เลือกตั้งและการเมือง

"โรม" รับต่อสู้คดียุบพรรคก้าวไกล ยากขึ้น หลังศาลรัฐธรรมนูญ นัดลงมติ 7 ส.ค.

โดย nutda_t

17 ก.ค. 2567

137 views

17 ก.ค. 2567 ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญ มีคำสั่งยุติการไต่สวนคดียุบพรรคก้าวไกล และนัดลงมติวันที่ 7 ส.ค. นี้ ว่า สิ่งที่พรรคก้าวไกลแสดงจุดยืนมาโดยตลอดคือการเปิดการไต่สวน ที่จะนำไปสู่ข้อเท็จจริงต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นพยานหลักฐาน พยานบุคคล และเชื่อว่าจะนำไปสู่ความยุติธรรมของคดีนี้มากที่สุด

เมื่อวานนี้ นายชัยธวัช ก็ได้แถลงข่าวไปแล้วว่าคดีนี้มีความไม่ชอบมาพากลอย่างไรในเรื่องของพยานต่างๆ และเรามีข้อโต้แย้งอย่างไรในเรื่องพยานหลักฐานที่เราไปตรวจมา ซึ่งดูเหมือนมีความพยายามเร่งรัดที่สุ่มเสี่ยงอาจจะไม่ชอบด้วยกฎหมายเช่นกัน และการเร่งรัดดังกล่าวนี้ ทำให้พรรคก้าวไกลไม่มีสิทธิ์ต่อสู้อย่างเต็มที่ การที่วันนี้ศาลได้มีผลการพิจารณาออกมาเช่นนี้ การต่อสู้ของพรรคก้าวไกลที่จะนำพยานหลักฐานต่างๆเข้าไปสู่กระบวนการพิจารณาของศาลก็คงทำไม่ได้ และต้องยอมรับว่าการต่อสู้คดียากขึ้น อย่างไรก็ตาม ตนไม่สามารถบอกได้ว่าผลคำวินิจฉัยของศาลจะเป็นอย่างไร แต่หวังว่าผลนี้จะสร้างความยุติธรรมให้พรรคก้าวไกลด้วยเช่นกัน

นายรังสิมันต์ ยังกล่าวว่า การนัดพิจารณาในวันที่ 7 ส.ค. ตนไม่ได้มองว่าเป็นการนัดที่ฉุกละหุก แต่เราให้ความสำคัญในเรื่องกระบวนการที่ยังมองว่าพยานปากสำคัญของพรรคก้าวไกล คือนายสุรพล นิติไกรพจน์ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เพราะเป็นที่ปรึกษากฎหมายให้กับทางสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้วย จึงเห็นว่าเนื้อหาสาระและพยานปากสำคัญแบบนี้ไม่ควรมองข้ามเลย จึงอยากให้กระบวนการเดินไปในทิศทางที่รับฟังทุกฝ่ายโดยละเอียด แต่สุดท้ายเมื่อกระบวนการไม่เป็นไปตามที่หวัง ก็คงต้องกลับไปคุยกันภายในพรรค แต่ก็คาดหวังว่าสุดท้าย พรรคก้าวไกลยืนยันว่าไม่ได้เป็นพรรคการเมืองที่ล้มล้างการปกครอง และไม่ได้เซาะกร่อนบ่อนทำลายอย่างที่มีการกล่าวหา ตนยืนยันว่าเป็นพรรคการเมืองที่เคารพในระบอบประชาธิปไตย และต้องการเห็นประเทศของเราเป็นประชาธิปไตย

“แน่นอนว่าอาจมีประเด็นเรื่องการแก้ไขกฎหมาย ม.112 แต่ต้องยืนยันว่าคำวินิจฉัยของศาลที่ออกมาก่อนหน้านี้ ไม่ได้บอกว่าจะแก้ไข ม.112 ไม่ได้เลย แต่ต้องเป็นการแก้ไขที่ถูกต้องตามกระบวนการ ขั้นตอนของมัน ดังนั้น คำวินิจฉัยของศาลในรอบที่แล้ว คำว่าสั่งให้หยุดการกระทำ เราก็ยังไม่ได้มีการกระทำอะไรเพิ่มเติม ฉะนั้น ตนคิดว่าการที่จะมีคำวินิจฉัยออกมาในวันที่ 7 ส.ค. นี้ ประชาชนทุกคนคงจะเฝ้ารอว่าสุดท้ายจะสอดรับกับเหตุผลที่จะยอมรับได้มากน้อยแค่ไหน” นายรังสิมันต์ กล่าว

คุณอาจสนใจ

Related News