เลือกตั้งและการเมือง
นายกฯ แพทองธาร พบภาคเอกชน รับฟังข้อเสนอ เดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจ
23 ส.ค. 2567
99 views
สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย, หอการค้าไทย-จีน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย พบนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อหารือ และเสนอแนะถึงสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบันที่อยากให้รัฐบาล
นางสาวแพทองธาร กล่าวว่า วันนี้เป็นการรับฟังการแบ่งปันถึงสถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศ จากผู้ประกอบการภาคเอกชน เพื่อต้องการการพัฒนามากขึ้น ตนเองได้รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แต่ยังไม่สามารถทำงานหรือสั่งการได้ จึงเปิดพื้นที่ให้ทุกคนเสนอแนะ แสดงความคิดเห็น และชี้ให้เห็นว่ากำลังเจอปัญหาอย่างไร และมีอะไรอยากจะแนะนำรัฐบาล เป็นพื้นที่แสดงความคิดเห็นที่เปิดกว้างสำหรับภาคเอกชน เพราะภาคเอกชนเป็นกลไกสำคัญที่จะทำให้เศรษฐกิจของประเทศขับเคลื่อนไปด้วยกันอย่างมั่นคง ขอบคุณทุกท่านที่มาเสนอแนะ และยินดีที่จะรับฟังทุกท่าน
ทั้งนี้ข้อเสนอของภาคเอกชน เช่น เรื่องของกฎหมายถือเป็นประเด็นที่สำคัญ กฎหมายบางอย่างใช้มาแล้ว 30 กว่าปี ไม่เหมาะสมต่อสภาวะปัจจุบัน หากผ่านกระบวนการต่างๆและได้เข้าไปทำงาน จะเร่งเข้าไปบริหารจัดการ หากผ่านกระบวนการและตั้งคณะรัฐมนตรีเรียบร้อยแล้ว จะหาเจ้าภาพที่จะมาคุยในแต่ละหัวข้อหรือประเด็นที่ภาคเอกชนเสนอในวันนี้ และประสานงานต่อด้วยตัวเอง รวมทั้งจะติดตามงานด้วย
“ในยุคไทยรักไทย จะมีการพูดคุยในทุกอุตสาหกรรมและคุยทุกสัปดาห์ ซึ่งทำให้ได้รู้ปัญหา รู้ประเด็นของทุกอุตสาหกรรมจริงๆ และช่วยเป็นประโยชน์ต่อการบริหารบ้านเมือง และต้องขอโอกาส และอาจขอรบกวนเวลาทุกท่านค่ะ”
นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลนี้จะต้องทำงานกับใกล้ชิดกับภาคเอกชน เพราะเครื่องจักรที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจคือภาคเอกชน โดยข้อเสนอของภาคเอกชนในวันนี้ใกล้เคียงกับที่เราประเมินไว้ และมีการตั้งคณะทำงานเพื่อศึกษาเรื่องนี้
นายพิชัย ชุณหวชิระ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ประเทศไทยทำการค้าขายกับจีนในระยะยาว ตัวเลขการส่งเสริมการลงทุนผ่านบีโอไอเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในส่วนของรัฐบาลรักษาการจะมีการส่งเสริมการใช้ Local content เพื่อส่งออกสินค้าไทยไปตลาดโลกให้เพิ่มขึ้น ส่วนข้อเสนอการปรับเพิ่มการใช้สินค้า Made in Thailand ในการจัดซื้อจัดจ้างเพิ่มขึ้นจะรับไปพิจารณา โดยจะต้องดำเนินการแบบรักษาสมดุลการค้าการลงทุนระหว่างกันกับประเทศคู่ค้า เพื่อไม่ให้เป็นการกีดกันทางการค้า
ส่วนปัญหาสินค้าจากจีนที่ทะลักเข้าไทย เป็นปัญหาที่รัฐบาลมองเห็น และต้องดำเนินการแก้ไขปัญหานี้ โดยอาจต้องรักษาสมดุลการค้าการลงทุนของไทยและจีน รวมถึงประเทศคู่ค้าอื่นๆ
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า การทะลักเข้ามาของสินค้าจีนที่กระทบผู้ประกอบการไทย จะมีมาตรการดูแลอย่างรอบด้าน เพื่อให้การค้าขายของไทยและจีนสามารถทำการค้าขายได้ในระยะยาว ในช่วงรัฐบาลที่นำโดย นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้ดำเนินการผ่านหน่วยงานมาตรฐานของรัฐ เช่น กรมศุลกากร ตรวจเข้มการสินค้านำเข้า หน่วยงาน มอก. หรือ อย.ตรวจมาตรฐานสินค้า ถึงโกดังและตรวจจับสินค้าได้เพิ่มขึ้น ถือเป็นหนึ่งในเป็นกลไกปกป้องเอกชนคนไทย รวมถึงการเชื่อมต่อข้อมูลการผลิตสินค้าจากจีนที่รัฐบาลให้ความสำคัญ ซึ่งระบบดังกล่าวจะแล้วเสร็จช่วงปีหน้า พร้อมกับการอำนวยความสะดวกด้านการขนส่งผ่านการเชื่อมต่อระบบการคมนาคม ทั้งทางถนน ทางราง และทางอากาศ
ส่วนข้อเสนอของภาคเอกชน เริ่มจาก นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เสนอ 3 เรื่องเร่งด่วน ได้แก่
1) การสร้างความเชื่อมั่นทั้งในและต่างประเทศ โดยในระยะสั้น ได้แก่ การกระจายงบประมาณ, การกระตุ้นเศรษฐกิจไปยังประชาชน 3. กลุ่ม ทั้งกลุ่มเปราะบาง กลุ่มที่ยังพอมีกำลังซื้อ และกลุ่มมีกำลังซื้อสูง ,มาตรการช่วยเหลือและเยียวยา เช่น ลดค่าใช้จ่าย ค่าไฟฟ้า ค่าน้ำมัน ตรึงราคาสินค้าจำเป็น,การกระจายอำนาจ และปรับปรุงกฎระเบียบที่มีอยู่ ในระยะยาว เช่น ความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน,การวัดผลสำเร็จด้านเศรษฐกิจตั้ง KPI เช่นการกำหนดจีดีพีที่ 3-5%
2) การสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน SMEs ด้วยกลยุทธ์ (ผลักดัน – ตั้งรับ – จับมือ) ‘การผลักดัน’ คือ ช่วยให้สินค้าไทยแข่งขันกับสินค้าจากต่างประเทศได้อย่างเท่าเทียมและเป็นธรรม เช่น การสร้างนโยบาย E-Commerce ของชาติ ‘การตั้งรับ’ คือ มาตรการปกป้องสินค้า ไม่แข่งขันด้านราคา เน้นบังคับใช้ Local content
3) การวางยุทธศาสตร์ประเทศเพื่อการเติบโตในอนาคตอย่างยั่งยืน
นายณรงค์ศักดิ์ พุทธพรมงคล ประธานกรรมการหอการค้าไทย-จีน กล่าวว่า ประเทศไทย แม้มีการขาดดุลการค้าจากจีน ส่วนหนึ่งมาจากการนำเข้าปุ๋ยเพื่อการเกษตร ซึ่งถือเป็นสินค้าทุน ที่เกษตรกรไทยนำมาเพิ่มมูลค่าส่งออกไปยังประเทศต่างๆ ซึ่งจีนยังเป็นตลาดสินค้าเกษตรแปรรูปที่ใหญ่ที่สุดของไทย ที่ผ่านมากระทรวงพาณิชย์ โดยนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นำสินค้าไทยไปโรดโชว์ที่จีน สร้างมูลค่าเข้าประเทศหลายพันล้านบาท ขอให้เดินหน้าต่อไป
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และนายนาวา จันทนสุรคน รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย มี 5 ข้อเสนอเร่งด่วน และ 3 ข้อเสนอระยะกลาง-ยาว โดย 5 ข้อเสนอเร่งด่วน ได้แก่ 1.การปกป้องอุตสาหกรรมภายในประเทศจากสินค้านำเข้าที่ไม่มีคุณภาพและการทุ่มตลาด 2.การส่งเสริมสินค้าที่ผลิตในประเทศไทย และสินค้าที่ได้รับการรับรอง Made in Thailand (MiT) 3.การลดต้นทุนการผลิตเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรมอาทิ ต้นทุนพลังงาน ต้นทุน แรงงาน เป็นต้น 4.การส่งเสริมและพัฒนาผู้ประกอบการ SME 5.การส่งเสริมการค้าชายแดน และพัฒนาระบบโลจิสติกส์
นายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย และนายสมประวิณ มันประเสริฐ รองผู้จัดการใหญ่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มงาน EIC ธนาคารไทยพาณิชย์ สรุปปัญหาที่ประเทศไทยกำลังเผชิญ 5 ด้าน ได้แก่
1. ปัญหาหนี้ครัวเรือน 91.4% ต่อจีดีพี และ 27% ของครัวเรือนเข้าไม่ถึงสินเชื่อในระบบ โดยที่รุนแรงคือหนี้รถ หนี้บ้าน
2. แผลเป็นด้านรายได้
3. เศรษฐกิจนอกระบบสูง
4. ไม่พร้อมในการก้าวสู่เศรษฐกิจใหม่
5. Safety net ไม่ครอบคลุม รายไดไม่พอรายจ่าย ไม่มีเงินออม
พร้อมข้อเสนอ 5 แนวทาง ได้แก่
1. ผันเศรษฐกิจนอกระบบเข้าสู่ในระบบ จะสร้างตัวคูณทางเศรษฐกิจได้สูง สร้างรายได่ใฟ้ทันรายจ่าย
2. เติมเครื่องมือเพื่อช่วยให้ SMEs เพื่อให้ปรับตัวได้และเพิ่มการเข้าถึงสินเชื่อ
3. แก้หนี้ครัวเรือนและให้สินเชื่ออย่างยั่งยืน
4. เพิ่มศักยภาพในการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการและก้าวทันกระแสโลก
5. เร่งดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศเพื่อสนับสนุนการเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจในภูมิภาค ด้วยการเร่งผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางทางการเงินของภูมิภาค สร้างความต่อเนื่องของโครงการ EEC
นายผยง กล่าวว่า รัฐบาลมองในมิติที่ยืดหยุ่นขึ้น connect the dots ที่มีจุดเพิ่มขึ้น สอดคล้องกับเราที่แก้หนี้ครัวเรือนให้ครบจบ รัฐบาลมองหนี้บ้าน และรถที่เป็นปัญหาของชนชั้นกลาง เดี๋ยวขอไปทำการบ้านต่อ”
แท็กที่เกี่ยวข้อง