เลือกตั้งและการเมือง

'พิธา' มั่นใจแต่ไม่ประมาท เลือกตั้งซ่อม อบจ.ราชบุรี เชื่อ 'เท้ง-พรรคประชาชน' ไปได้ดีแน่นอน

โดย passamon_a

12 ส.ค. 2567

140 views

พิธา มั่นใจแต่ไม่ประมาท เลือกตั้งซ่อม อบจ.ราชบุรี โยนถามพรรคประชาชน ถอนบทเรียนกระสุนมากกว่ากระแส เชื่อระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน


เมื่อวันที่ 11 ส.ค.67 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงการลงพื้นที่ในการช่วยผู้สมัครนายก อบจ.ราชบุรี หาเสียง ว่า ที่น่าติดตามมากกว่าคือ วันที่ 1 ก.ย. มีเลือกตั้งนายก อบจ.ราชบุรี เราก็ส่ง นายชัยรัตน์ ศักดิ์อิสระพงศ์ หมายเลข 1 จะทำงานร่วมกับพรรคประชาชนต่อเนื่องแน่นอน


ส่วนกรณีมองอย่างไร วันนี้เห็นประชาชนในพื้นที่และกระแสแล้ว มั่นใจหรือไม่ว่าวันที่ 1 ก.ย.นี้ จะเป็นต่อหรือไม่ นายพิธา ตอบว่า มั่นใจแต่ไม่ประมาท ตนคิดว่าเราต้องยืนอยู่กับความเท็จจริงว่าเราไม่สามารถที่จะทำอะไรได้เลย ทุกครั้ง ทุกสนาม เราต้องทุ่มเทจิตวิญญาณ นายชัยรัตน์ก็ทำงานอย่างหนัก ทุ่มเทจิตวิญญาณในการที่จะชนะใจพี่น้องประชาชนในแต่ละสนาม คราวนี้อีกอย่างก็คือว่าพอสนามชาติกับสนามท้องถิ่นมันคนละเกมส์กัน เพราะว่าเลือกตั้งล่วงหน้า เลือกตั้งข้ามเขต เลือกตั้งต่างประเทศไม่ได้ เพราะฉะนั้นเมื่อกี้ก็ลองถามหลายคนว่ามีครอบครัวอยู่กี่คน เขาก็ตอบตัวเลขมา ถามว่าอยู่ในราชบุรีกี่คน เขาก็ตอบมาว่าหนึ่งคน คราวนี้ถ้าทำแบบนี้พอไปเรื่อย ๆ


ทั้งนี้ ตนก็พอเห็นตัวเลขแล้วว่าเมื่อเทียบกับตอนเลือกตั้งปี 2566 ที่เรามาเป็นอันดับหนึ่งของบัญชีรายชื่อ สัดส่วนจะหายไปเท่าไหร่ แต่เราก็คงขอความช่วยเหลือให้ชาวราชบุรีที่อาจจะไม่ได้อยู่ในราชบุรีกลับมาใช้สิทธิ์กันเยอะ ๆ


ส่วนมีการถอดบทเรียนอย่างไรบ้างนั้น คงต้องถามพรรคประชาชน แต่สำหรับตนเองก็คงจะต้องตั้งใจทำงานเพื่อพิสูจน์ตัวเองกับพี่น้องประชาชน บางทีสุภาษิตไทย ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน คงเป็นบทเรียนของตนเอง


ส่วนอีก 2-3 สัปดาห์ จุดอ่อนอะไรที่จะต้องเร่งทำในการหาเสียงนั้น มองว่าการทำให้ประชาชนตื่นตัวแล้วกลับมาเลือกตั้ง เพราะตนเองมีความกังวลเล็กน้อย เพราะการถอดบทเรียน ความสนใจการเลือกตั้งน้อยลงไปเยอะ เพราะมีความไม่เถรตรง การกีดกันประชาธิปไตย แต่ละประเทศออกมาใช้สิทธิเหลือ 50% ตนเองจึงกังวลจะเกิดปรากฏการณ์นี้กับการเมืองไทย ไม่ว่าจะที่นี้หรือ จ.พิษณุโลก จุดประสงค์ของการเมืองดูสิ้นหวังเพราะคนทิ้งการเมือง ดังนั้นจึงต้องเรียกร้องให้ออกมาใช้สิทธิกันเยอะ ๆ เพราะกระบวนการเลือกตั้งแสดงให้เห็นอำนาจของประชาชน ถ้ามาใช้สิทธิน้อยก็ทำให้เจตจำนงของประชาชนไม่ได้รับการตอบสนอง


นอกจากนี้ นายพิธา ยังให้สัมภาษณ์ภายหลังพรรคประชาชนเปิดตัว ว่า ในฐานะประชาชนและในฐานะผู้ร่วมงาน ก็ไม่ได้เกินความคาดหมาย มั่นใจว่าพรรคประชาชนจะสามารถที่จะบริหารจัดการได้ โดยวิถีทางของพรรค และรู้สึกไม่ได้เป็นเรื่องน่ากังวลใจตั้งแต่ต้น


ส่วนจนถึงวันนี้หลังถูกยุบพรรครู้สึกอย่างไรบ้างนั้น นายพิธา ระบุว่า ส่วนตัวเบาใจ สบายใจ แต่หากให้พูดถึงส่วนรวมก็รู้สึกหนักใจกับระบบการเมือง ระบบสังคม และระบบเศรษฐกิจ เนื่องจากมีปัญหาต้องแก้ไขเยอะ ส่วนตัวก็รู้สึกสบายใจดี เมื่อเข้าได้ออกกำลังกายเต็มที่ มันก็เลยเป็นความรู้สึกที่บอกยากนิดหนึ่ง ส่วนตัวก็อย่างหนึ่ง ส่วนรวมก็อีกความรู้สึกหนึ่ง


เมื่อถามว่า เห็น นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ออกสื่อแล้วถือว่าพอไปได้หรือไม่ นายพิธา ตอบทันทีว่า ไปได้ดีแน่นอน เพราะตนรู้จักนายณัฐพงษ์มานานมาก ตั้งแต่เริ่มทำการเมืองด้วยกัน ดังนั้นไม่มีอะไรต้องห่วงหรือต้องฝาก เชื่อว่าเขาจะทำได้ดีแน่นอนอยู่แล้ว และมาวันนี้ ก็ต้องแนะนำว่าที่ผู้สมัครนายก อบจ.ราชบุรี ของพรรคประชาชน ซึ่งตนมาช่วยหาเสียงในนามผู้ช่วยหาเสียงพรรคประชาชน คงต้องปราศรัยถึงนายณัฐพงษ์ และนายศรายุทธ ใจหลัก เลขาธิการพรรคฯด้วย เพื่อให้ประชาชนมั่นใจ ถึงการทำงานแบบไร้รอยต่อ ทั้งในสภาและในพื้นที่


ผู้สื่อข่าวถามว่า คนยังติดภาพนายพิธา เป็นคนนำทัพพรรคอยู่ นายพิธา ตอบทันที "โอ้ย ผมว่าไม่จริงเลยครับ" จากตัวเลข สถิติ หรือการตอบรับจากประชาชน ก็สะท้อนอยู่แล้วว่าไม่ได้ยึดติดกับตน


เมื่อถามว่ามีอะไรที่เป็นเทคนิคอยากจะแนะนำนายณัฐพงษ์หรือไม่ นายพิธา บอกว่า "ไม่มีอะไรต้องแนะนำ เพราะปกติเขาจะเป็นคนแนะนำผม เดี๋ยวจะเล่าให้ฟัง ตอนสมัยผมเป็นหัวหน้า แล้วผมฝากคำถามว่าผมต้องการทำแบบนี้ แบบนี้ คุณช่วยไปหาคำตอบมาให้ผมหน่อย ผมจะเล่าให้ฟังว่าคุณเท้งทำให้ผมประทับใจอย่างไร ทั้งคุณเท้งและคุณติ่ง มีความคล้ายกันอยู่ แต่ก็มีความต่างที่ลงตัว"


เมื่อถามอีกว่า ทั้งนายณัฐพงษ์ และนายศรายุทธ สนิทสนมกับ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ทำให้นายธนาธร อาจมีบทบาทมากขึ้นในพรรคประชาชน นายพิธา ระบุว่า ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะทุกคนสนิทกันหมด 3 ท.ทหาร ด้วยการทำงานอย่างหนัก การแลกเปลี่ยนกันจนกลายเป็นมากกว่าเพื่อนร่วมงาน ครอบครัวของนายณัฐพงษ์ กับครอบครัวของตนก็สนิทกัน จนกลายเป็นเพื่อนร่วมอุดมการณ์ไปแล้ว จึงไม่ได้รู้สึกว่าใครจะมาเพิ่มบทบาท เพราะพรรคนี้มันทำงานเป็นทีมกัน


เมื่อถามย้ำว่า หากพูดถึง 3 ท. กังวลหรือไม่ว่า ท.ที่ 3 จะโดนทุบทำลาย นายพิธา ตอบว่า ไม่กังวลแต่ไม่ประมาท ตอนแรกก็คิดในลักษณะสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดเป็นอย่างไร ตอนนี้ก็ยังมีความรู้สึกว่า ยังมีความพยายามที่จะทำลายล้างกันอยู่ ดาบสองก็ยังมีโอกาสตัดสิทธิ์ตน จากกรณี สส. 44 คน ถูกร้องในคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ซึ่งมีโทษตัดสิทธิ์ตลอดชีวิต เพราะฉะนั้นจึงเป็นข้อเท็จจริงที่ต้องทำความเข้าใจและต่อสู้ให้เห็นว่าในฐานะผู้เสนอกฎหมาย ในฐานะ สส.เป็นเรื่องปกติ และแน่นอนว่าทุกอย่างไม่ได้เป็นไปตามที่เราคาด แต่เราก็เตรียมตัวให้หนักกว่าเดิม


ส่วนกังวลหรือไม่ว่ากรณี 44 สส. จะทำให้พรรคประชาชนไปได้ไม่ถึงปีนั้น นายพิธา กล่าวอีกว่า ไม่กังวล ซึ่งกระบวนการเตรียมการ เข้าไต่สวน ก็เป็นไปตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ตนคิดว่าก่อนที่ลงรายละเอียดไปถึงภาพย่อย เราต้องดูภาพใหญ่ก่อน ว่าเวลาเราลงโทษใคร ต้องดูที่ความผิด กับสัดส่วนของโทษ


"ถ้าฐานความผิด หมิ่นประมาท ลักขโมย ยาเสพติด แล้วโทษที่ได้รับเป็นประหารชีวิต ผมว่าตรงนี้มันไม่ได้สัดส่วนกัน ถ้าเกิดจะบอกว่าผิดมันผิดที่จริยธรรม คราวนี้จริยธรรมของผม จริยธรรมของเค้า หรือจริยธรรมของคนที่อยู่ในที่นี้ มันไม่เหมือนกัน เพราะฉะนั้นถ้ามันไม่ได้ตัดสินอย่างตรงไปตรงมาได้ แทนที่จะตัดสิทธิ์กันผมก็เห็นว่ามันไม่ยุติธรรม กับเพื่อน สส.ในอดีตหลายคนที่ผ่านมา ทั้งที่เป็นฝ่ายค้านหรือฝ่ายรัฐบาล เขาผิดแค่นี้ แล้วเล่นแบบนี้ ไม่มีกฎหมายเอาผิดพวกเขาได้ด้วยซ้ำ แล้วแบบนี้ใครจะเป็นตำรวจจริยธรรม มันทำให้สังคมอันตราย"


เมื่อถามว่าคำตัดสินคดียุบพรรค จะทำให้เป็นเชื้อเพลิงให้คดีที่ให้ ป.ป.ช.ฟันได้เร็วขึ้นนั้น นายพิธา กล่าวว่า ต้องไปดูคำวินิจฉัยของตุลาการทั้ง 9 ท่าน ตอนนี้ยังไม่สามารถตอบได้


เมื่อถามว่า กรณีที่พรรคประชาชนประกาศไม่ลดเพดานแก้ไข ม.112 จะทำให้พรรคเดินไปยากหรือไม่นั้น นายพิธา กล่าวว่า ตนตอบแทนพวกเขาไม่ได้ แต่เชื่อว่าเขามีคำตอบ


รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/MXzprnNLCV8

คุณอาจสนใจ

Related News