เลือกตั้งและการเมือง
แพทยสภา ตั้งข้อกล่าวโทษ "หมอเกศ" อ้างเป็น “แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เจ้าตัวสั่ง "ทนายเดชา" งดให้ข้อมูล
18 ก.ค. 2567
706 views
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แหล่งข่าวทางการแพทย์ เผยว่า ที่ประชุมกรรมการแพทยสภาครั้งที่ 11/2567 เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม มีการพิจารณาประเด็นคุณสมบัติ พญ.เกศกมล เปลี่ยนสมัย หรือ “หมอเกศ” สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) กลุ่ม 19 (กลุ่มผู้ประกอบวิชาชีพ ผู้ประกอบอาชีพอิสระ) หลังพบว่ากรอกประวัติเป็น “แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวพรรณและความงาม” เนื่องจากยังเป็นความเชี่ยวชาญที่ไม่ได้มีการรับรอง
โดยที่ประชุมมีมติตั้งข้อกล่าวโทษ พญ.เกศกมล ตามมาตรา 32 วรรคสาม พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) วิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2525 พร้อมมอบหมายให้เลขาฯ แพทยสภา ดำเนินการตามข้อบังคับว่าด้วยการวิธีพิจารณาจริยธรรมผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2563 และจะนำเข้าที่ประชุมกรรมการแพทยสภาในวันที่ 8 สิงหาคม ซึ่งตามขั้นตอนแล้ว หากมีมติรับรอง ก็จะส่งเข้าที่ประชุมอนุกรรมการจริยธรรมเพื่อพิจารณาต่อไป
ขณะที่ พล.อ.ต.นพ. อิทธพร คณะเจริญ เลขาธิการแพทยสภา โพสต์เฟซบุ๊ก "94 ความเชี่ยวชาญแพทย์ไทย และการแอบอ้างความเชี่ยวชาญ "
แพทยสภาชวนมารู้จักความเชี่ยวชาญของแพทย์ไทย ที่ถูกต้องตามกฎหมาย ดังนี้ครับ
1.แพทยสภาเป็นผู้กำกับดูแล หลักสูตรความเชี่ยวชาญของแพทย์ไทยด้านต่างๆ ผ่านราชวิทยาลัยแพทย์และวิทยาลัยแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญ ทั้ง 15 แห่ง และ 1 สมาคมเวชศาสตร์ป้องกันฯ เป็นผู้กำหนดมาตรฐาน โดยมีคณะแพทยศาสตร์และสถาบันฝึกอบรมต่างๆ เป็นผู้จัดการเรียนการสอน ภายใต้มาตรฐานเดียวกัน
2. แพทยศาสตรบัณฑิต ที่จบการศึกษา 6 ปี ถือว่าเป็นแพทย์ทั่วไปยังไม่มีความเชี่ยวชาญใดๆ ต้องเข้าโปรแกรมการฝึกอบรมต่อ แพทย์ประจำบ้าน อีก 3 ถึง 7 ปี จึงเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ตามกฎหมาย โดยต้อง สอบผ่านได้รับ หนังสืออนุมัติหรือวุฒิบัตรก่อน ถึงจะใช้คำว่าแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้ โดยสามารถตรวจสอบ ชื่อและความเชี่ยวชาญ ของแพทย์แต่ละท่าน ได้ที่เว็บไซต์แพทยสภา www.tmc.or.th หัวข้อตรวจสอบแพทย์
3.ปัจจุบันมีความเชี่ยวชาญ ที่ได้รับวุฒิบัตรและหนังสืออนุมัติ ตามกฎหมาย 94 สาขา (2567) เป็นสาขาหลัก 41 สาขาและอนุสาขา 53 สาขา ภายใต้อนุกรรมการฝึกอบรมและสอบ ของราชวิทยาลัยและสมาคม (ตามเอกสารแนบ) โดยมีระยะเวลาการ อบรม ตั้งแต่ 3-5 ปี ในสาขาหลัก (สีฟ้า) และเรียนต่ออนุสาขา เพิ่มอีก 2 ปี (สีดำ) ปัจจุบันมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ กว่า 40,000 คนจากแพทย์ทั่วประเทศ 76,000 คน โดยจบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญปีละกว่า 2,000 คน
4. การอบรมระยะสั้นหรือฝึกอบรมโดย สถาบันวิชาการต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ ที่ไม่ได้รับการรับรองโดยแพทยสภา เป็นการอบรมเพื่อเพิ่มความรู้ นั้น แม้ได้รับประกาศนียบัตรจากองค์กร ไม่สามารถใช้คำว่า เป็นผู้มีความรู้ความชำนาญเฉพาะสาขาหรือ ผู้เชี่ยวชาญตามกฎหมายได้ เช่นเดียวกับ แพทย์จะโฆษณาว่าทำมานานจำนวนมากรายแล้วจะ โฆษณา เป็นผู้เชี่ยวชาญไม่ได้ ต้องผ่านการอบรมมาตรฐานเท่านั้น
5. การอ้างเป็นผู้ชำนาญการเฉพาะสาขาหรือผู้เชี่ยวชาญถือเป็นความผิด ตามกฎหมาย ทั้งข้อบังคับ จริยธรรมแพทยสภา และพรบ. วิชาชีพเวชกรรม ดังนี้
5.1 กรณีเป็นแพทย์จะผิดข้อบังคับจริยธรรม ถูกตั้งคณะกรรมการจริยธรรม สอบสวนข้อมูล และมีมติกรรมการแพทยสภาลงโทษ มีโทษตั้งแต่ตักเตือน ภาคทัณฑ์ พักใช้ใบอนุญาตจนถึงเพิกถอนทะเบียน ใบประกอบวิชาชีพเวชกรรม ซึ่งอยู่ ในอำนาจแพทยสภา และมีลงโทษ แทบทุกเดือน
5.2 ผิดกฎหมายเป็นคดีบ้านเมืองต่อจาก คดี 5.1 คือผิดตามพรบ.วิชาชีพเวชกรรม พ.ศ. 2525 มาตรา 28 ซึ่งมีโทษตามมาตรา 44 คือจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับ ไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากมีความเสียหาย ต่อผู้ป่วยจะเป็นคดีแพ่งและอาญาต่อไป จะเป็นการดำเนินคดีโดยตำรวจ หลังผิด 5.1
6. ดังนั้นการอ้าง หรือโฆษณาต่อประชาชน ว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญ 1 ใน 94 สาขา โดยไม่ได้จบการศึกษาจริง ถือเป็นความผิด และการอ้างสาขา ความเชี่ยวชาญที่ไม่ได้อยู่ใน 94สาขาตาม กฎหมาย โดยตั้งขึ้นใหม่ ตามประสบการณ์ตนเอง เพื่อประโยชน์ ในการโฆษณา เป็นความผิดเช่นกัน เช่นผู้เชี่ยวชาญด้าน ความงาม ผิวพรรณ ร้อยไหม ปรับโครงสร้างใบหน้า ฯลฯ ซึ่งมีผู้แจ้ง เป็นเรื่องร้องเรียนและดำเนินคดีกันทุกเดือน ถ้าพบเห็นส่งหลักฐานแจ้งทางเว็บไซต์แพทยสภาได้ครับ
7.ในการประชุม แพทยสภา ครั้งที่ 7 วันที่ 11 กรกฎาคม 2567 ได้มีมติให้ตรวจสอบ คุณวุฒิแพทย์ผู้เชี่ยวชาญหลายรายในโฆษณา รวมถึง ตรวจสอบความเชี่ยวชาญทางการแพทย์ ของวุฒิสมาชิก ที่ปรากฏในสื่อ หากไม่ถูกต้อง มีมติให้ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ทั้งนี้อยู่ระหว่างดำเนินการ
8.สำหรับ สาขาที่มีการสอบถาม จาก ประชาชนบ่อยครั้งว่าเป็น สาขาเชี่ยวชาญหรือไม่ เช่น ชะลอวัย ความงาม เสริมสวย เหล่านี้ ยังไม่อยู่ใน 94 สาขาความเชี่ยวชาญ ที่แพทยสภา รับรองตามกฎหมาย จึงไม่สามารถใช้คำว่า เชี่ยวชาญ ด้านความงาม หรือ เสริมสวย หรือ ชะลอวัยได้ คุณหมอโปรดตรวจสอบและระมัดระวังด้วยครับ
ขณะที่ทีมข่าวพยายามติดต่อไปที่ หมอเกศกมล แต่เจ้าตัวไม่รับโทรศัพท์เลย เมื่อโทรไปขอสัมภาษณ์ นายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายความของคุณหมอเกศกมล แจ้งว่าเดี๋ยวขอปรึกษาคุณหมอก่อน
จากนั้น ทนายเดชา โทรศัพท์กลับมาบอกว่า คุณหมอไม่ประสงค์จะให้สัมภาษณ์ใดใด และขอไม่ให้ทนายเดชาให้สัมภาษณ์ด้วย
จากนั้น ทนายเดชา โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า "เรียนพี่น้องสื่อมวลชน คุณหมอเกศ แจ้งมายังทนายเดชาว่า ไม่มีความประสงค์ที่จะให้ข้อมูลหรือให้สัมภาษณ์ใดๆ ทั้งสิ้นอีกต่อไป ดังนั้นหลังจากนี้ไปทนายเดชาก็จะไม่มีข้อมูลให้กับพี่น้องสื่อมวลชนอีกแล้วนะครับจนกว่าจะได้รับการแจ้งจากคุณหมอ"
"นับแต่วันนี้เป็นต้นไป ผมไม่ต้องตอบคำถามสื่อมวลชนแล้วนะครับ รวมถึง FC ก็ไม่ต้องมาถามผมแล้วนะครับ เพราะเป็นคำสั่งของลูกความ มีความประสงค์ที่จะให้ข้อมูลแค่วันนี้เท่านั้นนะครับ หลังจากนี้เป็นต้นไปผมคงนำเสนอข่าวหรือให้ความรู้ทางกฎหมายเกี่ยวคดีอื่นต่อไปนะครับคดีหมอเกศ คงไม่ต้องมาถามผมแล้วนะจ๊ะจุ๊กกรู"
แท็กที่เกี่ยวข้อง