เลือกตั้งและการเมือง

‘พิธา’ เปิดใจสื่อนอก ก่อนคำตัดสินยุบพรรค - ‘รัชดา’ เตือนทูต 18 ประเทศ อย่าแทรกแซงศาลไทยคดีก้าวไกล

โดย nattachat_c

6 ส.ค. 2567

18 views

'พิธา ลิ้มเจริญรัตน์' อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล และประธานที่ปรึกษาพรรคคนปัจจุบัน ให้สัมภาษณ์กับวีโอเอภาคภาษาไทย เกี่ยวกับการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญที่รับคำร้องของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ซึ่งศาลจะมีคำวินิจฉัยออกมาในวันที่ 7 ส.ค. นี้ และคำตัดสินอาจนำไปสู่การยุบพรรคก้าวไกล รวมถึงการตัดสิทธิ์ทางการเมืองของเขา


พิธาบอกกับวีโอเอไทยว่า หลังจากที่พรรคนำเสนอเหตุผลหักล้างการยื่นเรื่องของ กกต. ที่อ้างว่าการหาเสียงของพรรคเรื่องการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ผิดรัฐธรรมนูญ ขณะนี้เขารู้สึกว่าได้ทำทุกอย่างทำที่จะทำได้ไปแล้ว


"รู้สึกเบาใจและภูมิใจ แล้วก็สบายใจกับสิ่งที่ได้ทำมาในช่วงเวลาที่มีอยู่ ไม่ได้รู้สึกว่ายอมเเพ้อะไรง่าย ๆ ไม่ได้รู้สึกว่าไม่ได้ทำเต็มที่ในช่วงที่เรามีเวลาอยู่" เขากล่าว


พิธาบอกด้วยว่า "มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับเราอย่างเดียว ตอนนี้มีความพยายามที่จะยุบพรรคเรา มีความพยายามที่จะตัดสิทธิ์เรา เราต้องสู้ให้ถึงที่สุด เราต้องทำให้ได้อย่างเต็มที่ แต่ถ้ามองย้อนกลับไปแล้ว ก็รู้สึกว่าเราได้ทำในทุกสิ่ง ทุกวิถีทาง"


หากว่าพรรคถูกยุบและเขาถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง พิธากล่าวว่า เขาไม่ได้รู้สึกยึดติดกับตำแหน่งและได้เตรียมผู้นำรุ่นต่อ ๆ ไปไว้แล้ว


"ผมมองการเมืองเป็นเกมยาว" พิธากล่าว "พอเรามองมันเป็นเกมยาวมันต้องมีทั้งกลยุทธ์ ในขณะเดียวกันก็ความอดทนที่จะรอ...แต่กลยุทธ์มันก็ต้องมีการประนีประนอม"


พิธา ระบุว่า ยังคงยืนหยัดในเป้าหมายสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับประเทศ แต่ขณะเดียวกันก็ยกตัวอย่างถึงการต่อรองทางการเมืองที่เกิดขึ้นในขั้นตอนต่าง ๆ หลังนำพาพรรคก้าวไกลชนะการเลือกตั้งและได้ที่นั่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) มากที่สุด เมื่อปีที่เเล้ว ด้วยคะเเนนเสียงรวม 14 ล้านเสียง


ชัยชนะดังกล่าวตามมาด้วยความพยายามตั้งรัฐบาลร่วมจากการเริ่มต้นจับมือกับพรรคเพื่อไทย ซึ่งได้ที่นั่งมากที่สุดอันดับสอง แต่ด้วยวาระการสร้างความเปลี่ยนแปลงของก้าวไกลในประเด็นมาตรา 112 กลายเป็นเหตุผลให้ความพยายามตั้งรัฐบาลสะดุดลง เพราะไม่ได้รับเสียงสนับสนุนจากสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ขณะที่ไม่มีความเป็นไปได้ที่ก้าวไกลและขั้วอำนาจเดิมภายใต้รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา จะหาจุดลงตัวร่วมกัน


วีโอเอถามถึงผลลัพธ์ของการเจรจาตั้งรัฐบาลที่เกิดขึ้น และความรู้สึกว่าถูกหักหลังหรือไม่ เพราะเหตุการณ์ดังกล่าวคือการสลับขั้วอำนาจ ซึ่งต่อมาเป็นผลพวงมาถึงความไม่มั่นคงต่อการดำรงอยู่ของพรรคก้าวไกล ที่กำลังรอการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในวันพุธ


พิธายกตัวอย่างการประนีประนอมที่เกิดขึ้นในครั้งนั้น เช่นจำนวนเก้าอี้รัฐมนตรี และนโยบายที่จะช่วยผลักดันร่วมกัน ซึ่งก็ยังไม่สามารถทำให้ได้เสียงสนับสนุนเพียงพอในการตั้งรัฐบาลที่มีเขาพยายามเป็นเเกนนำ


"แต่คำว่าประนีประนอมกับตระบัดสัตย์ หรือว่าประนีประนอมกับต้องโกหกกับสิ่งที่ตัวเองเคยสัญญาไว้ภายในระยะเวลา 3 - 4 เดือนก่อนเลือกตั้งกับเรา ผมคิดว่าอย่างนี้เป็น bad compromise เป็นการประนีประนอมที่ขายวิญญาณตนเอง"

-----------

นอกจากนี้ 'พิธา ลิ้มเจริญรัตน์' ยังได้ให้สัมภาษณ์กับ สำนักข่าวเอพี ความรวมว่า


ประชาชนควรระบายความโกรธออกทางคูหา ถึงแม้ว่าเราจะแพ้เลือกตั้ง ถึงแม้เราจะถูกยุบพรรค หรือตนเองโดนตัดสิทธิ์พรรคการเมือง แต่ประชาชนจะออกมาเลือกตั้งให้พวกตนมากขึ้นเรื่อย ๆ และในวันนั้น พวกเขาจะเป็นผู้แพ้

-----------

วานนี้ (5 ส.ค. 67) นางสาวรัชดา ธนาดิเรก อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร พรรคประชาธิปัตย์ และอดีตรองประธานกรรมาธิการการต่างประเทศสภาผู้แทนราษฎร แสดงความเห็นต่อท่าทีของทูต 18 ประเทศต่อการพิจารณาคดีพรรคก้าวไกลของศาลรัฐธรรมนูญ ที่จะมีขึ้นในวันที่ 7 สิงหาคมนี้ ว่า


มีความหมิ่นเหม่เสมือนเป็นความพยายามแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทย ทั้ง ๆ ที่รู้อยู่แก่ใจว่า การพิจารณาคดีดังกล่าวตั้งอยู่บนข้อกฎหมาย ข้อเท็จจริงและพฤติกรรมอันเข้าข่ายผิดรัฐธรรมนูญ โดยพรรคก้าวไกลได้ดำเนินการต่อสู้คดีความตามวิถีของตนเองแล้ว และไม่มีกลไกใดเข้าขัดขวางการต่อสู้ดังกล่าว


นางสาวรัชดา กล่าวต่อว่า การแสดงออกของกลุ่มทูต 18 ประเทศ ไม่ว่าจะเป็นท่าทีให้การสนับสนุน เห็นอกเห็นใจ รวมถึงการประกาศไม่เห็นด้วยกับการยุบพรรคก้าวไกล ถือเป็นเรื่องผิดมารยาทอย่างมาก ทั้งนี้ ขอให้คณะผู้แทนประเทศเหล่านั้นตระหนักไว้ว่าสิ่งที่ได้ทำไปไม่ได้สร้างประโยชน์ต่อยอดความสัมพัทธ์ระหว่างประเทศแต่อย่างใด ขณะที่ประเทศไทยไม่เคยเรียกร้องหรือแสดงออกทางใดทางหนึ่งที่เป็นการไม่เคารพกระบวนการยุติธรรมของประเทศอื่นเลย จึงเป็นเรื่องที่แต่ละประเทศจะต้องยึดถือให้ตรงกัน

นางสาวรัชดา ยังตั้งคำถามถึงการทำงานของกระทรวงการต่างประเทศว่าทำอะไรอยู่ ได้ดำเนินการปกป้องผลประโยชน์ของประเทศบ้างไหม หรือปล่อยให้ทูตประเทศต่าง ๆ รับข้อมูลแต่เพียงด้านเดียว จึงเป็นเหตุให้แสดงท่าทีออกมาเสมือนคนไม่รู้เช่นนี้ จึงขอเรียกร้องให้กระทรวงการต่างประเทศแสดงบทบาทผู้ปกป้องกระบวนการยุติธรรมไทย กฎหมายไทย เพื่อหยุดยั้งท่าทีแทรกแซงประเทศของเรา หรือการยอมเป็นเหยื่อพรรคการเมือง ซึ่งสุดท้ายกระทบต่อความรู้สึกคนไทยอย่างแน่นอน

-----------


รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/kZZkAL2v_GI




คุณอาจสนใจ

Related News