เลือกตั้งและการเมือง

สภาถกงบ 68 ‘ศิริกัญญา’ อัดรบ.หน้ามืด ควักงบเพื่อดิจิทัลวอลเล็ต - ‘จุลพันธ์’ ยันโยกงบ 5 แบงก์รัฐหนุน ไม่ขัดกม.

โดย petchpawee_k

4 ก.ย. 2567

28 views

“ฝ่ายค้าน-กมธ.” รุมถล่มงบกลาง “ ศิริกัญญา” จวก รบ. ชักดาบ 5 ธนาคาร กว่า 3.5 หมื่นล้านบาท หวังใช้ทำ “ดิจิทัลวอลเล็ต” ลั่น เรียกว่าหน้ามืด มีเงินตรงไหนเหลือก็ขอไปล้วงไปควัก แนะให้รอก่อนแล้วค่อยออกเป็น พ.ร.บ.โอนงบฯ เพื่อแจกให้ครบ 45 ล้านคน

วานนี้ 3 ก.ย. 67 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร วาระพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2568 วาระที่ 2 ในมาตรา 6 งบกลาง นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะ กมธ.เสียงข้างน้อยขอสงวนความเห็น อภิปรายว่า ตนขอปรับลดงบประมาณลง 1.52 แสนล้านบาท โดยในมาตรานี้มีงบประมาณเพิ่มเติม 1.8 แสนล้านบาท ส่วนหนึ่งมาจากการเปลี่ยนแปลงรายการจากการใช้หนี้ธนาคารรัฐ 3.5 หมื่นล้านบาท แต่ตนขอตัดเฉพาะในส่วนของการใช้จ่ายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความเข้มแข็งของระบบเศรษฐกิจ อีก 3.5 หมื่นล้านบาทขอให้นำกลับไปชำระหนี้ของธนาคารของรัฐตามเดิม ด้วยเหตุผลว่าเราทราบดีว่างบประมาณในส่วนการใช้จ่ายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความเข้มแข็งของระบบเศรษฐกิจที่งอกขึ้นมา ถูกนำไปใช้ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ที่มีวิวัฒนาการเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ ตอนนี้มีความชัดเจนมากขึ้นหลังเปลี่ยนรัฐบาลว่าในเฟสแรก จะเปลี่ยนจากดิจิทัลวอลเล็ตเป็นเงินสด ไปแล้ว 14.5 ล้านคน ซึ่งใช้งบประมาณในปี 2567 กว่า 1.45 แสนล้านบาท โดยมาจาก 2 ส่วนคือ พ.ร.บ.เพิ่มเติมงบประมาณปี 2567 จำนวน 1.22 แสนล้านบาท และอีกก้อนคือใช้งบกลางอีกประมาณ 2.3 หมื่นล้านบาท เราควรจะเลิกเรียกว่าดิจิทัลวอลเล็ตได้แล้ว เพราะไม่มีดิจิทัลและวอลเล็ตแล้ว

นางสาวศิริกัญญา กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ยังต้องหาเงินมาอีก 3.05 แสนล้านบาท ซึ่งวันนี้ยังไม่มีความชัดเจน แต่เข้าใจว่าวันนี้ยังไม่มีรัฐบาล ยังไม่มีการถวายสัตย์ฯ ยังไม่มีการแถลงนโยบาย ดังนั้น เราจึงไม่มีทางรู้ว่าเงินก้อนที่เหลือจะแจกผ่านดิจิทัลวอลเล็ตหรือไม่ หรือจะแจกเป็นเงินสด จะแจกเท่าไหร่ เมื่อไหร่ ดังนั้น จึงไม่รู้ว่าเราจะมาพิจารณางบประมาณเพื่ออนุมัติก้อนนี้ไปเพื่ออะไร แต่หากจะทำให้ได้ตามที่นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี เคยพูดไว้ เราต้องการเงินเพิ่มอีก 3.05 แสนล้านบาท วันนี้ที่เราพิจารณากันอยู่มีงบประมาณที่เราพิจารณาไว้ตั้งแต่วาระ 1 จำนวน 1.52 แสนล้านบาท อยู่ในกระเป๋า อีกก้อนมาจากการเบี้ยวหนี้ ชักดาบธนาคารรัฐ 3.5 หมื่นล้านบาท


 “เรียกว่าหน้ามืดแล้ว มีเงินตรงไหนเหลือก็ขอไปล้วง ไปควักออกมาให้หมด แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่ครบ 3.05 แสนล้านบาทอยู่ดี ยังขาดอีก 1.17 แสนล้านบาท เท่ากับคน 12 ล้านคน ที่ตอนนี้ยังหน้าซิ่วหน้าขวานว่าจะหาเงินจากที่ไหนมาจ่ายให้ประชาชนจนครบ ซึ่งหากยังไม่ครบแล้วท่านจะไปตัดงบธนาคารแห่งรัฐมาก่อนทำไม หลายโครงการเป็นโครงการที่มีมาตั้งแต่สมัยดึกดำบรรพ์ เช่น โครงการจำนำสินค้าเกษตรปี 2552 โครงการประกันรายได้ สมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี รวมถึงตัดงบของธนาคารออมสิน 2,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นรายการที่ใช้ในโครงการช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากโควิด ตัดนิดตัดหน่อยก็จะเอา เพื่อรวมเงินให้ได้ แต่ก็รวมได้แค่ 3.5 หมื่นล้านบาท และเป็นงบที่มาอย่างประหลาด เพราะในชั้นอนุ กมธ.ฯ ก็ไม่มีอนุฯ ไหนตัด เพื่อรวมเงินนำไปใช้ในโครงการเติมเงิน ทั้งนี้ ที่ปรับลดนั้นลอยมาหลังจากที่อนุกมธ.พิจารณาเสร็จสิ้น ในคราวที่ครม. มีมติให้โอนเงินเพื่อใช้กับโครงการดิจิทัลวอลเล็ต”


 นางสาวศิริกัญญา กล่าวด้วยว่า สภาฯ ไม่จำเป็นต้องเห็นชอบเงินจำนวน 1.877 แสนล้านบาทเพื่อโครงการดิจิทัลวอลเล็ตใช่หรือไม่ และเงินที่จะใช้ก็ยังมีไม่เพียงพอ ฉะนั้น ตนจึงมีข้อเสนอว่าควรรอให้มีการแถลงนโยบายให้จบก่อน แล้วค่อยมาออกเป็น พ.ร.บ.โอนงบประมาณ ก็ยังทัน เพราะยังมีเวลาให้ประชาชนรอมาได้ปีกว่า ให้รออีกหน่อย เพื่อให้รัฐบาลไปออกร่าง พ.ร.บ.โอนประมาณ โดยตัดงบกระทรวงของพรรคเพื่อไทย และพรรคร่วมรัฐบาลเพื่อใช้ดิจิทัลวอลเล็ต เพื่อแจกให้ครบ 45 ล้านคน

-----------------------------------

“จุลพันธ์” แจงงบกลาง ยันโยกงบ 5 ธนาคารรัฐ ใช้โครงการดิจิทัลวอลเล็ตไม่ขัดกฎหมาย เผยรอ ครม.ถวายสัตย์ -แถลงนโยบายรัฐบาล จะชี้แจงรายละเอียดอีกรอบ ท้ายสุดเสียงข้างมากไฟเขียว 1.87 แสนล้าน


ด้าน นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะรองประธานกรรมาธิการวิสามัญพิจารณางบฯ 68 ชี้แจงมาตรา 6 งบกลาง ว่าในส่วนของบกลางรายการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อใช้ในโครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต ส่วนที่ห่วงในการเปลี่ยนแปลงงบของธนาคารรัฐ 5 แห่ง เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจนั้นชอบด้วยกฎหมายทุกประกาศ ซึ่งได้ตั้งในงบประมาณวาระแรกผ่านมติ ครม. และเสนอต่อสภาฯ ซึ่งได้รับความเห็นชอบในการพิจารณาวาระแรก


“ยืนยันไม่ขัดต่อกฎหมายไม่ได้ปรับลดในมาตรา 40 รายจายเพื่อชำระหนี้ภาครัฐ แผนบริหารจัดการหนี้ภาครัฐ ซึ่งได้ตั้งไว้ 4.1 แสนล้านบาท ซึ่งจำนวนดังกล่าวนั้นมี 2.8 หมื่นล้านบาท ในการชำระหนี้ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์(ธกส.) ไม่ได้ปรับลดจนชำระคืนในสัดส่วนที่ต้องชำระคืน ซึ่งกระบวนการพิจารณาในชั้นกรรมาธิการในการเปลี่ยนแปลงงบรายจ่ายมาตรา 29 เป็นมาตรา 6 นั้นชอบด้วยกฎหมายทุกประการ”


นายจุลพันธ์ กล่าวต่อว่า โครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ในขณะนี้เป็นที่ทราบกันดีในสถานการณ์ของการเมืองไทยว่าเราได้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี และอยู่ในขั้นตอนการทูลเกล้าฯ คณะรัฐมนตรี(ครม.) และต้องมีการเข้าเฝ้าเพื่อถวายสัตย์ และนำเสนอนโยบายแห่งรัฐต่อที่ประชุมรัฐสภา อย่างไรก้ตามความชัดเจนที่ได้เกิดขึ้นจนถึงวันนี้ จากนายกฯก็ได้แสดงเจตจำนงชัดเจนว่าโครงการดิจิทัลวอลเล็ต จะต้องเดินหน้าต่อ แต่รูปแบบและรายละเอียดของโครงการอาจจะต้องมีการปรับเปลี่ยน โดยจะต้องรอให้ได้ครม.ชุดใหม่และแถลงนโยบายต่อรัฐสภาก่อน จึงจะมีการชี้แจงทำความเข้าใจ แต่เม็ดเงินที่ได้รับไปแล้วจากงบเพิ่มเติม 67 หรืองบที่เรากำลังพิจารณากันอยู่ ในส่วนของงบกลางนี้ สุดท้ายจะได้ใช้ประโยชน์ผ่านถึงมือประชาชน เป็นกลไกลกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านดิจิทัลวอลเล็ต


โดยท้ายที่สุด ที่ประชุมฯ มีมติเสียงข้างมาก 265 เสียง ต่อ 154 เสียง ให้ความเห็นชอบในมาตรา 6 งบประมาณรายจ่ายงบกลางกว่า 842,000 ล้านบาท ตามที่คณะกรรมาธิการเสียงข้างมากปรับแก้ โดยกรรมาธิการฯ ได้การเปลี่ยนแปลงงบประมาณสำหรับการชำระหนี้ จากธนาคารของรัฐ 5 แห่งราว 35,000 ล้านบาท ไปใส่ไว้ในงบกลางสำหรับการกระตุ้นเศรษฐกิจ ทำให้รัฐบาลมีงบกลางสำหรับการกระตุ้นเศรษฐกิจกว่า 187,700 ล้านบาท จากเดิมที่คณะรัฐมนตรีเสนอมาในวาระแรก 152,700 ล้านบาท


รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/5yAV1vXI1NA

คุณอาจสนใจ

Related News