เลือกตั้งและการเมือง

'ศิริกัญญา' ขอบคุณนายกฯ มาตอบกระทู้ครั้งแรก ก่อนจี้ถาม 'เงินดิจิทัล-มาตการกระตุ้นเศรษฐกิจ'

โดย nattachat_c

12 ก.ค. 2567

23 views

แลกคนละหมัด! 'ศิริกัญญา' ขอบคุณเห็นคุณค่าสภาฯ ตอบกระทู้ถามสดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ถามเกิดอะไรขึ้นกับ 'ดิจิทัลวอลเล็ต' กันแน่ เปลี่ยนไปมาจนประชาชนงง ถามคนไทยได้อะไร เพิ่มสัดส่วนต่างชาติซื้ออสังหา อัดเอื้อนายทุน ด้านนายกรัฐมนตรี ร่ายยาวตั้งแต่ท่องเที่ยวยันยาเสพติด แจงเปลี่ยนเกณฑ์เงินหมื่นเพื่อตอบโจทย์ชาวบ้าน สวน ไม่ได้ขายชาติ แต่ต้องศึกษาระยะยาว ยันตั้งใจให้ซื่อสัตย์สุจริต-ไร้ผลประโยชน์ทับซ้อน ยืดอก รัฐบาลนี้ภายใต้การนำของผม 'วิ่งเพื่อปัจจุบันที่ดีกว่า' ต่อสู้แรงค้านที่ 'ไร้อนาคต'


วานนี้ (11 ก.ค. 67) ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม วาระกระทู้ถามสดด้วยวาจา นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ตั้งกระทู้ถาม นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ


นางสาวศิริกัญญา กล่าวขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่มาตอบกระทู้ในสภา ที่เห็นคุณค่าของสภา ยึดถือหลักของการถ่วงดุลจากฝ่ายนิติบัญญัติ และยังเคารพหลักการว่าสภาเป็นผู้มีอำนาจสูงสุด


และครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่นายกรัฐมนตรี มาตอบกระทู้ของฝ่ายค้านที่ใหญ่ที่สุด แต่นี่ไม่ใช่ครั้งสุดท้าย และในอาทิตย์หน้า ขอให้นายกรัฐมนตรีเคลียร์ตารางงานไว้เลย เพราะเราได้เตรียมข้อมูลที่จะถามนายกรัฐมนตรีเอาไว้แล้ว หรือหากนายกรัฐมนตรีว่างพฤหัสฯ ไหน ก็แจ้งมาได้เลย เราพร้อมที่จะอำนวยความสะดวก


จากนั้น นางสาวศิริกัญญา เริ่มตั้งคำถามกับนายกรัฐมนตรี ถึงการแถลงข่าวโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ที่ประชาชนสอบถามเข้ามามากมายว่า เกิดอะไรขึ้นกับโครงการนี้กันแน่  ซึ่งเนื้อหาที่แถลง ปรับแก้เงื่อนไข เพิ่ม ลด เปลี่ยนไปมาตลอดเวลา เช่น โทรศัพท์มือถือ ปุ๋ย ที่บอกว่าจะซื้อได้ วันนี้ กลับบอกซื้อไม่ได้ และมีเงื่อนไขประหลาดเกี่ยวกับเครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ที่จะใช้เงินดิจิทัลซื้อไม่ได้ ที่ประหลาดเพราะคนไทยผลิตเองก็เยอะ


ที่สำคัญคือการปรับลดเป้าหมาย เหลือ 45 ล้านคน โดยมีการอ้างว่ามีคนมีสิทธิ์แต่จะไม่ลงทะเบียนราว 10% จึงได้ลดเป้าหมายจาก 50 ล้านคน ลงเหลือ 45 ล้านคน และบอกว่าอาจจะไม่กู้เงินจาก ธ.ก.ส.แล้ว เท่ากับว่าเงินที่จะแจกในโครงการนี้เพียง 450,000 ล้านบาท แต่มีคนที่มีสิทธิ์มากถึง 50 ล้านคน ซึ่งต้องใช้เงิน 5 แสนล้านบาท คำถามคือ ในขณะนี้ งบประมาณมีไม่พอใช่หรือไม่ ทำให้หามาได้แค่เพียง 450,000 ล้านบาท งบปี 67 ที่เคยจะใช้ 170,000 ล้านบาท ตอนนี้เหลือเพียง 165,000 ล้านบาท ที่เหลือจะใช้จากงบปี 68 จำนวน 285,000 ล้านบาท แล้วหากมีผู้ลงทะเบียนครบ 50 ล้านคน จะทำอย่างไร จะยังได้รับสิทธิ์อยู่หรือไม่ แล้วอีก 5 หมื่นล้าน จะเอาเงินที่ไหนมาใช้ หรือจะใช้เงินคงคลัง


นางสาวศิริกัญญา กล่าวว่า ตนเห็นว่าในเรื่องของรายละเอียด  ถามไปก็เท่านั้น  นายกรัฐมนตรีคงจะตอบว่า เดี๋ยวรอความชัดเจนในวันจันทร์นี้ หรือ 24 ก.ค.ก่อน เอาเป็นว่าตอบอะไรได้ก็ตอบ แต่เรื่องที่เป็นกังวล และน่าจะทราบดี คือการใช้งบปี 67 จากการบริหาร 43,000 ล้านบาท และมีการบริหารจัดการงบปี 68 จำนวน 132,300 ล้านบาท คืออะไร แล้วตกลงจะมีการใช้งบกลางของปี 67 หรือไม่  หรือจะไปบริหารจัดการอย่างไร  จะใช้เงินทุนสำรองจ่ายที่อยู่ในอำนาจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือไม่


ด้านนายกรัฐมนตรี ลุกขึ้นตอบคำถามแรกว่า ตนขอยืนยันว่า ให้ความสำคัญกับสภานิติบัญญัติ และไม่ได้มีความประสงค์จะหลีกเลี่ยง แต่ภารกิจแน่นเหลือเกิน เมื่อเช้าวานนี้ประมาณ 7.00 น. ก็มีการเลื่อนภารกิจ เพื่อที่จะได้มาตอบได้ เมื่อวันก่อนก็ลงพื้นที่ ก็เห็นว่าน้อยใจ เลยพยายามมาตอบให้ได้ และจะพยายามมาอย่างต่อเนื่อง


นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า เราจะมีการแถลงวันที่ 24 ก.ค. ทั้งหมดนี้ ยังมีการเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ น้อย ๆ เนื่องจากประเภทสินค้าก็เป็นตัวบ่งบอกอย่างหนึ่ง ว่ารัฐบาลเราได้ฟังความคิดเห็นของพี่น้องประชาชน ตนว่าเรื่องการที่เราจะใช้ซื้ออะไรได้หรือไม่ได้  ก็เป็นเรื่องหนึ่งที่จะต้องรับฟังความเห็นของทุกภาคส่วน ก่อนที่จะมีโครงการออกมา เพื่อดูความเหมาะสม เรามีการพูดคุยกันตลอดจะได้ปรับปรุงเพื่อให้โดนใจประชาชน และตรงกับจุดประสงค์ของการออกโครงการนี้มา เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ


ส่วนเรื่องงบประมาณต่าง ๆ งบกลางเรากันไว้ประมาณ 43,000 ล้านบาท ส่วนเรื่องที่บอกว่า 450,000 ล้านบาท เราดูจากสถิติเก่า ที่เราประเมินจากรัฐบาลที่แล้ว เราก็ทำการวิเคราะห์ดูว่า คนที่มาเข้าสิทธิ์กี่คน จะได้เตรียมงบประมาณได้เต็มที่


“งบประมาณตัวนี้ เรามั่นใจว่าเราจะใช้ความพินิจพิเคราะห์ได้อย่างดี ว่าจะต้องโดนจุดและเป็นไปตามกฎหมาย ซื่อสัตย์สุจริต เป็นไปตามกฎกติกาในการใช้งบประมาณที่ถูกต้องนะครับ” นายกรัฐมนตรี กล่าว


นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า เรื่องดิจิทัลวอลเล็ตที่ถามมา ตนขอชี้แจงเพิ่มเติม ว่าเป็นนโยบายหลักของเรา เหตุผลที่เราต้องใช้เงิน 10,000 บาทต่อคน และจำกัดพื้นที่ในการใช้ เพราะเราไม่ต้องการให้จำกัดแค่ความเจริญอยู่ในหัวเมืองหลักอย่างเดียว การที่พี่น้องประชาชนมีบัตรประชาชนและอยู่ในอำเภอไหนใช้ในอำเภอนั้น เพื่อที่จะให้เงินที่เราได้แจกไปได้ไปใช้ในอำเภอนั้นๆ กระตุ้นเศรษฐกิจในจังหวัดที่มีการพัฒนาต่ำ เช่น หนองบัวลำภู บึงกาฬ หรือ มหาสารคาม เพื่อให้เกิดการพัฒนาเศรษฐกิจภูมิภาคให้เป็นไปตาม ความต้องการของทุก ๆ ท่าน


“เรามั่นใจว่าวันที่ 24 ก.ค. ก็จะมีรายละเอียดมากยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ ในแง่ของงบประมาณ ประเภทสินค้าที่จะออกมาขอบคุณครับ” นายกรัฐมนตรี กล่าว


จากนั้นนางสาวศิริกัญญา ตั้งคำถามที่ 2 ว่า พอนายกรัฐมนตรีระบุว่าต้องใช้งบกลาง 43,000 ล้านบาทเพื่อจะทำโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ก็จะทำให้ปริศนาทุกอย่างกระจ่างขึ้น  เพราะที่ผ่านมาตั้งแต่นายกรัฐมนตรีเริ่มบริหารราชการแผ่นดินจนถึงตอนนี้กว่า 10 เดือนแล้ว เราก็มีข้อสังเกตว่า ในงบกลางปี 67 แทบจะไม่ได้อนุมัติเลย ซึ่งจริงๆ แล้ว มีปัญหาของประชาชนหลายเรื่องที่รอการแก้ไข  แต่กลับไม่มีอะไรออกมาเลยในระยะนี้  เป็นเพราะว่าต้องเก็บเงินก้อนนี้ไปไว้ใช้เพื่อดิจิทัลวอลเล็ตนั่นเอง  ประชาชนก็ยังต้องรอต่อไปจนถึงไตรมาส 4 และยังไม่รู้ว่าจะเป็นเดือนตุลาคม พฤศจิกายน หรือธันวาคมที่จะได้รับเงินตรงนี้ หรืออาจจะหลังจากนั้นก็เป็นได้


นางสาวศิริกัญญา ระบุว่า จำเป็นจะต้องถามเรื่องงบปี 67 เพราะที่ผ่านมาสภาได้อนุมัติงบไป 99,000 ล้านบาท  ก่อนที่จะอนุมัติงบ  ก็มีการใช้งบประมาณไปพลางก่อน แต่มีการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีไปเพียง 14,000 ล้านบาทเศษเท่านั้น ที่ต้องกังวลเพราะมีปัญหาเร่งด่วนมากกว่าการกระตุ้นเศรษฐกิจ คือ ค่าครองชีพของประชาชน เงินเฟ้อจะขึ้นลงอย่างไรประชาชนอาจไม่สนใจ แต่สิ่งที่ประชาชนสนใจ คือเวลาที่ข้าวของแพงขึ้น  ราคาไม่ได้ลดลงตามเงินเฟ้อ และยังไม่มีมาตรการที่จะช่วยเหลือประชาชน ปัญหาอย่างอื่นก็ตามมาแม้นายกรัฐมนตรีจะเลิกพูดแล้วว่าเศรษฐกิจไทยวิกฤต แต่ปัญหายังไม่ได้รับการแก้ไข เช่น ปัญหาโรงงานปิดกิจการ SME ล้ม


ทั้งนี้ มีการของบกลางไปช่วยพยุงราคาน้ำมัน 6,500 ล้านบาท แต่รัฐบาลกลับไม่อนุมัติ ทั้งที่งบกลางก็ไม่ได้ใช้ หากไม่อยากอุดหนุนราคาน้ำมันด้วยการลดภาษีสรรพสามิตเหมือนเดิม เลือกอุดหนุนเฉพาะกลุ่มก็ได้ อาจจะแจกเป็นคูปองลดราคาน้ำมันให้กับกลุ่มขนส่ง หรือประชาชน แต่กลับไม่มีมาตรการออกมาช่วยเหลือค่าครองชีพเลย


ส่วนการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจฝืดเคือง  อาจมีการออกมาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำบ้าง แต่ไม่ได้มุ่งเป้าไปที่ผู้เดือดร้อน  นายกรัฐมนตรีมีแนวโน้มที่จะช่วยเหลือประชาชนหรือแก้ปัญหาเศรษฐกิจในเวลานี้ โดยที่ไม่ต้องรอดิจิทัลวอลเล็ตหรือไม่


นายกรัฐมนตรี ตอบคำถามที่ 2 ร่ายยาวว่า เรื่องที่ท่านถามมาว่า งบกลางไม่ได้ไปช่วยเหลือประชาชนเลย เราก็ขอยืนยันว่า เรามีการใช้งบกลางในการดูแลเรื่องค่าน้ำมัน และค่าไฟ หลายเรื่องเรามีการใช้งบกลาง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเกษตร ดูแลเรื่องไม่ท่วมไม่แล้ง การสร้างถนน ดูแลสถานพยาบาลต่างๆ หากสงสัยเดี๋ยวผมจะมาแถลงอีก ว่า งบกลางเรานำไปใช้อะไรบ้างเพื่อบรรเทาความทุกข์ยากของประชาชน


ส่วนเรื่องเศรษฐกิจโดยรวม เราเห็นต่างกันเยอะเรื่องวิกฤติหรือไม่วิกฤติ ต้องกระตุ้นหรือเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจบ้างหรือไม่ ตนขอเล่าภาพรวมให้ฟัง พวกท่านทราบกันดีอยู่แล้วว่า 10 ปีที่ผ่านมา GDP ของไทยโตต่ำต้อยเหลือเกิน ไม่มีอินฟราสตรัคเจอร์  ส่งผลให้อัตราการเติบโตมีเพียง 3 % ต่อปี การเจริญเติบโตส่วนใหญ่เป็น K shaped recovery คนที่รวยแล้วก็รวยอีก รวยไปเรื่อยๆ คนจนก็ต่ำต้อยต่อไปเรื่อยๆ โดยเฉพาะช่วงหลังโควิด การลงทุนของภาครัฐและเอกชนก็ค่อนข้างราบเรียบ  ส่งออกก็ติดลบ นำเข้าสินค้าเพิ่มมากขึ้นส่วนใหญ่เป็นวัตถุดิบและพลังงาน


“ที่ท่านให้คอมเมนต์มาเรื่องการปิดตัวของโรงงานเนี่ยชัดเจน ว่าอุตสาหกรรมต้องมีการปรับตัวเข้ากับความต้องการของโลกสมัยใหม่  ซึ่งเราก็มีการปรับตัวช้ามากในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา  จึงเป็นเหตุผลว่า ทำไมผมต้องเดินทางไปต่างประเทศ ต้องมีการเจรจากับบริษัทเทคใหญ่ ๆ”  


นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า เรื่อง Trade war (สงครามการค้า) หรือ Geopolitics (ภูมิรัฐศาสตร์) เป็นเรื่องที่สำคัญ ถึงแม้ประเทศไทยจะมีจุดยืนเป็นกลาง ไม่ทะเลาะกับใคร และเป็นคู่ค้ากับทุกคน แต่ก็ทำให้การส่งออกลดน้อยลง เราต้องเดินทางไปพูดคุยกับประเทศต่างๆทั่วโลก เพื่อทำให้เขามีความมั่นใจมาลงทุนและซื้อสินค้าไทย


นอกจากนี้ การลงทุนก็ต่ำ ตนเคยแจ้งให้สภาฯ ทราบว่า ครั้งสุดท้ายที่เรามีโครงการใหญ่ คือโครงการสนามบินสุวรรณภูมิ รวมถึงการบริโภคในประเทศไทย ถ้าตัดภาคการท่องเที่ยวออกไป  ถือว่าไม่มีการเจริญเติบโตเท่าที่ควร  ส่วนการท่องเที่ยว ตั้งแต่ที่เราเข้ามาก็เป็นการใช้นโยบายหลัก ไม่ได้ใช้งบประมาณ ซึ่งเป็นหนึ่งใน Growth Engine ที่ใช้พยุงเศรษฐกิจไปได้ ไม่ว่าจะเป็นวีซ่าฟรี การเปิดนิทรรศการให้ชาวต่างชาติมาเที่ยว ทำให้ประเทศไทยเป็นที่ต้องการของนักท่องเที่ยวทั่วโลก


“เรื่องการท่องเที่ยวเป็นเรื่องที่แบกเศรษฐกิจอยู่ในปัจจุบัน เราเองก็มุ่งมั่นที่จะทำต่อ วันก่อนประเทศอินเดีย ก็มีการยกเว้นวีซ่าที่จะให้เขาเป็นการชั่วคราว เราก็จะกระตุ้นเรื่องนี้ต่อเนื่อง” นายกรัฐมนตรี กล่าว


นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ในภาคอุตสาหกรรม อัตราการเติบโตก็ตกหมด  ต่ำกว่า 60% แสดงว่าคนไม่มีกินไม่มีใช้ เพราะฉะนั้นทำไมต้องเป็นดิจิทัลวอลเล็ต เพราะหากมีเงินใหม่เข้ามาในระบบ ท่านลองจินตนาการดูแล้วกันว่าโรงงานเหล่านี้จะผลิตสินค้า มารองรับการซื้อของพี่น้องประชาชนหรือไม่ ตรงนี้จะเกิดการจ้างงานประชาชนก็มีความหวัง


อีกเรื่องหนึ่งเป็นปัญหายาเสพติด เราต้องยอมรับว่า หากเราจะกระตุ้นเศรษฐกิจ เอาอุตสาหกรรมใหม่ๆ เข้ามา แต่หากประชาชนของเรายังมอมเมา ก็เป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องให้ความสำคัญ โดยเฉพาะการลงพื้นที่ของตนหลายครั้ง ก็เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ตนเชื่อว่าทุกท่านในที่นี้ที่ลงพื้นที่ไป นอกจากปัญหาปากท้อง ปัญหายาเสพติดก็ยังเจอเยอะ


“ผมลงพื้นที่ไปในฐานะนายกรัฐมนตรี ก็มีคนมาบ่นเกี่ยวกับยาเสพติดทั้งหมด เมื่อวานนี้ก็ไปที่ตำรวจตระเวนชายแดน หลายท่านอาจจะเห็นว่าเป็นเรื่องเล็ก เสียเวลาทำไม ในฐานะผู้ปฏิบัติ เราเล็งเห็นการแก้ไขปัญหายาเสพติด  เราก็บอกว่า เวลาที่มีการต่อสู้กัน เจ้าหน้าที่บาดเจ็บไม่มีการเสนอข่าวเลย ผมก็บอกว่าให้มีการเสนอข่าวแล้วถ้าบาดเจ็บ แล้วให้ขวัญกำลังใจเท่าไหร่ ขอร้องว่าต้องให้สัก 5 หมื่น และต้องมีการกวาดล้างครั้งใหญ่”  


นายกรัฐมนตรี ยังเล่าถึงการไป กอ.รมน. ที่หลายท่านอยากให้ยุบ แต่ตนยังเห็นศักยภาพในการพัฒนาประเทศได้อีกเยอะ สามารถช่วยเหลือประชาชนในช่วงน้ำท่วม กันที่ดินทหารมาให้ประชาชนทำกิน ซึ่งในการทำงานร่วมกันกับฝ่ายปกครอง


หนี้นอกระบบก็เป็นปัญหาเศรษฐกิจอีกอย่างหนึ่ง ก็ร่วมกับฝ่ายปกครอง โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กับนายกิติรัตน์ ณ ระนอง ในฐานะประธานที่ปรึกษา ก็ทำงานไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย ให้หนี้นอกระบบหมดไป เพราะหากมีหนี้นอกระบบ ก็ไม่มีแรงทำงานและไปพึ่งยาเสพติด


“เราแพ้อินโดนีเซีย แพ้เวียดนามมาโดยตลอด  แต่ตอนนี้เรากำลังจะขึ้นมา เพราะรัฐบาลนี้ให้ความสนใจ และบินไปเจรจาการค้าเพื่อจะให้มีการลงทุนต่างประเทศเข้ามาเป็นรูปธรรม แต่อย่างไรก็ดี  เพิ่ง 10 เดือน ทุกท่านทราบดีว่าจะให้ลงทุนเป็นแสนล้าน ต้องใช้เวลานานเท่าไหร่ กว่าเขาตัดสินใจลงทุนในประเทศ แต่ก็มีการพัฒนาขั้นตอนต่างๆไปในทางที่ดี”


นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า เรื่องการเกษตรก็เป็นสิ่งสำคัญ  แม้จะไม่เป็นอุตสาหกรรมที่เซ็กซี่ แต่พี่น้องหลาย 10 ล้านคน ยังต้องพึ่งการเกษตรอยู่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ก็ลงพื้นที่ไปทำงานอย่างหนัก ไม่ว่าจะเป็นการผลักดันโครงการปุ๋ยคนละครึ่ง การเปิดตลาดค้าขาย ทำให้รายได้เพิ่มขึ้นภายใน 4 ปี นอกจากนี้ประเทศไทยยังมีความพร้อมในการผลักดันสินค้าฮาลาล


นายกรัฐมนตรีทิ้งท้ายตอบคำถามที่ 2 ว่า เราเองก็อยากเป็นสวิตเซอร์แลนด์ของเอเชีย พยายามไม่ทะเลาะกับใคร อยากให้มั่นใจว่าประเทศไทยเป็นมิตรกับทุกคนและสามารถส่งผ่านสินค้าออกไปได้


ต่อมา นางสาวศิริกัญญา ตั้งคำถามที่3 ระบุว่า นายกรัฐมนตรีไม่ได้ลุกขึ้นมาตอบคำถามที่ตนเองถาม ก็เท่ากับเป็นการยืนยันว่า ไม่มีมาตรการช่วยพยุงค่าครองชีพ และไม่มีมาตรการเกี่ยวกับโรงงานปิดกิจการและ SMS ล้ม ให้กับประชาชนในระยะสั้น เพราะจากการที่นายกรัฐมนตรีตอบ วิเคราะห์ปัญหาถูก วินิจฉัยโรคถูก แต่ทางออกยังมืดแปดด้าน และไม่เห็นเป็นรูปธรรม โดยที่ไม่ต้องรอดิจิทัลวอลเล็ตหรือรอนักลงทุนเข้ามาลงทุน ว่าจะแก้ปัญหาอย่างไร หากงบไม่พอที่จะเอาไปใช้ในการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในเวลานี้  


หรือรัฐบาลอาจสร้างแรงจูงใจให้กับท้องถิ่น เอาเงินสะสมของตนเองมาใช้เป็นเงินลงทุนขนาดเล็กในชุมชน เพื่อให้เกิดการจ้างงานในต่างจังหวัด และเศรษฐกิจจะกระชุ่มกระชวย กระปรี้กระเปร่าขึ้นมาบ้าง เพราะเงินสะสมเหล่านี้มีอยู่จริงไม่ต่ำกว่า 20,000 ล้านบาท  หากรัฐบาลออกครึ่งหนึ่ง ท้องถิ่นออกอีกครึ่งหนึ่ง ก็จะช่วยแก้ปัญหาเศรษฐกิจฐานรากที่มีชีวิตชีวาขึ้นมาได้ โดยไม่ต้องรอดิจิทัลวอลเล็ตออกมา


พร้อมสอบถามกรณีการเพิ่มสัดส่วนต่างชาติซื้ออสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย ที่นายกฯ เป็นต้นคิด และสั่งการกระทรวงมหาดไทยให้เร่งรัดดำเนินการ ซึ่งมาตรการนี้มีผลกระทบในเชิงลบค่อนข้างมาก ทำให้ราคาอสังหาริมทรัพย์สูงขึ้น ประชาชนที่ไม่มีบ้านได้รับผลกระทบ เพราะไม่มีเงินที่จะซื้ออสังหาริมทรัพย์ เพราะเป็นของต่างชาติ และอาจจะต้องไปเช่าบ้านของต่างชาติด้วย แล้วสุดท้ายคนไทยได้อะไรจากมาตรการนี้ สัดส่วนที่เกิดผลต่อเศรษฐกิจคืออะไร


นายกรัฐมนตรี ลุกขึ้นขอชี้แจงว่า เรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจเรายังทำอย่างต่อเนื่อง บางอย่างไม่ต้องใช้งบประมาณก็ได้ ใช้นโยบาย ใช้การมุ่งมั่น ใช้การประสานงานก็ได้ ส่วนมาตรการขยายเวลาเช่า 99 ปี มันเป็นการเชื่อมต่อกับหลายอย่าง เป็นการเรียกร้องจากฝ่ายต่างประเทศ ที่อยากให้เพิ่มเวลาเช่าทรัพย์อิงสิทธิ


“คงไม่ได้เป็นเรื่องการขายชาติหรอกครับ เป็นการให้ศึกษาว่าเหมาะสมหรือเปล่า ขอฝากไว้ว่า ต่อไปต้องมาดูกันว่า ถ้าเกิดทำแล้วจะส่งผลระยะยาวให้กับโครงสร้างเศรษฐกิจไทย ก่อให้เกิดการลงทุนระหว่างประเทศสูงขึ้นหรือไม่ ขอยืนยันนะครับว่า ต้องมีการศึกษา และตั้งใจให้ซื่อสัตย์สุจริต ปราศจากเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนทุกประการ ไม่ได้มีการกดดันใครทั้งสิ้น ยืนยันว่ารัฐบาลนี้ ภายใต้การนำของผม จะวิ่งสู้เพื่ออนาคต และพรรคร่วมทุกพรรคในรัฐบาลเราก็จะช่วยวิ่งสู้ต่อไป เพื่อปัจจุบันที่ดีกว่า จะต้องสู้กับแรงค้านที่ไร้อนาคตครับ ขอบคุณครับ” นายกรัฐมนตรีกล่าว


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  เมื่อนายกรัฐมนตรีพูดจบที่ประโยค “แรงค้านไร้อนาคต” นางสาวศิริกัญญา ได้ทำสีหน้าตกใจ จนออกอาการเหวอขึ้น

-------------------

ต่อมา นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ถึงกรณีชี้แจงในสภาผู้แทนราษฎร และพูดประโยคว่า “แรงค้านที่ไร้อนาคต” มีความหมายหรือไม่  นายเศรษฐา กล่าวว่า รัฐบาลภายใต้การนำของตนก็วิ่งก็วิ่งสู้เพื่ออนาคต และพรรคร่วมที่มาทำงานกับรัฐบาลก็วิ่งเพื่อปัจจุบันที่ดีกว่าของประชาชน และก็ต้องสู้กับแรงค้านที่ไร้อนาคต


ส่วนกรณีที่ฝ่ายค้านมองว่า การตอบคำถามของนายกฯ ในสภายังไม่มีความชัดเจน นายกรัฐมนตรีไม่ตอบ ก่อนจะหันมายิ้ม แล้วจะเดินขึ้นตึกไทยคู่ฟ้า ก่อนเดินย้อนกลับมาตอบคำถามนี้อีกครั้งว่า เศรษฐกิจของประเทศเป็นเรื่องใหญ่ ต้องครอบคลุมหลายมิติ หลายเรื่องไม่สามารถตอบได้ด้วย yes หรือ no ต้องมีคำอธิบายที่ชัดเจน ปัญหาที่สะสมมา ก็ต้องแก้ในหลายมิติ ขอให้ค่อย ๆ ดูไป  ยืนยันว่า มุ่งมั่น และรับฟังความคิดเห็นของฝ่ายค้าน อะไรที่เป็นประโยชน์ ก็จะนำไปปฏิบัติ และแก้ไข  

-------------

รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/R7JRxMhsKdo
















คุณอาจสนใจ

Related News