เลือกตั้งและการเมือง

"พิธา" กังวลสถานการณ์น้ำท่วม แนะรัฐบาลทำแผนรับมือก่อนท่วม - ระหว่างท่วม - หลังท่วม

โดย kanyapak_w

14 ก.ย. 2567

328 views

"พิธา" กังวลสถานการณ์น้ำท่วม แนะรัฐบาลทำแผนรับมือก่อนท่วม - ระหว่างท่วม - หลังท่วม จี้ต้องมองภาพใหญ่แผนระยาว 5 ปี มอง "แพทองธาร" ไม่กล้าลงพื้นที่ สะท้อนกังวลโดนร้องมากกว่าความเดือดร้อนปชช. เผยปชน.เตรียมรื้อปัญหาจริยธรรม เป็นเครื่องมือทำลายล้างทางการเมือง


14 ก.ย. 2567 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ตอบคำถามผู้สื่อข่าวกรณีน้ำท่วมจังหวัดเชียงรายว่า หากยังจำได้ในวันที่มีการยุบพรรคก้าวไกล หน้าที่สุดท้ายของตัวเองในช่วงเช้า ในฐานะสส. การอภิปรายว่า เป็นกังวลถึงสถานการณ์น้ำท่วมในปีนี้ เพราะตัวเลข และประสบการณ์หน้างานนั้นฟ้องมาแต่ไกล โดยตั้งแต่ที่ตัวเองเป็นสส.มาตลอด 6 ปี ไม่มีปีไหนที่ตัวเองไม่ต้องลงพื้นที่น้ำท่วม แล้วก็เห็นว่าก่อนท่วม ระหว่างท่วม และหลังท่วม ปัญหาอยู่ที่ไหน หากคนที่เป็นผู้นำสามารถเปิดวอร์รูม ที่ไม่ใช่แค่วอร์รูมที่จะไปนั่งกัน แต่ต้องมีการวางแผนการทำงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตั้งแต่ก่อนท่วม ระหว่างท่วม และหลังท่วม



โดยเฉพาะแผนการเยียวยา หลังจากเหตุการณ์ผ่านไปแล้ว อย่างตัวเองเคยพบชาวอยุธยา นำเอกสารสำหรับการเยียวยามาให้ดู ในนั้นระบุว่า 60 วัน ได้เงินเยียวยา 27 บาท สะท้อนให้เห็นว่า การเยียวยาล่าช้า และการเยียวยาไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง ซึ่งถ้าหากรัฐบาลเรียงลำดับให้เป็นแบบนี้ได้ ก็จะผ่อนหนักเป็นเบาได้ ขณะเดียวกันในภาพใหญ่ ต้องการแผนระดับชาติ ในการจัดการด้วยการมองไปข้างหน้าอย่างน้อย 5 ปี



เมื่อถามว่า ถึงกรณีที่นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ไม่กล้าลงพื้นที่น้ำท่วม เพราะยังไม่ได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภานั้น นายพิธา ระบุว่า เมื่อวานนี้นางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรีก็ลงพื้นที่แล้ว แต่ก็มองว่า การนำจริยธรรมมาลงโทษ ทำให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ และเห็นได้ชัดว่า รัฐบาลนั้นกังวลเรื่องจริยธรรมล้นเกิน ทำให้เมื่อมาชั่งน้ำหนัก ระหว่างความเดือดร้อนของประชาชน หรือ จะโดนร้อง กลับกังวลว่า จะโดนร้องนั้นสูงกว่า จึงเป็นเรื่องที่น่ากังวล เพราะจะทำให้ภาวะผู้นำเกิดวิกฤตทันที



โดยเมื่อมองเห็นถึงปัญหา อย่างฝ่ายกฎหมาย ซึ่งฝ่ายกฎหมายของพรรคประชาชน ที่นำโดยนายแพทย์วาโย อัศวรุ่งเรือง สส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาชน เตรียมแก้ปัญหาเรื่องการใช้จริยธรรม เป็นเครื่องมือทำลายล้างทางการเมือง ให้หายไปจากประเทศไทย เพื่อให้สามารถหาจุดสมดุล ระหว่างการทำงาน กฎหมาย และจริยธรรมได้ ซึ่งเชื่อว่า ถ้าหากเป็นแบบนี้ก็น่าจะไปต่อได้

คุณอาจสนใจ

Related News