เลือกตั้งและการเมือง
ย้อนฟัง 'ชัยเกษม' ประกาศจุดยืน - 'ภูมิธรรม' ยันสุขภาพแข็งแรง ช่วยงานพรรคตลอด
โดย nattachat_c
15 ส.ค. 2567
201 views
วานนี้ (14 ส.ค. 67) นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังรับทราบคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ให้ นายเศรษฐา ทวีสิน พ้นสภาพการเป็นนายกรัฐมนตรี ส่งผลให้ ครม. สิ้นสภาพทั้งคณะ ว่า ได้พูดคุยกับนายเศรษฐา โดยได้แสดงความเสียใจ และเสียดายในความตั้งใจที่จะทำงานของนายเศรษฐา แต่ก็เคารพต่อคำวินิจฉัยของศาล
โดยขั้นตอนต่อจากนี้ ตนในฐานะรองนายกอันดับหนึ่ง จะทำหน้าที่รักษาการนายกรัฐมนตรี โดยวานนี้ ได้เปลี่ยนเที่ยวบินเพื่อเดินทางกลับกรุงเทพฯ ทันที หลังเสร็จสิ้นภารกิจการพบหารือกับนายกรัฐมนตรีคาซัคสถานเป็นภารกิจสุดท้าย โดยได้พูดคุยถึงความร่วมมือเศรษฐกิจการค้าร่วมกัน และจะเดินทางถึงประเทศไทยในช่วงเช้าวันที่ 15 สิงหาคม นี้
นายภูมิธรรม กล่าวว่า สำหรับการประชุมกับสมาชิกพรรคเพื่อไทย จะหารือเกี่ยวการหาแคนดิเดตนายรัฐมนตรีของพรรคที่ตอนนี้มีอยู่ 2 รายชื่อ คือ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร และ นายชัยเกษม นิติศิริ โดยขณะนี้ พรรคมีบุคคลที่มีศักยภาพพร้อมอยู่สองคน ซึ่งนายชัยเกษมก็รับทราบว่า มีสุขภาพกลับมาแข็งแรงแล้ว ที่ผ่านมาก็เข้ามาปฎิบัติช่วยทำงานกับพรรคมาโดยตลอด
เมื่อถามว่านายกรัฐมนตรีคนใหม่ จะมาจากพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า อย่าเพิ่งคิดไปไกลเกิน ขณะนี้ก็ต้องดำเนินการไปตามกฏหมายไปก่อน และจะนานแค่ไหน ตนไม่ทราบขึ้นอยู่กับประชุมรัฐสภา ส่วนจะต้องหารือกับ นายทักษิณ ชินวัตรในฐานะที่ปรึกษาพรรคเพื่อไทยหรือไม่นายภูมิธรรมกล่าวว่า เป็นคนละเรื่องกัน เพราะทุกอย่างต้องรอมติของกรรมการบริหารพรรค จากนี้ไปก็เป็นการบริหารจัดการร่วมกันของพรรค ซึ่งจะต้องทำให้ดีที่สุดเพื่อแก้ไขปัญหาของประเทศ ขณะที่ นายกฯ คนใหม่ก็ต้องให้สภาเป็นคนตัดสินใจ เพราะเป็นกลไกตามกฎหมาย
-----------
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 5 เม.ย.2566 ทีมสื่อพรรคเพื่อไทย รายงานต่อสื่อมวลชนว่า วันนี้ พรรคเพื่อไทยจัดงานปราศรัยใหญ่ในกรุงเทพมหานครครั้งแรก กับงาน 'คิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อไทยทุกคน ตอน One Team for all Thais : หนึ่งทีมเพื่อไทยทุกคน' โดยแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ทั้ง 3 คน ได้แก่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร / นายเศรษฐา ทวีสิน และ นายชัยเกษม นิติสิริ จะเป็นผู้ที่ปราศรัย
นายชัยเกษม กล่าวบนเวทีประกาศจุดยืนในการเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ในการเลือกตั้งครั้งนี้ว่า ตนยังคงยืนยันถึงหลักนิติรัฐ และนิติธรรม ในฐานะอดีตข้าราชการ ได้รับการสอนมาเสมอว่า กฎหมายคือเครื่องมือรัฐในการควบคุมการดำเนินกิจกรรมของสังคม อำนวยความสะดวกประชาชน และเป็นเครื่องมือสำคัญและจำเป็นในการพัฒนาประเทศชาติ
ชัยเกษมให้ความมั่นใจต่อประชาชนว่า ขอให้ประชาชนไว้วางใจพรรคเพื่อไทย ทันทีที่ชนะการเลือกตั้ง ได้จัดตั้งรัฐบาลสำเร็จ ประการแรก พรรคเพื่อไทยจะทำคือ จะสร้างกระบวนการยุติธรรมที่มีหลักนิติธรรมด้วย เป็น 'การสร้างกระบวนการยุติธรรมที่ซื้อไม่ได้' และ ปรับปรุง ยกเลิก กฎหมายที่ล้าหลัง ไม่เอื้อประโยชน์ต่อคนส่วนใหญ่ รวมถึงลดขั้นตอนใช้ดุลยพินิจ เพื่อให้แน่ใจว่าประชาชนทุกคนสามารถเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมได้อย่างเป็นธรรม และถ้วนหน้า
--------------
ภายหลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินให้นายกเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีพ้นจากตำแหน่ง ซึ่งทำให้สถานะความเป็นรัฐมนตรีของคณะรัฐมนตรีสิ้นสุดตามลงไปด้วยนั้น ทำให้ดัชนีตลาดหุ้นไทย (SET Index) ซึ่งในช่วงเช้าเปิดตลาดที่ 1,305.36 จุด และปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง กลับมีทิศทางตกลง โดยมีจุดต่ำสุดที่ 1,280.99 จุด และปิดตลาดที่ 1,292.69 จุด
ด้าน นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญลงมติ 5 ต่อ 4 ให้ นายเศรษฐา ทวีสิน ขาดคุณสมบัติ เป็นนายกรัฐมนตรี เนื่องจากการแต่งตั้ง นายพิชิต ชื่นบาน อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ทำให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) หมดสภาพทั้งคณะด้วย
โดยยอมรับว่า ช็อก แล้วชะงัก เพราะนักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศต้องกลับไปทบทวนว่าการลงทุนจะมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ โดยเฉพาะนักลงทุนต่างประเทศฝั่งอเมริกา ยุโรป อาจให้น้ำหนักในเรื่องการเมืองมาก เรียกว่าซีเรียสเลยก็ว่าได้ ทำให้มีนักธุรกิจหลายรายต้องการความชัดเจน และมีการสอบถามพูดคุยกับทาง ส.อ.ท. อยู่ตลอดเวลา
ผมคิดว่าช่วงนี้เป็นจังหวะสำคัญ และปัจจัยที่เป็นตัวที่พิจารณาสำหรับนักลงทุน คือ เรื่องการเมืองที่ไทยต้องมีการเมืองที่มีเสถียรภาพ หรือว่ามีความนิ่ง และต่อเนื่อง เพราะที่ผ่านมาไม่มีความต่อเนื่องมานาน การเปลี่ยนขั้วพรรคการเมืองตลอดเวลา ทำให้นโยบายที่รัฐบาลเคยขับเคลื่อนนั้นหยุดชะงักไป ขาดความต่อเนื่อง
ซึ่งตั้งแต่มีคดีตลอดระยะเวลากว่า 80 วัน ทุกคนก็ชะลออยู่แล้ว และรอดูกันอยู่ว่าสถานการณ์จะเป็นยังไง ทุกฝ่ายมีการมอนิเตอร์ ติดตามผล เมื่อผลการตัดสินออกมาก็ถือว่าช็อก ทำให้การตัดสินใจลงทุนชะงัก
ตลอดระยะเวลาในช่วงปี 1 ที่ผ่านมา ส่วนตัวคิดว่าเราต้องให้ความเป็นธรรมกับรัฐบาลในชุดของนายเศรษฐา เพราะขึ้นมาเป็นรัฐบาลในช่วงที่เกิดความท้าทายของโลกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ สงครามการค้า / เรื่องของภูมิรัฐศาสตร์ / การที่ต้องเลือกข้าง / การย้ายฐานการผลิตจำนวนมากที่ไม่เคยรุนแรงและเข้มข้นขนาดนี้มาก่อน รวมถึงปัญหาสะสมของประเทศไทย ที่ลึกไปเชิงโครงสร้างมาตั้งนาน แต่ว่าท่านนายกฯ ก็สามารถเข้ามาทำงาน ปรับตัวและใช้เวลาไม่มาก 3-4 เดือน ก็เริ่มพอเข้าใจในหน้าที่ และมีแนวทางแก้ปัญหาเรื่องต่าง ๆ ได้
------------
รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/3tKfAeWol3k