เลือกตั้งและการเมือง

'งบดิจิทัล' ฉลุย! วุฒิสภาผ่าน 3 วาระรวด - สว.ดรามามีน้ำตา ชี้ชาวบ้านอยากได้เงินสดมากกว่า

โดย nattachat_c

7 ส.ค. 2567

10 views

วานนี้ (6 ส.ค. 67) เวลา 16.30 น. ที่รัฐสภา ในการประชุมวุฒิสภา วาระพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 พ.ศ.... วงเงิน 1.22 แสนล้านบาท เพื่อใช้ในโครงการเติมเงินหมื่นผ่านดิจิทัลวอลเล็ต โดยมี นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา เป็นประธานการประชุม


หลัง สว.อภิปรายแสดงความคิดเห็นเสร็จสิ้น ที่ประชุมได้ลงมติให้ความเห็นชอบกับร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว ด้วยคะแนน 139 / ไม่เห็นด้วย 38 / งดออกเสียง 18 / ไม่ลงคะแนน 1 เสียง ซึ่งถือว่าที่ประชุมให้ความเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว 3 วาระรวด

------------

ในช่วงอภิปรายแสดงความคิดเห็น นางแดง กองมา สว.กลุ่ม 9 แม่ค้า​ ได้อภิปรายในที่ประชุมว่า


ตนมาจาก จ.อำนาจเจริญ เป็นแม่ค้าขายหมู  ซึ่งตนถูกเรียกว่าเป็นกลุ่มคนรากหญ้า  ข้อเท็จจริงไม่ใช่รากหญ้า แต่เป็นรากไม้รากหนึ่ง ที่ค้ำให้ต้นไม้ที่ชื่อว่าประเทศไทยให้สง่างาม


กรณีที่รัฐบาลแจกเงินให้ประชาชนคนละหมื่นบาท พวกตนยินดี และดีใจเป็นอย่างมาก  ชเพื่อนำไปใช้จ่ายในส่วนที่จำเป็น แต่พอเป็นเงินดิจิทัล กลุ่มของตนกังวลว่าจะใช้จ่ายอย่างไร และคิดหนัก บางครอบครัวมีสมาชิก 4-5 คน รวมเป็นเงิน 40,000 - 50,000 บาท ก็อยากเอาไปซ่อมบ้าน หรือซื้อวัว ซื้อควายเลี้ยง แต่ทำไม่ได้


ทำไมรัฐบาลไม่แจกเป็นเงินแบบนี้ จะได้ใช้ง่าย ๆ สำหรับพวกเรา คนอื่นเราไม่รู้  ดิฉันเห็นด้วยกับการแจกเงินให้คนไทย แต่ไม่เห็นด้วยกับวิธีการที่จะแจกเป็นเงินดิจิทัล ไหน ๆ รัฐบาลจะแจกเงินให้คนไทยอยู่แล้ว ทำไมไม่ทำให้ประชาชนมีความสุข แต่เหมือนกับเพิ่มทุกข์ให้ประชาชน


ในช่วงการอภิปราย นางแดงมีเสียงสะอื้น และหยุดเป็นช่วง ๆ ระหว่างแนะนำตัวเองว่าทำอาชีพอะไร และการอภิปรายประเด็นเงินดิจิทัล นางแดงได้ชูธนบัตรใบละ 1,000 บาท จำนวน 1 ใบ ในมือขวา และ 100 บาท จำนวน 2 ใบ ในมือซ้าย รวมเป็นเงิน 1,200 บาท ประกอบการอภิปรายด้วย

------------

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่นางแดง กองมา สว.กลุ่มผู้ประกอบกิจการอื่น กลุ่ม 9 อาชีพแม่ค้าขายหมู อภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมอยู่นั้น นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา ที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ เพื่อมารอสลับมาทำหน้าที่ประธานการประชุม  พอได้ฟังนางแดงอภิปรายถึงกับกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ หยิบกระดาษขึ้นมาซับน้ำตาตลอดเวลา  พร้อมหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายคลิปที่นางแดงอภิปรายด้วย


นายมงคล เปิดเผยในภายหลัง ยอมรับว่าน้ำตาไหล และรู้สึกตื้นตันใจที่ได้ชาวบ้านมาทำหน้าที่สมาชิกวุฒิสภา และมาพูดแทนชาวบ้าน ตนอายุ 72 ปี ไม่เคยเห็นชาวบ้านมานั่งในสภา และมาพูดแทนเขา


สิ่งที่พูดเป็นสิ่งที่ดีงาม เราก็อยากให้เขาพูด เราจะได้ความรู้จากสิ่งที่เขาพูด ที่ตื้นตันใจเพราะว่าเขาพูดในสิ่งที่พ่อแม่เราทำอาชีพนี้มาก่อนว่า ถ้าบ้านหนึ่งได้เงินสดมา ก็สามารถเอาเงินมาซื้อวัวควายได้ ซึ่งเป็นธนาคารชาวบ้าน ผมอายุ 72 ปีแล้ว และสิ่งที่เขาพูดเป็นวิถีชีวิตของพ่อแม่เรา ถ้ามีเงินซื้อวัวมาตัวหนึ่ง ปีหนึ่งออกลูก ก็นำวัวไปขายส่งลูกเรียนหนังสือ เพราะปลูกข้าวไว้แค่พอกิน ไม่ได้ปลูกไว้ขาย

------------

ด้าน นางเบ็ญจมาศ อภัยทอง สว.กลุ่มธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม จ.พิจิตร อภิปรายว่า ตนเห็นชอบอยากได้เงิน 1 หมื่นบาท  แต่ชาวบ้านกลุ่มแม่ค้าฝากมาว่า อยากได้เป็นเงินสด


จากนั้น นางเบ็ญจมาศกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า การเข้ามาเป็น สว.ครั้งนี้ คือโอกาสที่จะมาบอกความในใจของกลุ่มแม่ค้า ที่ไม่ค่อยได้รับการดูแลช่วยเหลือจากรัฐบาลเหมือนอย่างอาชีพอื่น อย่างชาวนาได้ไร่ละพัน ไร่ละหมื่น แต่แม่ค้าขายของข้างถนนต้องช่วยเหลือตัวเอง ซึ่งในการทำโครงการของรัฐบาลแม่ค้าจะมีโอกาสได้เงินดิจิทัลอย่างไร เพราะเมื่อได้เงินมาต้องนำไปซื้อของที่ห้างสรรพสินค้า เช่น แม่ค้าขายข้าวต้องนำเงินไปซื้อปลาที่ห้างมาแกง


ตอนแรกก็หาเสียงว่า ทุกคนต้องได้ 1 หมื่น แต่ก็มีเงื่อนไขมากมาย บางคนเขาก็ทำมาหากิน แล้วมีเงินเก็บ 5 แสนก็ไม่ได้แล้ว เขาผิดอะไรที่มีเงินเก็บ 5 แสน ทำไมทุกคนไม่ได้ ขอฝากไว้ด้วย คนที่ขยันทำมาหากิน แต่โดนตัดสิทธิ์ อ้างว่าเธอมีตังค์แล้ว มีที่ดินแล้ว เหมือนบัตรคนจน แต่ความเสมอภาค ความเท่าเทียมล่ะ ทำไมไม่ทำให้เท่ากัน ทำไมต้องคัดเกรด


การขึ้นโครงการมา โดยที่ทุกคนไม่มีโอกาสเข้าถึง มันถูกต้องไหม ทุกคนทำงาน การที่เงินจะหมุนเข้าไปสู่ภาคการเก็บภาษี ต้องมีการตรวจสอบอยู่แล้ว ทำไมไม่สร้างโอกาสให้พ่อค้าแม่ค้า พอเขาเอาของมาขายปุ๊ป มีแต่เงินดิจิทัล ต้องเอาไปซื้อแต่ในห้าง นี่คือหัวใจว่า ทำไมเขาถึงอยากได้เงินสดกัน

------------

ด้าน พลตำรวจโทบุญจันทร์ นวลสาย สมาชิกวุฒิสภา จาก จ.สุรินทร์ อภิปรายตั้งข้อสงสัยการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลว่า เป็นการเพิ่มหนี้ให้กับประชาชนหรือไม่


และจากการลงพื้นที่ ประชาชนก็ยังสงสัยต่อการใช้เงินดิจิทัล จะไปใช้จ่ายอย่างไร ทำไมไม่จ่ายเป็นเงินสด จึงตั้งข้อสงสัยว่า จะเป็นการเอื้อประโยชน์จริงหรือไม่ และสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้จริง หรือเป็นเพียงการหาเสียงล่วงหน้า


พร้อมยังเห็นว่า การเปิดลงทะเบียนประชาชนนั้น อาจทำให้ประชาชนดีใจเล่น ๆ และยังระบุอีกว่า การลงทะเบียนนั้น ชาวบ้านต้องไปซื้อโทรศัพท์เครื่องใหม่ 4,000 บาท จนเงินหายไปแล้ว 4,000 บาท จาก 10,000 บาท พร้อมยังแสดงความกังวลว่า การแจกเงินหมื่นจากรัฐบาล จะทำให้ประชาชนเสียนิสัย

------------


รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/bOivNEieZQY


คุณอาจสนใจ

Related News