เลือกตั้งและการเมือง

“คุณพ่อทั้งนั้น” ‘เสรีพิศุทธ์’ อัด ‘อุ๊งอิ๊ง’ ไม่มีปัญญาบริหาร

โดย nattachat_c

29 ส.ค. 2567

706 views

เสรีพิศุทธ์ แฉเยี่ยมทักษิณที่โรงพยาบาล บอกชัดไม่เอาตระกูลวงษ์สุวรรณ รับน้อยใจ ถอนตัวร่วมรัฐบาล บอก รัฐบาลนี้อายุสั้นกว่าเศรษฐา-อุ๊งอิ๊งไม่มีสติปัญญาบริหารประเทศ ชี้เศรษฐาหลุดนายกฯ เพราะตั้งนักโทษเป็นรัฐมนตรี ขณะนักโทษตั้งนายกรัฐมนตรี บอกรุู้จักทักษิณมา 51 ปี ดูแลมาตั้งแต่เป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจ แฉรับใช้การเมืองเล่นงานฝั่งตรงข้ามพรรคเพื่อไทย แฉซ้ำ คุณหญิงอ้อ ยิ่งลักษณ์ ชวน อภิสิทธิ์ สุเทพ ฝากตำรวจ มีเพียงสุเทพตอบแทนกลับคนเดียว


พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย แถลงข่าวประกาศจุดยืน ถอนตัวออกจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ว่า การแถลงข่าววันนี้ เพื่อต้องการที่จะแถลงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการถอนตัวออกจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาลของพรรคเพื่อไทย พร้อมท้าวความ การเข้ามาเล่นการเมืองหลังจากเกษียณอายุราชการ ว่าแม้จะอายุมากแล้ว ซึ่งคนรุ่นตนทั้งทหารและตำรวจก็กลับบ้านเก่าไปเยอะแล้ว แต่ก็ยังมีนักการเมืองหลายตนที่อายุมากกว่าตนอย่างนายชวน หลีกภัย อายุ 85 ปี ก็ยังทำงาน นายบัญญัติ บรรทัดฐาน , พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ก็ยังทำงานอยู่ จึงเป็นเหตุผลที่ตนยังคงทำงานอยู่ แม้เกษียณอายุมาตั้งแต่ปี 2551 ซึ่งก็นับ 16 ปีแล้ว ตนได้สมัครเป็นผู้ว่า กทม . แต่แพ้ให้กับพรรคประชาธิปัตย์และพรรคเพื่อไทย ซึ่งลงในนามบุคคลกับในนามพรรคมันต่างกัน และมาลงเลือกตั้งอีกครั้งในปี 2562 เพราะพวกเผด็จการครองเมือง และต่อมาจนเลือกตั้งปี 2566 ตนชอบการแข่งขัน ไม่ชอบระบบสรรหาคัดเลือก ไม่ชอบตกถูกอยู่ใต้อาณัติของใคร ขณะที่ พลตำรวจเอก วัชรพล ประสานราชกิจ ไปเป็นประธานปปช. ยังวินิจฉัยว่าคดีนาฬิกายืมเพื่อนก็ไม่ผิด ศาลรัฐธรรมนูญ ตัดสินคดีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบ ก็ไม่ผิด


ซึ่งการเลือกตั้งในปี 2562 เป็นแบบบัตรใบเดียวได้รับการเลือกตั้งมา 10 คน และเลือกตั้งซ่อมได้เพิ่มอีก 1 คน ตนยืนหยัดที่จะยอมเป็น ฝ่ายค้าน เพราะเราไม่เอาเผด็จการอยู่แล้ว แม้จะทุ่มเงินมาให้ตนก็ตาม แย่งกันเป็นหมาหวงชามข้าวเพื่อที่จะได้ประโยชน์ อย่ามาพูดเรื่องอุดมการณ์เพื่อประชาชน มีแต่คนหาผลประโยชน์ไม่เช่นนั้นบ้านเมืองจะไม่เป็นเช่นนี้ จากนั้น ในปี 2566 เปลี่ยนระบบเลือกตั้ง เป็นบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ ได้ สส. มาเพียง 1 คน เราเคารพกติกาพรรคก้าวไกลที่ได้พรรคอันดับหนึ่ง เราสนับสนุนให้เขาเป็นรัฐบาล จนให้สัญญาว่าจะให้ตนเป็นรองนายกรัฐมนตรี และก็ให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรี พรรคก้าวไกลเป็นพรรคเด็ก ทำงานยังไม่เป็น มีการเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีแค่ 1 คนจากที่จะเสนอชื่อ 3 คน เมื่อไม่ผ่านก็เป็นหน้าที่ของพรรคเพื่อไทย ตนก็สนับสนุนพรรคเพื่อไทย จนกระทั่งพรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาลมีนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี ตนจึงลาออกจากการเป็น สส. เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2566 เพื่อให้คนอื่นได้ขึ้นมาทำหน้าที่แทน ไม่เหมือนพรรคประชาธิปัตย์ ไม่มีการเสียสละ พรรคก็พัง คนรุ่นเก่าเดินหาเสียงก็ไม่ไหว แต่ก็ไม่ยอมสละ


พรรคเพื่อไทยเสนอนายเศรษฐา ทวีสิน , นางสาวแพทองธาร ชินวัตร , นายชัยเกษม นิติสิริ ต้องทำตามรัฐธรรมนูญธรรมนูญ แต่ไม่ได้ยึดโยงกับคนในพรรค เมื่อมาทำงานต้องดูกฎหมายเราจะอ้างว่าไม่รู้กฎหมายไม่ได้ นายเศรษฐา เป็นนายกมือใหม่ไม่รู้แม้กระทั่งกฎหมายขั้นพื้นฐาน พูดในที่ประชุมพรรคเพื่อไทย เรื่องการแต่งตั้งผู้กำกับ ตนได้เสนอแนะไปว่าถ้านายเศรษฐาไม่รู้รัฐธรรมนูญ ลาออกซะดีกว่าจะได้ไม่เจ็บตัว แต่ก็ไม่ลาออก สุดท้ายนำรายชื่อนายพิชิต ชื่นบาน โปรดเกล้าเป็นรัฐมนตรี และเมื่อตอนยื่นศาลรัฐธรรมนูญใหม่ ตนก็มองว่าศาลรัฐธรรมนูญต้องรับเรื่อง แต่ไม่ได้สั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ เพราะความเป็นนายกรัฐมนตรีต้องรับผิดชอบบ้านเมือง ต่อมาวันที่ 13 ส.ค ตนให้ความเห็นว่า ศาลรัฐธรรมนูญต้องวินิจฉัยให้พ้นจากความเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ


จากนั้น พรรคเพื่อไทยก็นัดพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคที่พรรคเพื่อไทย เพื่อให้สนับสนุนนางสาวแพทองธาร เป็นนายกรัฐมนตรี ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลก็ต้องสนับสนุน 2 วันต่อมามีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมนายกรัฐมนตรีก็ได้รับเชิญให้ไปเป็นเกียรติ พอมาถึงช่วงการจัดตั้งรัฐบาลมีการมีความชุลมุนวุ่นวายยุ่งเหยิง คนนั้นก็อยากเป็น ซึ่งมองว่าพรรคเพื่อไทย นางสาวแพทองธาร ไม่มีสติปัญญาในการบริหารตรงนี้ การบริหารทั้งหมดเป็นเพราะพ่อทั้งนั้น ขณะที่ พลเอกประวิตร ปฏิวัติ น้องสาวของนายทักษิณ จะอยู่ร่วมรัฐบาลได้อย่างไร ครั้งที่แล้วให้ร่วมรัฐบาล แต่ครั้งนี้ไม่มีสิทธิ์ นายทักษิณได้พูดกับตนครั้งที่ไปเยี่ยมที่โรงพยาบาลตำรวจ ว่ายังไงก็ไม่เอาตระกูลวงษ์สุวรรณ


พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า ในวันที่ 27 สิงหาคม ได้มีการประชุมกรรมการบริหารพรรคเสรีรวมไทย เพื่อขอมติว่าอยู่ร่วมรัฐบาลหรือไม่ พรรคอื่นก็อยากร่วมรัฐบาล ซึ่งตนได้สะท้อนใจว่าที่ยอมอยู่ เพราะต้องการทำงานให้ประชาชน นายเศรษฐา ตั้งนักโทษเป็นรัฐมนตรี แต่ปัจจุบัน นักโทษมาตั้งรัฐมนตรี จึงมีมติของกรรมการบริหารพรรคเสรีรวมไทยว่าภารกิจในการสนับสนุนพรรคเพื่อไทยให้ทำหน้าที่ผู้นำได้เสร็จสิ้นลงแล้ว ถ้าอยู่ร่วมรัฐบาลต่อไป เราจะวิจารณ์นโยบายของรัฐบาลเช่น เงินดิจิทัลวอลเลต 10,000 บาท ก็วิจารณ์ไม่ได้ ถ้าเป็นพรรคร่วมด้วยกัน กรรมการบริหารพรรคจึงมีการประชุมเมื่อวันที่ 27 สิงหาคมที่ผ่านมา มีมติ 7 ต่อ 4 ให้พ้นจากความเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา และได้ยื่นหนังสือไปถึงหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ผ่านเลขาธิการพรรคเพื่อไทยเรียบร้อยแล้ว ซึ่งถอนตัวออกมาเป็นอิสระทำหน้าที่ฝ่ายค้านตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป


ยอมรับสาเหตุที่ถอนตัว ออกจากพรรคร่วมรัฐบาล เพราะน้อยใจ เพราะที่ผ่านมาตนรับใช้พรรคเพื่อไทยมาทั้งชีวิตแล้ว ช่วยมาตลอด ก็อยากมีโอกาสทำงานร่วมรัฐบาลบ้าง เป็นรองนายกรัฐมนตรีกำกับดูแลตำรวจ เพราะต้องการเข้ามาแก้ไขปัญหาตำรวจ ซึ่งนายภูมิธรรม เวชชัยรองนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี บอกกับตนว่า วี 1 ซึ่งหมายถึงนายทักษิณ ชินวัตร จะกำกับดูแลตำรวจเอง การจะทำอย่างไรให้ประชาชนกลับมาศรัทธาตำรวจ ไม่ใช่เมื่อเวลามีปัญหา ก็ไปแจ้งกับ กัน จอมพลัง และ เพจสายไหมต้องรอด ต้องมีการปฏิรูปตำรวจ


อย่างไรก็ตาม ที่ตนบอกว่าน้อยใจเพราะตนกับนายทักษิณรู้จักกันมาตั้งแต่ปี 2516 รวม 51 ปี ตนดูแลนักเรียนรุ่น 26 ที่รวมนายทักษิณด้วย ดูแลกันจนจบโรงเรียนนายร้อยตำรวจ รู้จักนิสัยใจคอทุกคน แต่ตนกับนายทักษิณอาจจะไม่เหมือนกัน ตนเป็นตำรวจไม่เคยเอาครอบครัวเข้ามายุ่งเกี่ยว ไม่เคยเอารัดเอาเปรียบใคร แต่นายทักษิณเป็นนายกรัฐมนตรี แต่งตั้งรุ่นพี่รุ่นน้อง เป็นผู้บัญชาการ ขณะที่ตนถูกดองไว้ ซึ่งตนได้เคยยื่นฟ้อง แต่นายทักษิณ ส่งคนมาขอถอนฟ้อง ที่ผ่านมานายทักษิณ ขออะไรตนให้หมด นับตั้งแต่นายสมัคร สุนทรเวช รวมถึงรัฐมนตรีต่างๆ ที่มาขอเช่นกัน ตนก็ทำให้ นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวง คมนาคม สส. นครพนม ขอให้จัดการ นายศุภชัย โพธิ์สุ หรือสหายแสง ให้ทสอบตก สส. ตนก็ทำให้


พลตำรวจเอก เสรีพิศุทธิ์ บอกด้วยว่า การที่ตนได้ขึ้นตำแหน่ง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพราะนายทักษิณถูกปฏิวัติ พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี เป็นผู้แต่งตั้งตน ซึ่งคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งขณะนั้นยังไม่เข้าสู่การเมือง รวมถึงนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ นายชวน หลีกภัย นายสุเทพ เทือกสุบรรณ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็มาขอตำแหน่งตำรวจกับตนทั้งนั้น ซึ่งมีคนตอบแทนตนคนเดียว คือนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงในขณะนั้น ในการแต่งตั้งระดับนายพล


พร้อมกันนี้ย้ำด้วยว่า นายทักษิณอยู่ต่างประเทศ 17 ปีตนเดินทางไปเยี่ยม 5 ครั้ง และทุกครั้งตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน นายทักษิณพูดกับตนทุกครั้งว่าจะให้ตำแหน่งกับตน


และเมื่อถามย้ำว่า นายทักษิณมีการรับปากหรือไม่ว่าจะให้ตำแหน่งรองนายกฯฝ่ายความมั่นคงดูแลตำรวจ พลตำรวจเอกเสรีพิสุทธิ์กล่าวว่า นายทักษิณพูดหลายครั้งว่าเขาเป็นหนี้พี่เสรีพิศุทธ์ต้องชดใช้ พูดเป็น 100 ครั้ง ซึ่งนายทักษิณตอบแทนทุกคน ยกเว้นตน ตนพูดแล้ว แต่ก็นายทักษิณก็เฉย แต่ก็ไม่เป็นไรเพราะการจัดตั้งรัฐบาลเป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรี จะเอาใครก็ได้ แต่ทุกครั้งที่มีอำนาจลืมตนทุกที คงคิดว่าพรรคเสรีรวมไทยมีแค่เสียงเดียว จะเอามาเทียบกับพรรคอื่นไม่ได้ เพราะตนทำมาให้นายทักษิณมาทั้งชีวิต


ซึ่งพลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ บอกอีกว่า หลังทำหนังสือแจ้งหัวหน้าพรรคเพื่อไทยถอดตัวออกจากพรรคร่วมรัฐบาล ไม่มีการติดต่อกลับมาจากพรรคเพื่อไทย หรือคนจากพรรครัฐบาล จากนี้พรรคเสรีรวมไทยจะเป็นฝ่ายค้านเต็มอิสระ ต่างคนต่างทำหน้าที่ถ้าสิ่งใดเห็นตรงกันก็โหวตร่วม


พลตำรวจเอก เสรีพิศุทธ์ ระบุด้วยว่า หลังจากถอนตัวก็ไม่ได้มีการติดต่ออะไรจากนายทักษิณเลย อีกทั้งก่อนหน้านี้ตนเองเคยไปเยี่ยมนายทักษิณที่ชั้น 14 แต่นายทักษิณตอบว่า ไม่จริง วันนี้จึงนำ เอกสาร 2 ชุดมาที่ได้รับการติดต่อ เพื่อยืนยันว่าตนเองได้ไปเยี่ยมนายทักษิณ 2 ครั้ง เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว และเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้ ดังนั้นวันนี้จึงได้นำเอกสารหลักฐานแชทยืนยันว่าได้เคยไปเยี่ยมนายทักษิณที่ชั้น 14 รพ.ตำรวจจริง


แชทแรกเมื่อเดือนพ.ย.ปี 2566 มีการนัดแนะเวลาว่าสามารถเข้าไปเยี่ยมได้ในช่วง 17.00 น. และอีกครั้งเมื่อวันที่ 4 ก.พ. โดยมีการแชทจากบุคคลเดิมว่า ขออนุญาตพบเนื่องจากมีเอสเอ็มเอสจากนายกปู พร้อมกับส่งหนังสือขอถอนการร้องเรียน พล.ต.อเสรีพิสุทธ์ มีการทำหนังสือขอถอนเรื่องที่ตนเองเคยไปร้องเรียนนายเศรษฐา ทวีสิน กรณีแต่งตั้ง ผบ. ตร ยืนยันว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริงไม่ได้มีพยานปากเดียวมีคนเป็นพยานให้ด้วย


อย่างไรก็ตาม พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ ไม่ขอเปิดเผยว่าใครเป็นคนติดต่อให้พบกับนายทักษิณ ที่โรงพยาบาลตำรวจ รวมถึงอาการของนายทักษิณ ว่าป่วยจริงหรือไม่ แต่บอกว่าหลังจากนี้ จะทยอยเปิดเผยออกมาเป็นซีรีย์ ขอให้ติดตาม ซึ่งจะมีคนเดือดร้อน ทั้งนักการเมืองและข้าราชการที่เกี่ยวข้อง


พร้อมกันนี้ พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ได้วิเคราะห์รัฐบาล นางสาวแพทองธาร ว่า จะไปเร็วกว่ารัฐบาลของนายเศรษฐา เพราะมีทั้งคดีของนายทักษิณ ชินวัตร และคดีของนางสาว แพทองธาร พร้อมย้ำว่าการเข้าร่วมรัฐบาลของพรรคประชาธิปัตย์ถือเป็นการตระบัดสัตย์


พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ยืนยันจะทำหน้าที่ฝ่ายค้านเต็มรูปแบบจะไม่มีการส่งข้อมูลให้ตัวแทนไปร้อง เพราะเราเป็นสุภาพบุรุษ ต้องสู้กันแบบนี้ ส่วนจะเล่นงานนางสาวแพทองธารตัวเองไม่ทำ เพราะเห็นเป็นลูกหลาน และวิเคราะห์การเมืองหลังจากนี้ว่า นายทักษิณกับพลเอกประวิตร จะซัดกันเต็มที่ ”แต่ป้อมคงสู้ไม่ได้“


ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ถือว่าเป็นพรรคที่ตระบัดสัตย์ทางการเมืองตั้งปี 2562 ที่เข้าร่วมรัฐบาล และ นายชวน หลีกภัย ยังได้เป็นประธานสภา ยืนยันไม่สามารถร่วมงานได้ เพราะเป็นจอมสร้างภาพ ตัวเองเป็นประธานสภายังไปถูพื้น แบกกล่องหนังสือถือเป็นการสร้างภาพทั้งนั้น และนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งขณะนั้นเป็นเลขาธิการพรรค เคยประกาศว่าหากได้ สส.น้อยกว่า 52 ที่นัง จะเลิกเล่นการเมือง แต่สุดท้ายก็กลับมาเป็นหัวหน้าพรรค อีกทั้งยังจะเข้าร่วมรัฐบาลอีกด้วย

คุณอาจสนใจ

Related News