เลือกตั้งและการเมือง
'จุรินทร์' อัดงบ 68 'ลูกเป็ดขี้เหร่' กู้เละชนเพดาน 'ดนุพร' ย้อนเป็นตั้งแต่รบ.ที่แล้ว ซัดแรง 'ยุบพรรค' เจ๊งของจริง
โดย petchpawee_k
20 มิ.ย. 2567
38 views
จุรินทร์ เปรียบงบ 68 เหมือนเป็ดขี้เหร่ ยก ระดับ เศรษฐา จากนักกู้ถุงเท้าสีชมพู เป็นนักกู้ผ้าขาวม้าพันคอ ซัด นโยบายดิจิทัลวอลเล็ตจากเรือธงกลายเป็นเรือเกลือ เหตุไม่มีงบสักบาท
วานนี้ (19 มิ.ย. 67) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ลุกขึ้นอภิปรายงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 วาระแรก ว่า นายกรัฐมนตรี จะทำ4 เพิ่ม 1 ลด คือเพิ่มรายได้ให้กับประเทศ ลดขาดดุลงบประมาณเป็นต้น แต่พอเปิดตัวเลขลงไปกลายเป็นตัวละครคนละซีรี่ย์ เหมือนเห็นสภาเป็นศาลาโกหก ถ้าดูลึกลงไปยิ่งกว่านั้น รายละเอียดก็ไม่ได้งดงาม อย่างที่นายกอภิปรายต่อสภาเมื่อเช้า พบความขี้เหร่อยู่มากมายขอยกตัวอย่าง 5 ประเด็น คือ
1. ขี้เหร่เรื่องรายได้ ถ้ารายได้น้อยรายจ่ายสูงงบก็ขาดดุล สุดท้ายก็ต้องไปกู้มาเพื่อชดเชยการขาดดุล รายได้น้อยรายจ่ายมากก็จะทำประเทศเป็นหนี้มากบางประเทศล้มละลาย ไปต่อไม่ได้ รายได้จึงเป็นปัจจัยที่สำคัญอย่างยิ่ง นายกฯบอกจะทำรายได้เพิ่ม ซึ่งคงหมายถึงรายได้สุทธิ คิดเป็น 80.1% ของบประมาณทั้งหมด ปีนี้เหลือแค่ 76.9% วงเงินงบประมาณ ไม่ตรงกับที่นายกสัญญากับสภาไว้ ปีนี้รัฐบาล 7 เดือน - 67 เริ่มตั้งแต่ตุลาคมปีที่ผ่านมาจนถึงเมษายนปีนี้ ปรากฏว่ายังเก็บรายได้ต่ำกว่าเป้า 3.9 หมื่นล้านบาท สะท้อนให้เห็นว่าเป็นงบขี้เหร่
2. นายกสัญญาว่าจะลดการขาดดุลในปี 2568แต่เมื่อไปดูนอกจากไม่ลดแล้วยังเพิ่มการขาดดุลมหาศาล เพิ่มขึ้น 24.9% วงเงิน 8,65,700 ล้านบาท จาก 693,000 ล้านบาท นายกรัฐมนตรีอาจจะอ้างว่าขาดดุลเพราะเอาไปทำดิจิทัล แต่ดิจิทัลแค่ 1.5 แสนล้านบาท แต่ขาดุล 1.7 แสนล้านบาท เอาไปลบก็ยังขาดดุลเพิ่ม 20,000 ล้านบาท และขี้เหร่ที่สุดงบปี 68 ปีนี้ขาดดุลมากที่สุดในประวัติศาสตร์ ขาดดุลมากถึง 4.42% ของ GDP ทั่วประเทศ เหลืออีกแค่ 40 ล้านบาทชนเพดาน หัวแบะ ถ้ารัฐบาลชุดนี้อยู่ครบ 4 ปี ถ้าจะจัดงบขาดดุลตลอดอายุรัฐบาลนี้จะส่งผลให้ หนี้สาธารณะ เพิ่มขึ้นตลอด 4 ปี ที่อยู่ในอายุของรัฐบาล และเพิ่มขึ้นทุกปี ดูจากแผนการคลัง ระยะปานกลางถึงปี 71 ที่ครม. เพิ่งมีมติไป ปี 67 หนี้สาธารณะ 65% นี่คือภาระที่จะเกิดกับประเทศ
ส่วนขี้เหร่ที่ 3 คือเรื่องเงินกู้ 2 ปี 67-68 รัฐบาลชุดนี้ต้องกู้มาชดเชยขาด รวม 1.5 ล้าน ยังไม่รวมกู้มาแจก เพียงแต่ว่าใน 1.5 ล้านล้านบาท กู้มาแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ตใส่ในงบ 68 จำนวน1.5 แสนล้านบาท เหลือเงินที่ต้องกู้มาแจกให้ครบ 500,000 ล้านบาท เพื่อครบที่เหลืออีก 3.4 ล้านล้านบาท รวมกับงบขาดดุล 2 ปี 67 และปี 68 สุดท้ายรัฐบาลจะก่อหนี้ 1.9 ล้านล้านบาท รวมบริหาร 2 ปีกู้เกือบ 2 ล้านล้านบาท
ขี้เหร่ที่ 4 คือตั้งตัวเลข GDP สูงเกินจริง เพราะงบปี 68 ปี 67 ท่านตั้ง GDP ไว้ 5.4 ตอนนี้สารภาพบาปแล้ว มาดูในเอกสารงบปี 68 ปรากฏว่าลดจาก 5.4 เหลือ 4.1% แต่ทุกสำนักบอกว่า GDP + ได้แค่ 2.5% เพราะฉะนั้น GDP 4.1 น่าจะเป็นการประมาณการที่เกินจริง สุดท้าย GDP ปี 68 ที่บอกว่าจะโต 4.9% ก็เลยกลายเป็น GDP ฟองสบู่ แม้แต่สภาพัฒน์ฯที่เป็นหน่วยงานกลาง ในการประเมิน GDP ก็บอกว่าโตประมาณ 3%
ขี้เหร่ที่ 5 เรื่อง ดิจิทัลวอลเล็ต จากนโยบายเรือธงวันนี้กลายเป็นนโยบายเรือ สัญญาจะทำทันที นี่เวลาล่วงเลยมาเท่าไหร่ ตนทวงถามแทนประชาชนทุกครั้ง เพราะตั้งหลักว่าเมื่อพรรคการเมืองไปสัญญากับประชาชน ต้องมีความรับผิดชอบ ล่าสุดรัฐบาลแถลงเรื่องดิจิทัลวอลเล็ต 3 ข้อ คือแจกแน่นอนในไตรมาส 4 วันที่ 1 ตุลาคม 2567 เป็นต้นไป
2. เวลาแจกจะไม่แบ่งป้อนแจก แต่จะแจกรวดเดียว 5 แสนล้านบาท แปลว่า หากไม่ได้เงินครบ 500,000 ล้าน ก็จะยังไม่แจกใช่หรือไม่ 3. เงิน 500,000 ล้านบาทมาจาก 3 แหล่งสำคัญ คือเอามาจากงบ 68 ที่จะมาขออยู่นี้ 152,700 ล้านบาท และ 2. จะเอามาจากงบปี 67 พี่สภาได้อนุมัติไปแล้ว อีก 170,000 ล้านบาท 3.จะไปเอาจากธ.ก.ส หรือพูดง่ายๆคือการไปกู้ธ.ก.ส. ซึ่งรัฐบาลพยายามบอกว่าไม่กู้ แต่คู่กับยิมก็คำเดียวกันล่ะครับ 1.7 แสนล้านบาท รวม 3 ก้อน เป็น 5 แสนล้านบาท คำถามคือ จนถึงวันนี้รัฐบาลไม่มีเงินสักบาทเดียวถูกต้องหรือไม่ เพราะงบฯ 68 ยังต้องรอผ่านสภา งบฯ 67 ยังไม่ได้ขอ ที่จะรอออกพ.ร.บงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม ธ.ก.ส ก็ยังไม่ได้ยืมสักบาท นี่คือข้อเท็จจริง
นายจุรินทร์ ยังกล่าวได้ว่าเงินกู้ ธกส 1.7 แสนล้านบาทนักวิชาการ เศรษฐศาสตร์และนักกฎหมายยืนยัน ว่าเอามาแจกไม่ได้ เพราะหมิ่นเหม่ผิดกฎหมาย เงินธ.ก.ส.มีไว้ดูแลเกษตรกร จะเอามาให้รัฐบาลกู้มาแจก เหวี่ยงแหแบบเฮลิคอปเตอร์มันนี่มันทำไม่ได้ วันนี้รัฐบาลยังไม่ได้พิสูจน์ความจริงว่าทำได้หรือไม่ได้ เพราะยังไม่ได้ถามกฤษฎีกา ว่าที่จะไปกู้เงินจาก ธ.ก.ส.มาใช้ได้หรือไม่ รัฐบาลมีเวลาผ่านมาหลายเดือนแล้ว แต่รัฐบาลไม่ถาม กลับมาขอในงบ 68 เหมือนเอาหน้ามาทำหลังเอาหลังมาทำหน้า ตั้งใจมาลักไก่กับสภาฯ ต่อหน้าประชาชน
แล้วถ้าสภาอนุมัติวันนี้ แล้วไปถามกฤษฎีกาภายหลัง ว่าเงินก้อนนี้ใช้ไม่ได้ จะทำอย่างไร ที่สภาจะอนุมัติก็เป็นหมัน สุดท้ายก็กู้มาแจกไม่ได้ เป็นสิ่งที่ตนขออนุญาตตำหนิรัฐบาล ตนจึงบอกมาตลอดว่าสุดท้ายจะถึงวันนี้ ดิจิทัลวอลเล็ต อนาคตเหมือนแขวนอยู่บนเส้นด้าย ที่รัฐบาลบอกแจกแน่ 1 ตุลาคม พี่อภิปรายมาทั้งหมดเพื่อ ชี้ให้เห็น ว่างงบ 68 เหมือนงบเป็ดขี้เหร่ หลอกสภาทำสัดส่วนรายได้สุทธิน้อยกว่าเดิม ทั้งทำงบขาดดุลมากสุดในประวัติศาสตร์ และจะกู้มากขึ้น พอหมดอายุรัฐบาลและวาดฝัน GDP ฟองสบู่ ขอเงินเป็นแสนล้าน โดยไม่ถามกฤษฎีกาสักคำ ว่าทำได้หรือไม่ ที่สำคัญรัฐบาล 2 ปี งบประมาณ 673.48 ล้านล้านบาท กำลังขอ 3.75 ล้านล้านบาท ผลงานมันไม่ประทับใจจ๊อดเลยครับ ผลสัมฤทธิ์ที่ออกมาสวนทางกับประเทศ ที่ขอไปทั้งการเมืองเศรษฐกิจ สังคม ผลงานไม่ได้เป็นที่พอใจ ไม่ใช่นายจุรินทร์ แต่ประชาชนตอบมาแล้ว เห็นได้จากนิด้าโผล
" ท่านนายกคงรู้สึกแสลง ตนไม่ได้เชื่อ โพลใดโพลหนึ่งเสมอไป แต่อย่างน้อยมันสะท้อนกระจกบานหนึ่ง ว่าตลอดหลายเดือนที่ผ่านมาใช้เงินมหาศาล มีพอใจแค่ 32% ไม่พอใจ 66 % ต่างกันเท่าตัว แต่รัฐบาลอ้างโพลสำนักงานสถิติแห่งชาติ แต่ถ้ารัฐบาลไปดูรายละเอียด ของโพลสถิติแห่งชาติ จะพบความจริง คือคำถามสิ่งที่ประชาชนต้องการเร่งให้รัฐบาลแก้ไข"
-------------------------------
“บรู๊ค ดนุพร” ย้อนฝ่ายค้าน ถ้าศาล รธน. “ยุบพรรค” นี่แหละ “เจ๊งของจริง” เหน็บ “จุรินทร์” เห็นด้วย “งบเป็ดง่อย” แต่เป็ดง่อยตัวนี้มาจาก รบ.ที่แล้ว ปลอบใจไม่เป็นไร หมอไทยศัลยกรรมเก่ง รักษาเป็ดให้ไม่ขี้เหร่อีกต่อไป
ด้านนายดนุพร ปุณณกันต์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นอภิปรายสนับสนุนการจัดงบประมาณของรัฐบาล ว่าตนฟังนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายเมื่อสักครู่ ไม่ค่อยเกี่ยวข้องกับงบประมาณเท่าไหร่ ก่อนจะกล่าวว่า การจัดสรรงบประมาณแต่ละปีของภาครัฐนั้น เราต้องไปดูว่างบแต่ละส่วนนั้นควรจะใช้ในเรื่องอะไร พิจารณาจากปัญหาว่าประเทศเผชิญปัญหาอะไรบ้างต้ องได้รับการแก้ไขเร่งด่วนอย่างไร
นายดนุพร กล่าวต่อว่า ตนขอแยกเป็น 6 พันธนาการ 6 อย่างของประเทศ พันธนาการแรก ตลาดไทยโตช้ากว่าคู่แข่ง ตนเห็นด้วยกับนายจุรินทร์ที่อภิปรายว่างบประมาณปี 67 นั้นเหมือนเป็ดง่อย แต่นายจุรินทร์อาจจะลืมไปว่าเป็ดง่อยของนายจุรินทร์เกิดและเติบโตในรัฐบาลที่แล้ว เพียงแต่วันนี้รัฐบาลโดยการนำของนายเศรษฐา ทวีสิน พยายามจัดงบ เพื่อรักษาเป็ดน้อยตัวนี้ให้เดินขึ้นได้ แล้วไม่ต้องห่วง ถ้าเศรษฐกิจ ศัลยกรรมบ้านเราเก่ง เป็ดขี้เหร่ของนายจุรินทร์จะไม่ขี้เหร่อีกต่อไป
นายดนุพร ระบุว่า พันธนาการที่ 2 เป็นสังคมไร้ทางออก ที่ผ่านมาไทยเราไม่ได้ให้ความสำคัญกับโครงข่ายการรองรับทางสังคม ซึ่งเป็นระบบที่รัฐบาลต้องดูแลพี่น้องประชาชนในปัจจัย 4 ของชีวิต ให้ประชาชนได้รับสวัสดิการที่ดีเพียงพอต่อการดำรงชีพ เมื่อระบบไม่ดีประเทศจึงมีประชาชนจำนวนมากต้องเดือดร้อนจากสภาวะเศรษฐกิจที่โหดร้าย หากทำธุรกิจและพลาด ล้มแล้วคือตายทันที
พันธนาการที่ 3 เราไม่มีความพร้อมในการรับการเปลี่ยนแปลงหรือผลกระทบใหญ่ที่เกิดขึ้น เช่น โควิด-19 เรามีปัญหาในการจัดการผลกระทบ ไม่มีประสิทธิภาพในการรับมือ “ถุงมือยางก็ขาด หน้ากากอนามัยก็หายาก ใครดูแลครับ สมัยนั้นผมไม่ทราบ”
พันธนาการที่ 4 นายดนุพร กล่าวว่า เป็นกับดักความเคยชินและความหวาดกลัวในอดีต เป็นเรื่องความมั่นใจของนักลงทุน นอกจากวิกฤติต้มยำกุ้ง เราเผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจมาตั้งแต่ปี 2540-2560 เรามีทั้งวิกฤติการเมือง น้ำท่วม เหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นวนไปวนมาในประเทศไทย ทำให้พี่น้องประชาชนกลัวและไม่กล้าที่จะเริ่มลงทุนกับสิ่งใหม่ ซึ่งรัฐบาลจะต้องสร้างความมั่นใจให้กับภาคเอกชน
พันธนาการที่ 5 ประเทศเราแก้ปัญหาที่อยู่ตรงหน้าเพียงอย่างเดียว ขาดการวางแผนและบูรณาการของทุกภาคส่วนในระยะยาว
พันธนาการที่ 6 ความมั่นคงในชีวิตของประชาชนยังคงทรุดโทรม และยังคงเป็นภาระกิจใหญ่ของรัฐบาล เราไม่กล้าที่จะปฏิเสธเรื่องนี้ เราบอกว่าประเทศไทยเป็นเมืองสงบ แต่ถ้าดูตามข่าวมีการฆาตกรรมจี้ปล้นเต็มเมืองไปหมด
ดังนั้น คำตอบที่เราจะแก้ไขปัญหาเหล่านี้ รัฐบาลจึงได้นำเสนอ 142 นโยบาย และ Ignite Thailand ดำเนินนโยบายควบคู่กับพรรคเพื่อไทย เราควรเป็นผู้นำของตลาดโลกผ่านนโยบายตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้ ของพรรคเพื่อไทย การเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจดิจิทัลที่รัฐบาลเร่งดำเนินการเพื่อพัฒนาให้เป็นจริงที่สุด
นายดนุพร ยังกล่าวถึงนโยบายของรัฐบาลหลายนโยบาย เช่น วีซ่าฟรี การพัฒนาตลาดของไทย รวมไปถึงซอฟต์พาวเวอร์ ที่เชื่อว่าจะผลักดันให้เศรษฐกิจของประเทศไทยเติบโตไปได้ ซึ่งการแก้ไขปัญหาต้องได้รับการร่วมมือจากทุกภาคส่วน นายกรัฐมนตรีเดินทางไปต่างประเทศมากมาย เพื่อเชิญชวนให้คนมาลงทุนในประเทศไทย รวมถึงการทูตพาณิชย์เชิงรุก ที่มีการแลกเปลี่ยนการลงทุนเทคโนโลยีและการเมือง “ผมมองว่าการโรดโชว์ของท่านนายกฯเศรษฐานั้น เป็นวิธีที่เราหาทุกโอกาสและคว้าทุกโอกาสที่มีมาให้ประเทศไทยเพื่อให้ทุกฟันเฟือง ในประเทศเดินหน้าและทำงานได้อย่างเต็มที่ทำให้ประเทศไทยกลับมาสู่สายตาของชาวโลก”
นายดนุพร ยังกล่าวถึง นโยบายดิจิทัลวิลเล็ต ว่า เป็นมาตรการอัดฉีดเงินเข้าไปในระบบระยะสั้น เป็นการกระตุ้นตลาดให้สามารถขับเคลื่อนตัวเองได้มากขึ้น จากการคาดการณ์ผลลัพธ์ทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นอาจจะแตกต่างกันไปตามสำนัก แต่เมื่อพิจารณาอย่างถี่ถ้วน พรรคเพื่อไทยและรัฐบาลเราเชื่อว่าดิจิทัลวอลเล็ตจะกระตุ้นเศรษฐกิจขนานใหญ่และจะเป็นการเร่งกระบวนการยกระดับทางการเงินให้กับประเทศเรา การจ้างงานจะเพิ่มขึ้น “แน่นอน โครงการดิจิทัลวอลเล็ตอาจจะถูกท้วงติงจากฝ่ายค้านบ้าง นักวิชาการบางกลุ่มบ้าง ผมเรียนครับว่าดิจิทัลวอลเล็ตนั้น ไม่ใช่เรื่องที่ทำครั้งเดียวแล้วจบ แต่จะกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งระยะกลางและยาว”
นายดนุพร กล่าวทิ้งท้ายว่า ฝ่ายค้านได้ใช้วลีว่า “เจ๊งไม่ว่า เสียหน้าไม่ได้” ตนคิดว่าไม่จริง ประเทศไทยเจ๊งไม่ได้ รัฐบาลอาจจะยุบสภา นายกฯ อาจจะลาออก แต่ประเทศไทยเจ๊งไม่ได้ “ผมก็ลองไปดูครับ คำว่าเจ๊งในพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน เจ๊ง หมายถึงการเลิกกิจการแบบหมดทุน ประเทศไทยไม่มีหมดทุน ประเทศไทยเจ๊งไม่ได้ ต้องเดินต่อไป แม้กระทั่งยุบสภาฯ นายกฯ ก็ยังต้องอยู่รักษาการ แต่มีความหมายหนึ่ง คำว่าเจ๊ง หมายถึงคำว่าสิ้นสุด ถ้านึกไม่ออกผมยกตัวอย่างง่ายๆ ถ้าศาลรัฐธรรมนูญตัดสินให้ยุบพรรค นี่แหละครับสิ้นสุดหรือเจ๊งของจริง”
รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/MK0mMgMBVzw