เลือกตั้งและการเมือง

"ศิริกัญญา" ตั้งกระทู้ถาม "นายกฯ" มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ

โดย kanyapak_w

11 ก.ค. 2567

127 views

วันนี้ (11 ก.ค.) ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ที่มีประธานสภาฯ ในที่ประชุม วาระกระทู้ถามสดด้วยวาจา นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ตั้งกระทู้ถามนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ



โดยนางสาวศิริกัญญา กล่าวขอบคุณ นายกฯ ที่มาตอบกระทู้ในสภาที่เห็นคุณค่าของสภา ยึดถือหลักของการถ่วงดุลจากฝ่ายนิติบัญญัติ และยังเคารพหลักการว่าสภาเป็นผู้มีอำนาจสูงสุด ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่นายกรัฐมนตรีมาตอบกระทู้ของฝ่ายค้านที่ใหญ่ที่สุด ในอาทิตย์หน้าขอให้นายกรัฐมนตรีเคลียร์ตารางงาน เพราะเราได้เตรียมข้อมูลที่จะถามนายกรัฐมนตรีเอาไว้แล้ว หรือหากนายกรัฐมนตรีว่างวันไหน ก็แจ้งมาได้เลยเราพร้อมที่จะอำนวยความสะดวก



จากนั้น นางสาวศิริกัญญา เริ่มตั้งคำถามกับนายกรัฐมนตรี ถึงการแถลงข่าวโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ที่ประชาชนสอบถามเข้ามามากมาย ว่าเกิดอะไรขึ้นกับโครงการนี้กันแน่ ซึ่งเนื้อหาที่แถลง ปรับแก้เงื่อนไข เพิ่ม ลด เปลี่ยนไปมา ตลอดเวลา เช่น โทรศัพท์มือถือ และปุ๋ย ที่บอกว่าจะซื้อได้ วันนี้กลับบอกซื้อไม่ได้ และมีเงื่อนไขประหลาดเกี่ยวกับเครื่องใช้ไฟฟ้าอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่จะใช้เงินดิจิทัลซื้อไม่ได้ ที่ประหลาดเพราะคนไทยผลิตเองก็เยอะ ที่สำคัญคือการปรับลดเป้าหมาย เหลือ 45 ล้านคน โดยมีการอ้างว่ามีคนมีสิทธิ์แต่จะไม่ลงทะเบียนราว 10% จึงได้มีการลดเป้าหมายจาก 50 ล้านคน ลงเหลือ 45 ล้านคน และบอกว่าอาจจะไม่กู้เงินจากธกส.แล้ว เท่ากับว่าเงินที่จะแจกในโครงการนี้เพียง 450,000 ล้านบาท แต่มีคนที่มีสิทธิ์มากถึง 50 ล้านคนซึ่งต้องใช้เงิน 500,000 ล้านบาท คำถามคือในขณะนี้งบประมาณมีไม่พอใช้หรือไม่



เพราะหามาได้แค่เพียง 450,000 ล้านบาท งบจาก ปี 67 ที่เคยจะใช้ 170,000 ล้านบาท ตอนนี้เหลือเพียง 165,000 ล้านบาท ที่เหลือจะใช้จากงบ ปี 68 จำนวน 285,000 ล้านบาท แล้วหากมีผู้ลงทะเบียนครบ 50 ล้านคนจะทำอย่างไรจะยังได้รับสิทธิ์อยู่หรือไม่ แล้วอีก 5 หมื่นล้านจะเอาเงินที่ไหนมาใช้ หรือจะใช้เงินคงคลัง



ตนเห็นว่าในเรื่องของรายละเอียดถามไปก็เท่านั้นนายกรัฐมนตรีคงจะตอบว่าเดี๋ยวรอความชัดเจนในวันจันทร์นี้ หรือ 24 ก.ค.ก่อน เอาเป็นว่าตอบอะไรได้ก็ตอบ แต่เรื่องที่เป็นกังวลและน่าจะทราบดีคือการใช้งบปี 67 จากการบริหาร 43,000 ล้านบาท และมีการบริหารจัดการงบปี 68 จำนวน 132,300 ล้านบาท คืออะไร แล้วตกลงจะมีการใช้งบกลางของ ปี 67 หรือไม่ หรือจะไปบริหารจัดการอย่างไรจะใช้เงินเงินทุนสำรองจ่ายที่อยู่ในอำนาจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือไม่



ด้านนายกรัฐมนตรีลุกขึ้นตอบคำถามแรกว่า ตนขอยืนยันว่าให้ความสำคัญกับสภานิติบัญญัติ และไม่ได้มีความประสงค์จะหลีกเลี่ยง แต่ภารกิจแน่นเหลือเกิน เมื่อเช้านี้ประมาณ 7 โมงก็มีการเลื่อนภารกิจ เพื่อที่จะได้มาตอบได้ เมื่อวานก็ลงพื้นที่ ก็เห็นว่าถ้าน้อยใจ เลยพยายามมาตอบให้ได้ และจะพยายามมาอย่างต่อเนื่อง



นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า เราจะมีการแถลงวันที่ 24 ก.ค. ทั้งหมดนี้ยังมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย เนื่องจากประเภทสินค้าก็เป็นตัวบ่งบอกอย่างหนึ่งว่ารัฐบาลเราได้ฟังความคิดเห็นของพี่น้องประชาชน ตนว่าเรื่องของการที่เราจะใช้ซื้ออะไรได้หรือไม่ได้ ตนว่าก็เป็นเรื่องหนึ่งที่จะต้องรับฟังความเห็นของทุกภาคส่วน ก่อนที่จะมีโครงการออกมา เพื่อดูความเหมาะสม ตนถือว่าเราให้ความสำคัญ เรามีการพูดคุยกันตลอดจะได้มีการปรับปรุง แต่ง เพื่อให้โดนใจประชาชนและถูกจุดประสงค์ของการที่ออกโครงการนี้มาเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ



ทั้งนี้ ส่วนเรื่องงบประมาณต่างๆ งบกลางเรากันไว้ประมาณ 43,000 ล้านบาท ส่วนเรื่องที่บอกว่า 450,000 ล้านบาท เราดูจากสถิติเก่า ที่เรามีการประเมินจากรัฐบาลที่แล้ว เราก็ทำการวิเคราะห์ดูว่าคนที่มาเข้าสิทธิ์กี่คน จะได้เตรียมงบประมาณได้เต็มที่ “งบประมาณตัวนี้ เรามั่นใจว่าเราจะใช้ความพินิจพิเคราะห์ได้อย่างดีว่าจะต้องโดนจุดและเป็นไปตามกฎหมาย ซื่อสัตย์สุจริต เป็นไปตามกฎกติกาในการใช้งบประมาณที่ถูกต้องนะครับ” นายกรัฐมนตรี กล่าว



นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า เรื่องดิจิทัลวอลเล็ตที่ถามมา ตนขอชี้แจงเพิ่มเติม ว่าเป็นนโยบายหลักของเรา เหตุผลที่เราต้องใช้เงิน 10,000 บาทต่อคน และจำกัดพื้นที่ในการใช้ เพราะเราไม่ต้องการให้จำกัดแค่ความเจริญอยู่ในหัวเมืองหลักอย่างเดียว การที่พี่น้องประชาชนมีบัตรประชาชนและอยู่ในอำเภอไหนใช้ในอำเภอนั้น เพื่อที่จะให้เงินที่เราได้แจกไปได้ไปใช้ในอำเภอนั้นๆ กระตุ้นเศรษฐกิจในจังหวัดที่มีการพัฒนาต่ำ เช่น หนองบัวลำภู บึงกาฬ หรือมหาสารคาม เพื่อให้เกิดการพัฒนาเศรษฐกิจภูมิภาคให้เป็นไปตาม ความต้องการของทุกท่าน “เรามั่นใจว่าวันที่ 24 ก.ค. ก็จะมีรายละเอียดมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ในแง่ของงบประมาณและประเภทสินค้าที่จะออกมา ขอบคุณครับ” นายกรัฐมนตรี กล่าว



จากนั้น นางสาวศิริกัญญา ตั้งคำถามที่ 2 ว่า พอนายกรัฐมนตรีระบุว่าต้องใช้งบ กลาง 43,000 ล้านบาทเพื่อจะทำโครงการดิจิทัลวอลเล็ตก็จะทำให้ปริศนาทุกอย่างกระจ่างขึ้น เพราะที่ผ่านมาตั้งแต่นายกรัฐมนตรีเริ่มบริหารราชการแผ่นดินจนถึงตอนนี้กว่า 10 เดือนแล้วเราก็มีข้อสังเกตว่าในงบกลางปี67 แทบจะไม่ได้อนุมัติเลย ซึ่งจริงๆ แล้วมีปัญหาของประชาชนหลายเรื่องที่รอการแก้ไข แต่กลับไม่มีอะไรออกมาเลยในระยะนี้เป็นเพราะว่าต้องเก็บเงินก้อนนี้ไปไว้ใช้เพื่อดิจิทัลวอลเล็ตนั่นเอง แล้วประชาชนก็ยังต้องรอต่อไปจนถึงไตรมาส 4 และยังไม่รู้ว่าจะเป็นเดือนตุลาคม พฤศจิกายน หรือธันวาคมที่จะได้รับเงินตรงนี้ หรืออาจจะหลังจากนั้นก็เป็นได้



ทั้งนี้นางสาวศิริกัญญา ระบุว่า จำเป็นจะต้องถามเรื่องงบ 67 เพราะที่ผ่านมาสภาได้อนุมัติงบไป 99,000 ล้านบาท ก่อนที่ได้อนุมัติงบก็มีการใช้งบประมาณไปพลางก่อน แต่มีการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีไปเพียง 14,000 ล้านบาทเศษเท่านั้นที่ต้องกังวล เพราะมีปัญหาเร่งด่วนมากกว่าการกระตุ้นเศรษฐกิจคือค่าครองชีพของประชาชน เงินเฟ้อจะขึ้นลงอย่างไรประชาชนอาจไม่สนใจ แต่สิ่งที่ประชาชนสนใจคือเวลาที่ข้าวของแพงขึ้นราคาไม่ได้ลดลงตามเงินเฟ้อ และยังไม่มีมาตรการที่จะช่วยเหลือประชาชน ปัญหาอย่างอื่นก็ตามมาแม้นายกรัฐมนตรีจะเลิกพูดแล้วว่าเศรษฐกิจไทยวิกฤต แต่ปัญหายังไม่ได้รับการแก้ไข เช่นปัญหาโรงงานปิดกิจการ SME ล้ม ทั้งนี้ มีการของบกลางไปช่วยพยุงราคาน้ำมัน 6,500 ล้านบาท แต่รัฐบาลกลับไม่อนุมัติ ทั้งที่งบกลางก็ไม่ได้ใช้ หากไม่อยากอุดหนุนราคาน้ำมันด้วยกันลดภาษีสรรพสามิตเหมือนเดิม เลือกอุดหนุนเฉพาะกลุ่มก็ได้ อาจจะแจกเป็นคูปองลดราคาน้ำมันให้กับกลุ่มขนส่งหรือประชาชน แต่กลับไม่มีมาตรการออกมาช่วยเหลือค่าครองชีพเลย


ส่วนการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจฝืดเคืองอาจมีการออกมาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำบ้าง แต่ไม่ได้มุ่งเป้าไปที่ผู้เดือดร้อน แก้ปัญหานายกรัฐมนตรีมีแนวโน้มที่จะช่วยเหลือประชาชนหรือแก้ปัญหาเศรษฐกิจในเวลานี้โดยโดยที่ไม่ต้องรอดิจิทัลวอลเล็ตหรือไม่




ทำให้นายกรัฐมนตรี ตอบคำถามที่ 2 ร่ายยาวว่า เรื่องที่ท่านถามมาว่างบกลางไม่ได้ไปช่วยเหลือประชาชนเลยเราก็ขอยืนยันว่า เรามีการใช้งบกลางในการดูแลเรื่องค่าน้ำมันและค่าไฟ หลายเรื่องเรามีการใช้งบกลาง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเกษตร ดูแลเรื่องไม่ท่วมไม่แล้ง การสร้างถนน ดูแลสถานพยาบาลต่างๆ หากสงสัยเดี๋ยวผมจะมาแถลงอีก ว่างบกลางเรานำไปใช้อะไรบ้างเพื่อบรรเทาความทุกข์ยากของประชาชน



ส่วนเรื่องเศรษฐกิจโดยรวม เราเห็นต่างกันเยอะเรื่องวิกฤติหรือไม่วิกฤติ ต้องกระตุ้นหรือเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจบ้างหรือไม่ ตนขอเล่าภาพรวมให้ฟัง พวกท่านทราบกันดีอยู่แล้วว่า 10 ปีที่ผ่านมา GDP ของไทยโตต่ำต้อยเหลือเกิน ไม่มีอินฟราสตรัคเจอร์ ส่งผลให้อัตราการเติบโตมีเพียง 3 % ต่อปี การเจริญเติบโตส่วนใหญ่เป็น K shaped recovery คนที่รวยแล้วก็รวยอีก รวยไปเรื่อยๆ คนจนก็ต่ำต้อยต่อไปเรื่อยๆ โดยเฉพาะช่วงหลังโควิด การลงทุนของภาครัฐและเอกชนก็ค่อนข้างราบเรียบ ส่งออกก็ติดลบ นำเข้าสินค้าเพิ่มมากขึ้นส่วนใหญ่เป็นวัตถุดิบและพลังงาน



“ที่ท่านให้คอมเมนต์มาเรื่องการปิดตัวของโรงงานเนี่ยชัดเจน ว่าอุตสาหกรรมต้องมีการปรับตัวเข้ากับความต้องการของโลกสมัยใหม่ ซึ่งเราก็มีการปรับตัวช้ามากในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมผมต้องเดินทางไปต่างประเทศ ต้องมีการเจรจากับบริษัทเทคใหญ่ๆ” นายกรัฐมนตรี กล่าว



นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า เรื่อง Trade war (สงครามการค้า) หรือ Geopolitics (ภูมิรัฐศาสตร์) เป็นเรื่องที่สำคัญ ถึงแม้ประเทศไทยจะมีจุดยืนเป็นกลาง ไม่ทะเลาะกับใคร และเป็นคู่ค้ากับทุกคน แต่ก็ทำให้การส่งออกลดน้อยลง เราต้องเดินทางไปพูดคุยกับประเทศต่างๆ ทั่วโลก เพื่อทำให้เขามีความมั่นใจมาลงทุนและซื้อสินค้าไทย



นอกจากนี้การลงทุนก็ต่ำ ตนเคยแจ้งให้สภาทราบว่า ครั้งสุดท้ายที่เรามีโครงการใหญ่คือโครงการสนามบินสุวรรณภูมิ รวมถึงการบริโภคในประเทศไทย ถ้าตัดภาคการท่องเที่ยวออกไปถือว่าไม่มีการเจริญเติบโตเท่าที่ควร การท่องเที่ยวตั้งแต่ที่เราเข้ามาก็เป็นการใช้นโยบายหลัก ไม่ได้ใช้งบประมาณ ซึ่งเป็นหนึ่งใน Growth Engine ที่ใช้พยุงเศรษฐกิจไปได้ ไม่ว่าจะเป็นวีซ่าฟรี การเปิดนิทรรศการให้ชาวต่างชาติมาเที่ยว ทำให้ประเทศไทยเป็นที่ต้องการของนักท่องเที่ยวทั่วโลก “เรื่องการท่องเที่ยวเป็นเรื่องที่แบบเศรษฐกิจอยู่ในปัจจุบัน เราเองก็มุ่งมั่นที่จะทำต่อ วันก่อนประเทศอินเดีย ก็มีการยกเว้นวีซ่าที่จะให้เขาเป็นการชั่วคราว เราก็จะกระตุ้นเรื่องนี้ต่อเนื่อง” นายกรัฐมนตรี กล่าว



นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ภาคอุตสาหกรรมอัตราการเติบโตก็ตกหมด ต่ำกว่า 60% แสดงว่าคนไม่มีกินไม่มีใช้ เพราะฉะนั้นทำไมต้องเป็นดิจิทัลวอลเล็ต เพราะหากมีเงินใหม่เข้ามาในระบบ ท่านลองจินตนาการดูแล้วกันว่าโรงงานเหล่านี้จะผลิตสินค้า มารองรับการซื้อของพี่น้องประชาชนหรือไม่ ตรงนี้จะเกิดการจ้างงานประชาชนก็มีความหวัง



อีกเรื่องหนึ่งเป็นปัญหายาเสพติด เราต้องยอมรับว่าหากเราจะกระตุ้นเศรษฐกิจ เอาอุตสาหกรรมใหม่ๆ เข้ามา แต่หากประชาชนของเรายังมอมเมา ก็เป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องให้ความสำคัญ โดยเฉพาะการลงพื้นที่ของตนหลายครั้งก็เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ตนเชื่อว่าทุกท่านในที่นี้ที่ลงพื้นที่ไป นอกจากปัญหาปากท้อง ปัญหายาเสพติดก็ยังเจอเยอะ “ผมลงพื้นที่ไป ในฐานะนายกรัฐมนตรี ก็มีคนมาบ่นเกี่ยวกับยาเสพติดทั้งหมด เมื่อวานนี้ก็ไปที่ตำรวจตระเวนชายแดน หลายท่านอาจจะเห็นว่าเป็นเรื่องเล็ก เสียเวลาทำไม ในฐานะผู้ปฏิบัติเราเล็งเห็นการแก้ไขปัญหายาเสพติด…เราก็บอกว่า เวลาที่มีการต่อสู้กันเจ้าหน้าที่บาดเจ็บไม่มีการเสนอข่าวเลย ผมก็บอกว่าให้มีการเสนอข่าวแล้วถ้าบาดเจ็บ แล้วให้ขวัญกำลังใจเท่าไหร่ ขอร้องว่าต้องให้สัก 5 หมื่น และต้องมีการกวาดล้างครั้งใหญ่” นายกรัฐมนตรี กล่าว



นายกรัฐมนตรี ยังเล่าถึงการไป กอ.รมน. ที่หลายท่านอยากให้ยุบ แต่ตนยังเห็นศักยภาพในการพัฒนาประเทศได้อีกเยอะ สามารถช่วยเหลือประชาชนในช่วงน้ำท่วม กันที่ดินทหารมาให้ประชาชนทำกิน ซึ่งในการทำงานร่วมกันกับฝ่ายปกครอง



หนี้นอกระบบก็เป็นปัญหาเศรษฐกิจอีกอย่างหนึ่ง ก็มีการร่วมกับฝ่ายปกครอง โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กับนายกิติรัตน์ ณ ระนอง ในฐานะประธานที่ปรึกษา ก็ทำงานไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย ให้หนี้นอกระบบหมดไป เพราะหากมีหนี้นอกระบบ ก็ไม่มีแรงทำงานและไปหวังพึ่งยาเสพติด “เราแพ้อินโดนีเซีย แพ้เวียดนามมาโดยตลอดแต่ตอนนี้เรากำลังจะขึ้นมา เพราะรัฐบาลนี้ให้ความสนใจ และบินไปเจรจาการค้าเพื่อจะให้มีการลงทุนต่างประเทศเข้ามาเป็นรูปธรรม แต่อย่างไรก็ดีเพิ่ง 10 เดือน ทุกท่านทราบดีว่าจะให้ลงทุนเป็นแสนล้าน ต้องใช้เวลานานเท่าไหร่ กว่าเขาตัดสินใจลงทุนในประเทศ แต่ก็มีการพัฒนาขั้นตอนต่างๆ ไปในทางที่ดี” นายกรัฐมนตรี กล่าว



นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า เรื่องการเกษตรก็เป็นสิ่งสำคัญแม้จะไม่เป็นอุตสาหกรรมที่เซ็กซี่ แต่พี่น้องหลาย 10 ล้านคน ยังต้องพึ่งการเกษตรอยู่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ก็ลงพื้นที่ไปทำงานอย่างหนัก ไม่ว่าจะเป็นการผลักดันโครงการปุ๋ยคนละครึ่ง การเปิดตลาดค้าขาย ทำให้รายได้เพิ่มขึ้นภายใน 4 ปี นอกจากนี้ประเทศไทยยังมีความพร้อมในการผลักดันสินค้าฮาลาล



นายกรัฐมนตรีทิ้งท้ายตอบคำถามที่ 2 ว่า เราเองก็อยากเป็นสวิตเซอร์แลนด์ของเอเชีย พยายามไม่ทะเลาะกับใคร อยากให้มั่นใจว่าประเทศไทยเป็นมิตรกับทุกคนและสามารถส่งผ่านสินค้าออกไปได้



ต่อมานางสาวศิริกัญญา ตั้งคำถามที่3 ระบุว่านายกรัฐมนตรีไม่ได้ลุกขึ้นมาตอบคำถามที่ตนเองถาม ก็เท่ากับเป็นการยืนยันว่าไม่มีมาตรการช่วยพยุงค่าครองชีพ และไม่มีมาตรการเกี่ยวกับโรงงานปิดกิจการและ SMS ล้ม ให้กับประชาชนในระยะสั้น เพราะจากการที่นายกรัฐมนตรีตอบ วิเคราะห์ปัญหาถูกวินิจฉัยโรคถูกแต่ทางออกยังมืดแปดด้านและไม่เห็นเป็นรูปธรรม โดยที่ไม่ต้องรอดิจิทัลวอลเล็ตหรือรอนักลงทุนเข้ามาลงทุน ว่าจะแก้ปัญหาอย่างไรหากงบไม่พอที่จะเอาไปใช้ในการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในเวลานี้ หรือรัฐบาลอาจสร้างแรงจูงใจให้กับท้องถิ่น เอาเงินสะสมของตนเองมาใช้เป็นเงินลงทุนขนาดเล็กในชุมชนเพื่อให้เกิดการจ้างงานในต่างจังหวัด และเศรษฐกิจจะกระชุ่มกระชวย กระปรี้กระเปร่าขึ้นมาบ้าง เพราะเงินสะสมเหล่านี้มีอยู่จริงไม่ต่ำกว่า 20,000 ล้านบาท หากรัฐบาลออกครึ่งหนึ่ง ท้องถิ่นออกอีกครึ่งหนึ่ง ก็จะช่วยแก้ปัญหาเศรษฐกิจฐานรากที่มีชีวิตชีวาขึ้นมาได้ โดยไม่ต้องรอดิจิทัลวอลเล็ตออกมา



พร้อมสอบถามกรณีการเพิ่มสัดส่วนต่างชาติซื้อ อสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย ที่นายกฯ เป็นต้นคิดและสั่งการกระทรวงมหาดไทยให้เร่งรัดดำเนินการ ซึ่งมาตรการนี้มีผลกระทบในเชิงลบค่อนข้างมาก ทำให้ราคาอสังหาริมทรัพย์สูงขึ้น ประชาชนที่ไม่มีบ้านได้รับผลกระทบ เพราะไม่มีเงินที่จะซื้ออสังหาริมทรัพย์ เพราะเป็นของต่างชาติและอาจจะต้องไปเช่าบ้านของต่างชาติด้วย แล้วสุดท้ายคนไทยได้อะไรจากมาตรการนี้ สัดส่วนที่เกิดผลต่อเศรษฐกิจคืออะไร



ด้านนายกรัฐมนตรี ขอชี้แจงว่า แล้วเรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจเรายังทำอย่างต่อเนื่อง บางอย่างไม่ต้องใช้งบประมาณก็ได้ ใช้นโยบาย ใช้การมุ่งมั่น ใช้การประสานงานก็ได้ ส่วนมาตรการขยายเวลาเช่า 99 ปี มันเป็นการเชื่อมต่อกับหลายอย่าง เป็นการเรียกร้องจากฝ่ายต่างประเทศที่อยากให้เพิ่มเวลาเช่าทรัพย์อิงสิทธิ์



“คงไม่ได้เป็นเรื่องการขายชาติหรอกครับ เป็นการให้ศึกษาว่าเหมาะสมหรือเปล่า ขอฝากไว้ว่าต่อไปต้องมาดูกันว่าถ้าเกิดทำแล้วจะส่งผลระยะยาวให้กับโครงสร้างเศรษฐกิจไทยก่อให้เกิดการลงทุนระหว่างประเทศสูงขึ้นหรือไม่ขอยืนยันนะครับว่า ต้องมีการศึกษาและตั้งใจให้ซื่อสัตย์สุจริต ปราศจากเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนทุกประการ ไม่ได้มีการกดดันใครทั้งสิ้น ยืนยันว่ารัฐบาลนี้ ภายใต้การนำของผม จะวิ่งสู้เพื่ออนาคต และพรรคร่วมทุกพรรคในรัฐบาลเราก็จะช่วยวิ่งสู้ต่อไป เพื่อปัจจุบันที่ดีกว่า จะต้องสู้กับแรงค้านที่ไร้อนาคตครับ ขอบคุณครับ” นายกรัฐมนตรี กล่าว



ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อนายกรัฐมนตรีพูดจบที่ประโยคแรงค้านไร้อนาคต นางสาวศิริกัญญา ได้ทำสีหน้าตกใจ จนออกอาการเหวอขึ้น

คุณอาจสนใจ

Related News