'แพทองธาร' ลุกแจงนโยบาย ลั่นไม่อยากให้ 'ฝ่ายค้าน' เป็น 'ฝ่ายแค้น' ขอหยุดสร้างวาทกรรมเกลียดชัง

“นายกฯ” แจงหลายนโยบายดำเนินการแล้วตั้งแต่รัฐบาลเศรษฐาทั้งแก้หนี้-แก้ รธน.-ปราบยาบ้า เผยชาวบ้านสะท้อนผ่าน สส. ไม่เอาแล้วดิจิทัลวอลเล็ตแก้ยาเสพติดก่อน ยันรับฟังทุกข้อเสนอแนะ ขอฝ่ายค้านหยุดเป็นฝ่ายแค้น สร้างวาทกรรมเกลียดชัง ชี้ไม่ใช่ช่วงเลือกตั้ง บอกเข้าใจ “ก้าวไกล” ดี เพื่อไทยก็เคยชนะเลือกตั้งแต่สุดท้ายจับมือกับเป็นฝ่ายค้าน

วานนี้ ( 12 ก.ย.67 ) เมื่อเวลา 18.05 นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ลุกขึ้น ชี้แจงเป็นครั้งแรกของวันหลังจากแถลงนโยบายไปเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา โดยนายกรัฐมนตรีได้ขอบคุณข้อเสนอแนะจากสมาชิกรัฐสภาทุกคน และยืนยันว่ารับฟังจากทุกคนอย่างชัดเจนและยืนยันว่าหลายนโยบายที่ได้หยิบยกขึ้นมาได้ทำเสร็จสิ้นไปแล้ว บางนโยบายกำลังจัดการและได้เริ่มแล้ว ทั้งเรื่องการพักหนี้เกษตรกรสามารถเช็คข้อมูลเหล่านี้ได้จาก สส. ในพื้นที่

ส่วนเรื่องยาเสพติดเมื่อสักครู่ พันตำรวจเอกทวีสอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงธารณสุข ได้ชี้แจงไปแล้ว โดยรัฐบาลจะสานต่อนโยบายเรื่องยาเสพติดต่อจากนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี เนื่องจากในช่วงที่นายเศรษฐาเป็นนายกฯได้เริ่มเรื่องการป้องกันชายแดนไม่ให้ลักลอบนำยาเสพติดเข้ามา และตนได้มีการพูดคุยกับหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้องไปเรียบร้อยแล้ว

ทั้งนี้ที่ผ่านมามีการจับกุมผู้ค้ารายใหญ่ได้สำเร็จหลายราย ซึ่งจะทำให้ผู้ค้ารายย่อยหายไปด้วย และปัญหายาเสพติดตนทราบดีเพราะได้รับรายงานจาก สส. ในพื้นที่เสมอว่าประชาชนมีความหนักใจในเรื่องนี้ ดังนั้นรัฐบาลพยายามมุ่งประเด็นเรื่องนี้อย่างเข้มข้น และตนก็เริ่มวางแผนว่าจะลงพื้นที่ เพราะตามกฏหมายเมื่อแถลงนโยบายเสร็จแล้วก็มีสิทธิ์ที่จะสั่งการในส่วนของราชการ และบางครั้ลในการลงพื้นที่ก็มีชาวบ้านพูดว่าดิจิทัลวอลเล็ตไม่เอาแล้ว เอาเรื่องยาเสพติดก่อนซึ่งเป็นเสียงที่สะท้อนมาจาก สส.หลังไปพูดคุยกับชาวบ้าน แต่แน่นอนว่าก็ต้องดูแลในทุกๆส่วน

ส่วนเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญ เป็นสิ่งที่รัฐเริ่มทำแล้วเช่นกัน และต้องมีการเร่งรัดดำเนินการผ่านกระบวนการของรัฐสภาที่ทุกคนมีส่วนร่วม ซึ่งจะต้องทำไปพร้อมๆกันส่วนเรื่องพลังงานนายพิชัยได้ชี้แจงไปแล้วรวมถึงเรื่องของดิจิทัลวอลเล็ตด้วย

นายกรัฐมนนรีกล่าวอีกว่า ตนในฐานะนายกรัฐมนตรี ขอน้อมรับคำแนะนำ ให้การเรียนรู้เรื่องประวัติศาสตร์ บาดแผล ยึดมั่นในหลักนิติธรรม และจะพยามทำให้ดีที่สุด

หลายครั้งตนเข้าใจดี เข้าใจฝ่ายค้านอย่างลึกซึ้งในเรื่องของการจัดตั้งรัฐบาล เพราะหลายปีที่แล้วใตการจัดตั้งรัฐบาลพรรคเพื่อไทยได้เสียงเป็นอันดับหนึ่งแต่จัดตั้งรัฐบาลไม่สำเร็จเช่นกัน และพรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกลได้นั่งเป็นฝ่ายค้านด้วยกันถึง 4 ปีพวกเรายังจำได้ดี เข้าใจจุดนี้จริงๆ

แต่ในวันนี้การที่พรรคเพื่อไทยถูกเลือกมาจากประชาชนถึง 10.9 ล้านคนนั้น ก็เป็นเสียงของประชาชนเช่นกัน พรรคร่วมรัฐบาลก็ได้เสียงประชาชนเลือกมาเช่นกัน ทุกเสียงคือเสียงของประชาชนคนไทยทั้งนั้น ไม่มีเสียงไหนที่มีศักดิ์ศรีหรือด้อยศักดิ์ศรีไปกว่ากันและกันเลย

“ดิฉันอยากจะขอให้พวกเราทุกคนในที่นี้ มาร่วมกันสร้างการอภิปรายที่สร้างสรรค์ ไม่สร้างวาทกรรมเกลียดชัง ไม่ทำให้เกิดความเข้าใจผิดในหัวข้อต่างๆ เพราะเราเป็นคนรุ่นใหม่แล้ว เราเป็นคนที่อยู่ในสังคมปัจจุบันที่สามารถเป็นตัวอย่างให้กับประชาชนได้ ว่า เมื่อเรารวมตัวกัน เรามีการเมืองที่สร้างสรรค์ได้ ไม่จำเป็นต้องใช้วาทกรรมเกลียดชังเพื่อให้เกิดความแตกแยกในสังคม

มันเป็นสิ่งที่ไม่ได้จำเป็นเลย และตอนนี้ไม่ใช่ช่วงของการหาเสียงเลือกตั้ง เราไม่จำเป็นจะต้องสร้างสิ่งเหล่านั้นเพื่อเกิดความเข้าใจผิด เราต้องมองเห็นภาพของส่วนรวมของประเทศมากกว่าภาพลักษณ์ของเราเอง”

นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า ในตอนนี้ที่ตนได้แถลงนโยบายเสร็จ ได้มีโอกาสคุยกับหลายหน่วยงาน ที่ทำเรื่องอุทกภัยอยู่ ตอนนี้สถานการณ์น้ำท่วมภาคเหนือ โดยเฉพาะเชียงรายที่ท่วมหนักมาก และก่อนที่ตนจะมีอำนาจสั่งการ รัฐมนตรีหลายกระทรวงที่มีส่วนเกี่ยวข้องก็ได้สั่งการล่วงหน้า และลงมือไปหมดแล้ว รวมถึงเจ้าหน้าที่ทหาร ที่เข้าถึงพื้นที่เรียบร้อยแล้ว และดำเนินการได้เร็วมาก เช่น เมื่อวานนี้ที่ประชาชนได้อาหารเพียงมื้อเดียว วันนี้ก็ได้กินครบทั้งสามมื้อ และเพียงพอ ประชาชนไม่ต้องหิวข้าวแล้วในวันนี้ นี่คือสิ่งที่รัฐบาลรีบลงมืออย่างรวดเร็วเช่นกัน ควรจะเป็นสิ่งที่เรามาร่วมมือร่วมใจกัน เพื่อผ่านภารกิจต่างๆของประเทศชาติไปด้วยกัน ที่ไม่ใช่การสร้างความเกลียดชัง ตนไม่อยากให้ฝ่ายแค้น ฝ่ายค้านมีเรื่องคับแค้นใจเป็นฝ่ายแค้นแทน เราไม่ต้องแค้นกันแต่เราต้องเข้าใจกัน เราสามารถอยู่ในสภาฯ แห่งนี้ด้วยหลักของความเข้าใจที่ถูกต้องจริงๆ

รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/DPgtQurZdis