ Thailand ได้ร้องเพลงเชียร์นายกรัฐมนตรี จนนายกฯ ออกอาการเขิน ก่อนจะเตรียมตัวไปปฏิบัติภารกิจภาคเหนือ