เลือกตั้งและการเมือง

“พิธา” เชื่อ “สส.เท้ง” นำพรรคประชาชนไปได้ดี โยนถามพรรคเองปม “หมอวรงค์” จ่อยื่นยุบ

11 ส.ค. 2567

857 views

วันนี้ (11 ส.ค. 2567) นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์เป็นครั้งแรกภายหลังพรรคประชาชนเปิดตัว ว่า ในฐานะประชาชนและในฐานะผู้ร่วมงาน ก็ไม่ได้เกินความคาดหมาย มั่นใจว่าพรรคประชาชนจะสามารถที่จะบริหารจัดการได้ โดยวิถีทางของพรรค และรู้สึกไม่ได้เป็นเรื่องน่ากังวลใจตั้งแต่ต้น


ส่วนจนถึงวันนี้หลังถูกยุบพรรครู้สึกอย่างไรบ้างนั้น นายพิธา ระบุว่า ส่วนตัวเบาใจ สบายใจ แต่หากให้พูดถึงส่วนรวมก็รู้สึกหนักใจกับระบบการเมือง ระบบสังคม และระบบเศรษฐกิจ เนื่องจากมีปัญหาต้องแก้ไขเยอะ


“ส่วนตัวก็รู้สึกสบายใจดี เมื่อเข้าได้ออกกำลังกายเต็มที่ มันก็เลยเป็นความรู้สึกที่บอกยากนิดหนึ่ง ส่วนตัวก็อย่างหนึ่ง ส่วนรวมก็อีกความรู้สึกหนึ่ง” นายพิธา กล่าว


เมื่อถามว่า เห็นนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชนออกสื่อแล้วถือว่าพอไปได้หรือไม่ นายพิธา ตอบทันทีว่า ไปได้ดีแน่นอน เพราะตนรู้จักนายณัฐพงษ์มานานมาก ตั้งแต่เริ่มทำการเมืองด้วยกัน ดังนั้น ไม่มีอะไรต้องห่วงหรือต้องฝาก เชื่อว่าเขาจะทำได้ดีแน่นอนอยู่แล้ว และมาวันนี้ ก็ต้องแนะนำว่าที่ผู้สมัครนายก อบจ.ราชบุรีของพรรคประชาชน ซึ่งตนมาช่วยหาเสียงในนามผู้ช่วยหาเสียงพรรคประชาชน คงต้องปราศรัยถึงนายณัฐพงษ์ และนายศรายุทธิ์ ใจหลัก เลขาธิการพรรคฯด้วย เพื่อให้ประชาชนมั่นใจ ถึงการทำงานแบบไร้รอยต่อ ทั้งในสภาและในพื้นที่


ผู้สื่อข่าวถามว่า คนยังติดภาพนายพิธา เป็นคนนำทัพพรรคอยู่ นายพิธา ตอบทันที “โอ้ย ผมว่าไม่จริงเลยครับ” จากตัวเลข สถิติหรือการตอบรับจากประชาชน ก็สะท้อนอยู่แล้วว่าไม่ได้ยึดติดกับตน


เมื่อถามว่ามีอะไรที่เป็นเทคนิคอยากจะแนะนำนายณัฐพงษ์หรือไม่ นายพิธา บอกว่า “ไม่มีอะไรต้องแนะนำ เพราะปกติ เขาจะเป็นคนแนะนำผม เดี๋ยวจะเล่าให้ฟัง ตอนสมัยผมเป็นหัวหน้า แล้วผมฝากคำถามว่าผมต้องการทำแบบนี้ แบบนี้ คุณช่วยไปหาคำตอบมาให้ผมหน่อย ผมจะเล่าให้ฟังว่าคุณเท้งทำให้ผมประทับใจอย่างไร ทั้งคุณเท้งและคุณติ่ง มีความคล้ายกันอยู่ แต่ก็มีความต่างที่ลงตัว”


เมื่อถามอีกว่า ทั้งนายณัฐพงษ์ และนายศรายุทธิ์ สนิทสนมกับนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ทำให้นายธนาธร อาจมีบทบาทมากขึ้นในพรรคประชาชน นายพิธา ระบุว่า ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะทุกคนสนิทกันหมด 3 ท.ทหาร ด้วยการทำงานอย่างหนัก การแลกเปลี่ยนกันจนกลายเป็นมากกว่าเพื่อนร่วมงาน ครอบครัวของนายณัฐพงษ์ กับครอบครัวของตนก็สนิทกัน จนกลายเป็นเพื่อนร่วมอุดมการณ์ไปแล้ว จึงไม่ได้รู้สึกว่าใครจะมาเพิ่มบทบาท เพราะพรรคนี้มันทำงานเป็นทีมกัน


เมื่อถามย้ำว่า หากพูดถึง 3 ท. กังวลหรือไม่ว่า ท.ที่ 3 จะโดนทุบทำลาย นายพิธา ตอบว่า ไม่กังวลแต่ไม่ประมาท ตอนแรกก็คิดในลักษณะสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดเป็นอย่างไร ตอนนี้ก็ยังมีความรู้สึกว่า ยังมีความพยายามที่จะทำลายล้างกันอยู่ ดาบสองก็ยังมีโอกาสตัดสิทธิ์ตน จากกรณี สส. 44 คน ถูกร้องในคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ซึ่งมีโทษตัดสิทธิ์ตลอดชีวิต เพราะฉะนั้นจึงเป็นข้อเท็จจริงที่ต้องทำความเข้าใจและต่อสู้ให้เห็นว่าในฐานะผู้เสนอกฎหมาย ในฐานะ สส.เป็นเรื่องปกติ และแน่นอนว่าทุกอย่างไม่ได้เป็นไปตามที่เราคาด แต่เราก็เตรียมตัวให้หนักกว่าเดิม


ส่วนกังวลหรือไม่ว่ากรณี 44 สส.จะทำให้พรรคประชาชนไปได้ไม่ถึงปีนั้น นายพิธา กล่าวอีกว่า ไม่กังวล ซึ่งกระบวนการเตรียมการ เข้าไต่สวน ก็เป็นไปตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ตนคิดว่าก่อนที่ลงรายละเอียดไปถึงภาพย่อย เราต้องดูภาพใหญ่ก่อน ว่าเวลาเราลงโทษใคร ต้องดูที่ความผิด กับสัดส่วนของโทษ


“ถ้าฐานความผิด หมิ่นประมาท ลักขโมย ยาเสพติด แล้วโทษที่ได้รับเป็นประหารชีวิต ผมว่าตรงนี้มันไม่ได้สัดส่วนกัน ถ้าเกิดจะบอกว่าผิดมันผิดที่จริยธรรม คราวนี้จริยธรรมของผม จริยธรรมของเค้า หรือจริยธรรมของคนที่อยู่ในที่นี้ มันไม่เหมือนกัน เพราะฉะนั้นถ้ามันไม่ได้ตัดสินอย่างตรงไปตรงมาได้ แทนที่จะตัดสิทธิ์กันผมก็เห็นว่ามันไม่ยุติธรรม กับเพื่อน สส.ในอดีตหลายคนที่ผ่านมา ทั้งที่เป็นฝ่ายค้านหรือฝ่ายรัฐบาล เขาผิดแค่นี้ แล้วเล่นแบบนี้ ไม่มีกฎหมายเอาผิดพวกเขาได้ด้วยซ้ำ แล้วแบบนี้ใครจะเป็นตำรวจจริยธรรม มันทำให้สังคมอันตราย” นายพิธา กล่าว


เมื่อถามว่าคำตัดสินคดียุบพรรค จะทำให้เป็นเชื้อเพลิงให้คดีที่ให้ ป.ป.ช.ฟันได้เร็วขึ้นนั้น นายพิธา กล่าวว่า ต้องไปดูคำวินิจฉัยของตุลาการทั้ง 9 ท่าน ตอนนี้ยังไม่สามารถตอบได้


เมื่อถามว่า กรณีที่พรรคประชาชนประกาศไม่ลดเพดานแก้ไขม.112 จะทำให้พรรคเดินไปยากหรือไม่นั้นทนายพิธา กล่าวว่า ตนตอบแทนพวกเขาไม่ได้ แต่เชื่อว่าเขามีคำตอบ


ส่วนกรณีที่ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี จะไปยื่นยุบพรรคประชาชน เนื่องจากพรรคถิ่นกาขาว ชาววิไล (พรรคเดิมก่อนมีการเปลี่ยนชื่อมาเป็นพรรคประชาชน) มีสาขาไม่ครบทุกภาคตามกฎหมายพรรคการเมืองกำหนดนั้น


นายพิธา ระบุว่า ตนเองยังไม่เห็นรายละเอียด เนื่องจากมาลงพื้นที่ช่วยหาเสียง ส่วนพรรคประชาชนจะเตรียมหารืออย่างไรก็ต้องไปถามพรรค และตนเองในฐานะประชาชนคนหนึ่ง ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับพรรคแล้ว หากลงรายละเอียดไปจะยิ่งทำให้ไปกันใหญ่ จึงขอให้รอโฆษกของพรรคเป็นผู้ตอบโต้ดีกว่า


ผู้สื่อข่าวถามว่ากังวลหรือไม่ ที่มีหลายพรรคการเมืองไม่เห็นด้วยกับการยุบพรรค แต่ยังมีบางส่วนที่ใช้เรื่องการยุบพรรคเป็นเครื่องมือในการโจมตีพรรคการเมืองอยู่ นายพิธา กล่าวว่า ตนได้ติดตามข่าวมาบ้าง รวมถึงการอภิปรายของตนเองในอาทิตย์สุดท้ายของตนเองในสภา ก็มีทั้งพรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล และพาดหัวข่าวของพรรคร่วมรัฐบาลพรรคนึงก็เห็นด้วยที่ไม่สนับสนุนการยุบพรรคแบบนี้อีกต่อไป


นายพิธา กล่าวต่อว่า การยุบพรรคขึ้นอยู่กับ พ.ร.ป.พรรคการเมือง โดยนายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน เคยบอกกับตนเองในสมัยทำงานร่วมกันที่พรรคก้าวไกลว่า จะยื่นแก้ไข พ.ร.ป. ดังกล่าวด้วยตัวเอง ซึ่งเป็นเครื่องพิสูจน์ได้ว่าคุณ “Walk the talk" ทำตามคำพูดที่อภิปรายหรือให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนไว้หรือไม่ และเราจะได้รู้กันว่าคนที่มาจากระบบการเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตย เห็นด้วยกับการให้อำนาจที่นอกเหนือจากประชาชนมายุบพรรคได้หรือไม่ และเชิญชวนพี่น้องประชาชนช่วยกันติดตามดู


ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคประชาชนจะมีการถอดบทเรียนเกี่ยวกับเรื่องการยุบพรรคอย่างไรบ้าง นายพิธา ตอบเพียง ว่า ให้ไปถามพรรคประชาชนแทน เพราะตนเองไม่ได้มีตำแหน่งในพรรค

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ