เลือกตั้งและการเมือง
'เศรษฐา' โพสต์เอง ลงทะเบียนดิจิทัลวอลเล็ต 1 ส.ค.นี้ - 'จุลพันธ์' ยันไม่ลดขนาดโครงการ แม้ไม่ใช้เงิน ธ.ก.ส.
16 ก.ค. 2567
16 views
วานนี้ (15 ก.ค. 67) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ว่า มีรายละเอียด จำนวนมากรวมถึงเรื่องของสินค้า โดยรายละเอียดทั้งหมด นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง จะเป็นผู้แถลง
ในวันนี้ ตนไม่ได้สั่งการอะไรเป็นพิเศษ แต่เน้นย้ำเรื่องความชัดเจน และป้องกันการทุจริต และประพฤติมิชอบ
และวันนี้ พลตำรวจโทสำราญ นวลมา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หนึ่งในคณะกรรมการ มาร่วมประชุมด้วย ก็จะช่วยดูเรื่องการทุจริต ที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึง ที่มาของเงินดิจิทัลทัล มีความชัดเจนแล้วหรือไม่ เพราะกระทรวงการคลังมีการเปลี่ยนไปมา จากเดิมที่จะใช้เงินส่วนหนึ่งจาก ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) แล้วเปลี่ยนมาใช้เงินจากงบประมาณปี 68 นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เดี๋ยวจะมีการชี้แจง
เมื่อผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า อยากให้นายกรัฐมนตรีเป็นคนชี้แจงในฐานะหัวหน้าผู้นำรัฐบาล นายกรัฐมนตรี ได้ เบือนหน้าหนีจากผู้สื่อข่าวที่ถาม แล้วทำหน้านิ่ง ก่อนที่จะหันกลับไป บอกผู้สื่อข่าวว่า “เรียนไปแล้ว แจ้งไปเรียบร้อยแล้วครับ”
ส่วนเรื่องแอปพลิเคชั่นที่จะใช้ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต นายกรัมนตรี กล่าวว่า เดี๋ยวรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังจะเป็นผู้ชี้แจง
เมื่อถามว่า จะสามารถใช้ได้ทันในไตรมาส 4 ตามกรอบเวลาหรือไม่ นายกรัฐมนตรีได้ยกมือไหว้พร้อมกล่าวว่า "ขอบคุณครับ"
ผู้สื่อข่าวยังถามต่ออีกว่า ที่ประชุมได้ข้อสรุปแหล่งที่มาของเงินโครงการดิจิทัลวอลเล็ตเรียบร้อยแล้วหรือไม่ นายกรัฐมนตรี ได้ยกมือไหว้ และกล่าวคำว่า "ขอบคุณครับ"
--------------
ต่อมา นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้ทวีตข้อความระบุว่า
“ดิจิทัลวอลเล็ตพร้อม เปิดลงทะเบียน 1 ส.ค. นี้ ครับ"
การประชุมวันนี้ ถือเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับการเปิดลงทะเบียน และการดำเนินการในภาพรวม ที่จะรองรับการใช้งานของประชาชน และร้านค้า โดยมีการมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการ รวมไปถึงการลงรายละเอียดเงื่อนไขของการรับสิทธิ์ และมาตรการป้องกันการทุจริต การเรียกเงินคืนให้ชัดเจนขึ้นครับ
โครงการดิจิทัลวอลเล็ต คือ โครงการใหญ่ของภาครัฐที่จะเติมเงินกระเป๋าพี่น้องประชาชน ผู้ประกอบการ และระบบเศรษฐกิจในภาพรวม เพื่อความละเอียดรอบคอบ ทั้งทางกฎหมาย และทางเทคนิค โดยเฉพาะเรื่องความปลอดภัยของผู้ใช้งาน ทำให้ใช้เวลาดำเนินการมากหน่อย แต่พี่น้องไม่ต้องคอยเก้อแน่นอนครับ”
--------------
ด้าน นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลัง การประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ว่า มีการหารือถึงโครงสร้างแหล่งเงินใหม่ เนื่องจาก มีข้อห่วงใยจากหน่วยงานที่ตรวจสอบเรื่องแหล่งที่มาของเงิน โดยยืนยันว่า ไม่ได้มีการลดขนาดโครงการ ยังเป็น 50 ล้านคนเหมือนเดิม แต่จากการย้อนดูผู้ลงทะเบียนในโครงการของรัฐที่ผ่านมา ไม่เคยมีประชาชนลงทะเบียนไม่เกิน 90% การตั้งงบประมาณที่พอเหมาะ จึงเป็นแนวทางที่หน่วยงานตรวจสอบเคยให้ไว้ จึงมีการตั้งงบประมาณอยู่ที่ 45 ล้านคน ประมาณ 450,000 ล้านบาท แต่ย้ำว่า ขนาดของโครงการยังครอบคลุม 50 ล้านคน หากมีคนลงทะเบียนมากกว่า หรือน้อยกว่า ก็จะใช้กลไกในการบริหารงบประมาณ เพื่อให้งบประมาณเพียงพอ
ขณะเดียวกัน เมื่อดูถึงความจำเป็นที่มีการเตรียมงบประมาณไว้น้อยลง และข้อห่วงใยในมาตรา 28 ตาม พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ ประกอบกับใกล้จะสิ้นปีงบประมาณ 2567 กระทรวงการคลัง และ สำนักงบประมาณ จึงหารือกัน เพื่อนำเสนอโครงสร้างกรอบเงินใหม่ โดยไม่ใช้งบประมาณในมาตรา 28 เนื่องจากงบประมาณงบประมาณ ปี 67 และ ปี 68 เพียงพอ
โดยปี 2567 เป็นงบประมาณเพิ่มเติม 122,000 ล้านบาท จะเข้าที่ประชุมสภาในวันพรุ่งนี้ และงบประมาณในการบริหารจัดการทางการคลัง อีก 43,000 ล้านบาท แต่ยืนยันว่า ไม่ใช่งบกลาง แต่เป็นการบริหารจัดการทางงบประมาณ ซึ่งส่วนหนึ่งอาจเป็นงบกลางได้
ส่วนงบประมาณในปี 2568 จำนวน 152,000 ล้านบาท และงบประมาณในการบริหารจัดการทางการการคลัง 132,000 ล้านบาท ยังเป็นตัวเลขเดิม
ส่วนที่เคยระบุว่า โครงการดิจิทัล Wallet จะเป็นพายุหมุนลูกใหญ่ทางเศรษฐกิจ แต่มีการดึงงบประมาณปี 2568 มาใช้ จะกลายเป็นพายุหมุนทางเศรษฐกิจได้อย่างไร เพราะ เป็นส่วนหนึ่งในงบประมาณอยู่แล้ว นายจุลพันธ์ ยอมรับว่า ถูกต้อง แต่การดำเนินการต้องเป็นไปตามกรอบกรอบของกฎหมาย พร้อมชี้แจงว่า งบขาดดุลของปี 2567 ที่ไม่ได้นำไปใช้ในโครงการอื่น ก็จะถูกมาปรับใช้ในโครงการอื่น รวมถึงโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งการเติมเงินให้ประชาชนใช้เงิน สามารถหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจเศรษฐกิจได้มากกว่า พร้อมยืนยันว่ายังคงเป็นพายุหมุนอยู่
ขณะที่ คุณสมบัติผู้ที่จะเข้าร่วมโครงการ ที่เคยกระทำผิดเงื่อนไขในโครงการของรัฐ และถูกฟ้องร้องเรียกเงินคืนในอดีต นั้น มีความจำเป็นต้องตัดออก ซึ่งมีอยู่หลายหมื่นราย ทั้งที่เป็นร้านค้า และตัวบุคคล
-------------
รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/x5YfW8QjDew