เลือกตั้งและการเมือง

พปชร.ร่อนหนังสือ ทวงใบกรอกประวัติให้ 'พัชรวาท' - 'ภูมิธรรม' ชี้เป็นอำนาจนายกฯ เลือก รมต.

โดย passamon_a

27 ส.ค. 2567

29 views

เมื่อวันที่ 26 ส.ค.67 นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ปฏิบัติหน้าที่แทนหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ลงนามในหนังสือของพรรคพลังประชารัฐ เลขที่ พปชร.138/2567 ลงวันที่ 26 สิงหาคม 2567 ถึงนายกรัฐมนตรี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร และสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีได้รับหนังสือไว้แล้ว เรื่องขอให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีดำเนินการส่งแบบข้อมูลประกอบการเสนอเรื่องการแต่งตั้งรัฐมนตรีให้กับ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ มีความว่า


โดยอ้างอิงที่ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ วันที่ 23 สิงหาคม 2567 มีมติเสนอรายชื่อบุคคลให้ได้รับตำแหน่งรัฐมนตรี จำนวน 4 คน ได้แก่


1. พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ดำรงตำแหน่ง รองนายกฯ และ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

2. ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ดำรงตำแหน่ง รมว.เกษตรและสหกรณ์

3. นายสันติ พร้อมพัฒน์ ดำรงตำแหน่ง รมช.สาธารณสุข

4. นายอรรถกร ศิริลัทธยากร ดำรงตำแหน่ง รมช.เกษตรและสหกรณ์


และหากพบว่าในรายชื่อข้างต้น มีบุคคลหนึ่งไม่ผ่านคุณสมบัติในการดำรงตำแหน่ง ก็เป็นอำนาจของหัวหน้าพรรคจะเป็นผู้พิจารณาเปลี่ยนแปลงรายชื่อบุคคลใหม่ และเสนอให้นายกฯ พิจารณา


โดยทางพรรคพลังประชารัฐได้สอบถามไปยัง พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ซึ่งเป็น 1 ใน 4 บุคคลที่พรรคเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี แต่ปรากฏว่า สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรีไม่ได้ติดต่อเพื่อส่งแบบข้อมูลประกอบการเสนอชื่อเรื่องการแต่งตั้งรัฐมนตรีให้


ดังนั้นเพื่อไม่ให้เกิดความล่าช้าในการตรวจสอบคุณสมบัติผู้จะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี พรรคพลังประชารัฐจึงทำหนังสือเพื่อกราบเรียนนายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ดำเนินการส่งแบบข้อมูลประกอบการเสนอเรื่องแต่งตั้งรัฐมนตรีให้กับ พล.ต.อ.พัชรวาท


นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์ภายหลังจากพรรคพลังประชารัฐ มีหนังสือดังกล่าวถึงนายกรัฐมนตรี โดยนายไพบูลย์ ระบุว่า พรรคพลังประชารัฐได้ดำเนินการตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง และข้อบังคับพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งได้ส่งรายชื่อไปให้นายกรัฐมนตรีแล้ว เพื่อให้ตรวจสอบคุณสมบัติ และหากใครขาดคุณสมบัติก็ขอให้แจ้งกลับมายังพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งกรรมการบริหารพรรคได้ให้อำนาจหัวหน้าพรรคในการเสนอชื่อในกรณีรายชื่อรัฐมนตรีของพรรคคนใดขาดคุณสมบัติ แต่หากเป็นไปทางอื่น ก็ถือว่าไม่ตรงตามกฎหมายพรรคการเมือง ที่การตั้งบุคคลต้องเป็นไปกระบวนการและข้อบังคับพรรค และไม่ควรจะเป็นเช่นนั้น เพราะพรรคเพื่อไทย ก็มีนักกฎหมายจำนวนมาก ดังนั้นนายกรัฐมนตรีจะต้องพิจารณาให้เรียบร้อย เพราะมีการตกลงร่วมรัฐบาลกันแล้ว และพรรคก็ได้ลงมติเลือก นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว


ส่วนจะมีการยื่นร้องเรียนเอาผิดนายกรัฐมนตรีหรือรัฐบาล หากเกิดกรณีการแต่งตั้งรัฐมนตรีจากพรรคพลังประชารัฐ ที่ไม่ได้มาจากมติของพรรคหรือไม่นั้น นายไพบูลย์ กล่าวว่ายังไม่อยากพูด แต่การแต่งตั้งเป็นอำนาจและหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี รวมถึงจะต้องดำเนินการตามสัญญาประชาคมที่เคยร่วมแถลงข่าวร่วมกัน ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ถูกต้องอยู่แล้ว จึงไม่น่ายุ่งยากหากดำเนินการตามกฎหมายและข้อบังคับพรรค พร้อมย้ำว่า เรื่องดังกล่าวที่เกิดขึ้น ไม่ใช่เรื่องของพรรคเพื่อไทย แต่เป็นเรื่องของนายกรัฐมนตรี


ส่วนหากนายกรัฐมนตรี ผิดสัญญาประชาคมกับพรรคพลังประชารัฐ จะทำให้พรรคพลังประชารัฐส่วนที่เหลือ ถอนตัวจากการสนับสนุนพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายไพบูลย์ ยังไม่ขอให้ความเห็นถึงขั้นนั้น เพราะตามแง่มุมกฎหมาย จะต้องเป็นไปตามขั้นตอน และขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการตรวจสอบประวัติ ซึ่งพรรคพลังประชารัฐก็สนับสนุนให้นางสาวแพทองธาร เป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว และพรรคได้มีมติเสนอชื่อรัฐมนตรีไปแล้ว แต่พลตำรวจเอกพัชรวาท วงษ์สุวรรณ น้องชายพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค ยังไม่ได้รับใบกรอกประวัติ ในขณะที่พรรคอื่นได้รับการติดต่อแล้ว จึงได้ทวงถามไปผ่านนายกรัฐมนตรี เพราะกังวลว่าจะเกิดความล่าช้า และสังคมเกิดความเข้าใจผิดในภายหลังว่าพรรคพลังประชารัฐไม่ได้ส่งใบกรอกประวัติ จึงขอให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เร่งติดต่อกลับมา และยังไม่ทราบว่ารายชื่อรัฐมนตรีอีก 3 คนที่เหลือที่พรรคได้เสนอไป ได้รับใบกรอกประวัติแล้วหรือยัง


ส่วนการออกหนังสือทวงถามใบกรอกประวัติดังกล่าว สะท้อนปัญหาภายในพรรคฯ ระหว่าง ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคฯ กับ พลเอกประวิตร จบแล้วหรือยังนั้น นายไพบูลย์ ระบุว่า ตนเองไม่ได้เกี่ยวข้องในเรื่องดังกล่าว เพราะมีหน้าที่เป็นฝ่ายกฎหมายให้การดำเนินการต่าง ๆ เป็นไปตามขั้นตอนข้อกฎหมาย และข้อบังคับพรรค


ด้าน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ถึงกรณีที่พรรคพลังประชารัฐ ทำหนังสือทวงเอกสารกรอกคุณสมบัติรัฐมนตรีของ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ว่า เรื่องนี้ไม่ทราบ ตนได้พูดไปแล้วตั้งแต่แรกว่าให้แต่ละพรรคที่จะร่วมรัฐบาล เสนอชื่อผ่านเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ซึ่งขณะนั้นเลขาธิการนายกฯ พ้นสภาพแล้ว ไม่ได้มีสถานะ ดังนั้นให้เชื่อมกับเลขาธิการคณะรัฐมนตรี และเลขากฤษฎีกา ขณะนี้กระบวนการกำลังดำเนินการอยู่


เมื่อถามว่าการที่ไม่ได้เอกสาร เป็นการไม่ได้เป็นรัฐมนตรีไปโดยปริยายเลยหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวปฏิเสธว่า ตนไม่ทราบ เขาจะส่งหรือไม่ส่ง ต้องไปดูต้นตอ แต่ขณะนี้อยู่ในกระบวนการตรวจสอบ ซึ่งเราไม่ได้ไปก้าวล่วง


เมื่อถามว่าพรรคพลังประชารัฐยืนยันว่าได้ส่งชื่อ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ มาแล้ว นายภูมิธรรม กล่าวว่า หากส่งมาแล้วก็อยู่ในกระบวนการ แต่เราไม่อาจจะทราบได้


เมื่อถามว่าการที่มีคนเดียวที่ไม่ได้รับเอกสารกรอกคุณสมบัติ ตกหล่นในขั้นตอนไหน นายภูมิธรรม กล่าวว่า คนไหนจะได้รับเอกสาร หรือไม่ได้รับ ถ้าให้เราตอบเราคงไม่รู้ แต่ยืนยันว่าเราได้ทำตามกระบวนการ และมีการพูดคุยกันแล้ว และคิดว่าพรรคไหนที่จะมาร่วมรัฐบาล ก็ให้เสนอชื่อตามกระบวนการ ส่วนกระบวนการเขียนประวัติตรงนั้นตนไม่ทราบ ในฐานะตนได้ประกาศเชิญ แต่ก็ไม่ได้ลงไปเก็บเกี่ยวเรื่องนี้เอง


นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า การดำเนินการหลังจากที่มีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เป็นสิ่งที่จะต้องทำให้ละเอียดรอบคอบ ซึ่งความจริง 3 วันเสร็จ แต่ตอนนี้ต้องใช้เวลาเป็นอาทิตย์ที่ทำให้ยืดออกไป ซึ่งขณะนี้ฝ่ายคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องกำลังอยู่ระหว่างดำเนินการ และสิ่งที่ว่ากันนี้ สื่อไปเปิดเผยกันเอง จะใช่หรือไม่ ไม่มีใครรู้


นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า เราไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าใครเป็นใคร แม้มันจะอยู่ในมือเราแล้ว และยังต้องรอการโปรดเกล้าฯ ซึ่งเป็นเรื่องไม่สมควรที่จะมาพูดว่ามีใคร ไม่มีใคร แม้กระทั่งตนก็ยังไม่รู้เลย และนายชูศักดิ์ ศิรินิล ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก็ยังไม่รู้


เมื่อถามว่าในฐานะผู้จัดการรัฐบาล พรรคพลังประชารัฐ มีมติส่งมา 4 ชื่อ แต่ยังมีอีกกลุ่มที่ส่งชื่อแตกต่างเข้ามา เราจะเลือกใช้ชื่อไหนอย่างไร นายภูมิธรรม กล่าวว่า กระบวนการในการคัดเลือก ครม. จนกระทั่งนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ เป็นอำนาจของทางนายกรัฐมนตรี เพราะจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบเวลาเกิดปัญหา เหมือนกับที่ผ่านมาบางคนมีปัญหาอย่างที่เคยเกิด


นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า อันนี้เป็นเรื่องของนายกรัฐมนตรี เราไม่รู้ว่านายกรัฐมนตรีจะหยิบตรงไหน พรรคที่เสนอชื่อมาแล้ว จะไม่หยิบก็ได้ หรือจะหยิบคนนอกมาก็ได้ ที่คิดว่าประกอบกันแล้วเหมาะสม นายกฯจะเป็นผู้ตัดสินใจ ไม่ว่าจะเอาคนใน คนนอก ทำได้ทั้งนั้น


เมื่อถามว่าหากเราไม่หยิบชื่อตามที่พรรคเสนอมา นายภูมิธรรม กล่าวว่า ถ้าไม่พอใจ ตนก็ไม่ทราบเพราะนี่เป็นเรื่องของนายกฯ ที่จะตั้ง ครม. ว่าควรเป็นแบบไหน


เมื่อถามว่า ถึงเวลานี้ในฐานะเป็นผู้จัดการรัฐบาล บอกได้หรือยังว่าพรรคที่มาร่วมรัฐบาลมีกี่พรรค และมีพรรคใหม่มาเพิ่มหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวยืนยันว่า ต้องรอนายกรัฐมนตรีได้รายชื่อที่มาจากคณะกรรมการกฤษฎีกา และเลขาธิการคณะรัฐมนตรี นำมาพิจารณา และนายกรัฐมนตรีจะตัดสินใจ จึงจะบอกได้ว่าใคร และพรรคไหนบ้างที่ได้เลือก


เมื่อถามว่าในฐานะเป็นพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาล หากพรรคเดิมหรือพรรคใหม่ ที่เข้ามามีปัญหาไม่มีความเป็นเอกภาพ ร่วมรัฐบาลแบบครึ่ง ๆ เสี้ยว ๆ จะสุ่มเสี่ยงเสถียรภาพของรัฐบาลในวันข้างหน้าหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ขณะนี้ที่มีปัญหาก็ยังไม่ชัดเจนว่าหมายถึงใครบ้าง แต่คิดว่าหลักการคือก็หลักการ นายกรัฐมนตรีสามารถรวมรวบเสียงสนับสนุนและยกมือให้ แต่ไม่ได้หมายความว่าเสียงที่ยกมือสนับสนุนจะต้องมาเป็นรัฐบาล จะต้องมีโควตา อย่างเช่น พรรคไทยสร้างไทย ยกมือโหวตมา 6 คน จะมาบอกว่าจะได้รัฐมนตรีช่วย 1 คน อันนี้ไม่เกี่ยว จะยกมือหรือไม่ยกมือ ขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรีเป็นผู้พิจารณา


นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า หากนายกรัฐมนตรีเห็นบุคคลที่มีความรู้ความสามารถ ก็สามารถเชิญมาได้ โดยไม่ต้องมีเสียงในสภาเลย ก็สามารถทำได้ ฉะนั้นต้องเข้าใจกระบวนการตรงนี้ให้ถ่องแท้ ว่านายกรัฐมนตรีหลังได้รับการโปรดเกล้าฯ ท่านมีอำนาจเต็ม ในการพิจารณาว่าจะเลือกใครก็ได้ เสียงที่ยกมือให้จะเลือกหรือไม่เลือกก็ได้


เมื่อถามว่าแต่ละพรรคการเมืองจะเข้าร่วมรัฐบาลหรือส่งชื่อคนที่จะเป็นรัฐมนตรี จะต้องเป็นมติของคณะกรรมการบริหารพรรค นายภูมิธรรม กล่าวว่า เป็นเรื่องของพรรคการเมืองที่จะเสนอใคร หรือไม่เสนอใคร แต่การเลือกคนที่จะมาเป็นรัฐมนตรี เป็นเรื่องของนายกรัฐมนตรี


เมื่อถามว่าการที่พรรคพลังประชารัฐทำหนังสือทวงเป็นเอกสารดังกล่าว มองอย่างไร ทำไมถึงไม่พูดคุยกันภายใน หรือเป็นเพราะรัฐบาลไม่ต้องการเอาวงษ์สุวรรณ มาร่วมจริงหรือไม่ เพราะมีรายงานว่าอีก 3 รายชื่อได้เอกสารหมด มีเพียงวงษ์สุวรรณ ที่ไม่ได้เอกสาร นายภูมิธรรม กล่าวว่า เป็นการคาดการณ์ ตนยังไม่เห็นรายชื่อ เห็นเพียงแต่หน้าสื่อ และไม่ได้ส่งผ่านมือตน ส่งที่เลขาธิการนายกฯ ให้เป็นไปตามกระบวนการ แต่การทำหนังสือดังกล่าวก็ถือเป็นอำนาจของพรรคการเมืองที่แสดงออกทางการเมือง ถือเป็นสิทธิ์ ตนไม่ก้าวล่วง


นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า นายกรัฐมนตรีอยากให้กระบวนการการตั้งคณะรัฐมนตรีเสร็จเร็วที่สุด แต่สิ่งที่ช้าที่สุด คือ การตรวจสอบคุณสมบัติ เพราะศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยเรื่องจริยธรรมมาถือว่ากว้าง เมื่อก่อน 3 วันก็จบ ซึ่งวันนี้ใช้เวลา 3 วันแบบเดิมไม่ได้แล้ว แต่ตอนนี้ต้องใช้คำว่าเร็วที่สุด ซึ่งคิดว่า 1-2 สัปดาห์จะแล้วเสร็จ คาดว่ากลางเดือน ก.ย.นี้จะได้เห็นโฉม ครม. ซึ่งตามกระบวนการควรแล้วเสร็จภายในเดือน ก.ย. เพราะตอนนี้นโยบายที่จะแถลงต่อรัฐสภา ก็ได้เริ่มเดินแล้ว


นายภูมิธรรม กล่าวว่า สาเหตุที่ให้พรรคร่วมรัฐบาลส่งรายชื่อบุคคลที่จะเป็นรัฐมนตรี เกินจำนวนโควต้า เพราะไม่อยากเสียเวลา หากบุคคลใดไม่ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติ ก็ไม่ต้องเสียเวลา เสนอชื่อคนใหม่มาตรวจสอบประวัติอีกครั้ง เพราะจะเสียเวลาในการสอบประวัติไปอีก 2 สัปดาห์


รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/U0i-RbWBtg0

คุณอาจสนใจ

Related News