เลือกตั้งและการเมือง

'พิธา' เปิด 9 ข้อต่อสู้ คดียุบก้าวไกล ชี้ไม่ควรถึงขั้นยุบพรรค

โดย nattachat_c

10 มิ.ย. 2567

27 views

วานนี้ 9 มิ.ย. 67 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกลแถลงข้อต่อสู้คดียุบพรรคก้าวไกล โดยเปิดเผยว่า พรรคก้าวไกล มี 9 ข้อต่อสู้ แบ่งเป็นสัดส่วน คือ เขตอำนาจและกระบวนการ / ข้อเท็จจริง /และสัดส่วนโทษ ซึ่งการแถลงวันนี้จะเน้นข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายในคดี ซึ่งสอดคล้องกับสิ่งที่เป็นข้อกังวลของศาลรัฐธรรมนูญ


1. ศาลรัฐธรรมนูญไม่มีเขตอำนาจวินิจฉัยพิจารณาคดีนี้

2. กระบวนการยื่นคำร้องของกกต.ไม่ชอบด้วยกฎหมาย

3. คำวินิจฉัยคดี 3/67 หรือ คดีวันที่ 31 มกราคม (คดีล้มล้างการปกครอง) ไม่ผูกพันต่อการวินิจฉัยคดีคดีนี้

4. การกระทำที่ถูกกล่าวหาไม่ล้มล้างไม่อาจเป็นปฏิปักษ์

5. การกระทำตามคำวินิจฉัยของคดี 31 มกราคม ไม่เป็นมติของพรรคไม่ใช่เรื่องนิติบุคคล

6. โทษยุบพรรคต้องเป็นมาตรการสุดท้ายเมื่อจำเป็นฉุกเฉินฉับพลันและไม่มีทางแก้ไขในระบอบประชาธิปไตย

7. ศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจตัดสินกรรมการบริหารพรรค

8. จำนวนปีในการตัดสิทธิ์ทางการเมืองต้องได้สัดส่วนกับความผิด

9. การพิจารณาโทษต้องสอดคล้องกับคณะกรรมการบริหารพรรคในช่วงที่ถูกกล่าวหา


นายพิธา กล่าวว่า ศาลรัฐธรรมนูญไม่มีเขตอำนาจในการพิจารณาเรื่องนี้ เพราะอำนาจเฉพาะของศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจพิจารณาวินิจฉัยเกี่ยวกับกฎหมาย และร่างกฎหมาย หน้าที่มีอำนาจของสภาผู้แทนราษฎรวุฒิสภา และองค์กรอิสระ รวมถึงหน้าที่ และอำนาจอื่นที่ บรรจุไว้ในรัฐธรรมนูญ ซึ่งตน และทีมงานศึกษามีอำนาจข้อไหนที่มีการพิจารณายุบพรรคการเมือง


ส่วนใน พรป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ ระบุไว้ชัดเจนว่า เป็นวิธีการ ไม่ใช่บอกเกิดอำนาจ เป็นคนละเรื่องกัน


ขณะที่กระบวนการยื่นคำร้องของ กกต.ก็ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะไม่มีโอกาสให้ผู้ถูกร้องคือพรรคก้าวไกล ได้รับทราบโต้แย้ง หรือแสดงพยานหลักฐานแต่อย่างใด ซึ่งการยื่นคำร้องขัดต่อระเบียบที่ กกต. ตราขึ้นเอง


ทั้งนี้ คำวินิจฉัยเมื่อวันที่ 31 มกราคม ไม่ผูกพันกับคดีพิจารณายุบพรรคก้าวไกล และการพิจารณาโทษควรมี ความเข้มข้นต่างกัน เป็นข้อหาที่ต่างกันอย่างชัดเจน และจำเป็นต้องพิจารณาข้อเท็จจริงคดีนี้ใหม่ทั้งหมด เพราะ ครั้งก่อนเมื่อวันที่ 31 มกราคม 2567 คำวินิจฉัยคือนายพิธา และพรรคก้าวไกล ใช้สิทธิและเสรีภาพ 'เพื่อ' ล้มล้างการปกครอง แต่ ใน พ.ร.ป.พรรคการเมือง ตามมาตรา 92 เป็นการกระทำเลย ไม่มีคำเชื่อม แสดงว่าต้องเป็นการกระทำที่เกิดขึ้นแล้ว ไม่ใช่สิ่งที่เผื่อ หรือคาดการณ์ในอนาคต แตกต่างกันชัดเจน


และในคดี เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2567 ยังไม่มีคำวินิจฉัยว่าเป็นปฏิปักษ์หรือไม่ เพียงคดีก่อนกับคดีนี้เป็นคนละข้อหากันชัดเจน โดยเฉพาะคำวินิจฉัย ว่า หากปล่อยให้ผู้ถูกร้องกระทำการต่อไป หาก คือ “if” คือ ยังไม่เกิดขึ้น หรือ อาจเป็นเหตุให้ถึงหรือเป็นเหตุให้เกิด แปลว่ายังไม่ถึง ยังไม่เกิดขึ้น จึงชัดเจนว่าเป็นเพียงคำตักเตือน


ส่วนที่มองว่า โทษยุบพรรคต้องเป็นมาตรการสุดท้ายนั้น การยุบพรรคสามารถเกิดขึ้นได้ แต่ต้องถูกใช้อย่างระมัดระวัง และเป็นมาตรการสุดท้าย เมื่อไม่มีทางเลือกอื่นเท่านั้น


ที่ผ่านมาพรรคก้าวไกลถูกร้องทั้งเรื่อง การบรรจุเรื่องการแก้ไข ม.112 ในนโยบายหาเสียง / การแสดงออกความคิดเห็นในพื้นที่สาธารณะ / คนของพรรคเป็นนายประกัน หรือเป็นผู้ต้องหาในคดี ม. 112 ยึดหลักสันนิษฐานไว้ก่อนว่า เป็นผู้บริสุทธิ์ และ กกต. ก็ยกคำร้องของพรรคก้าวไกลมาโดยตลอด และไม่มีความจำเป็นฉุกเฉิน ที่ กกต. ต้องส่งหนังสือเตือน


ส่วนข้อที่เป็นข้อกล่าวหานั้น สภาฯยังสามารถแก้ไขได้ เพราะร่างแก้ไขมาตรา 112 ของพรรคก้าวไกล ยังไม่ได้เข้าสู่ที่ประชุมสภา และถึงแม้จะสามารถนำเข้าสู่สภา ได้ ก็ยังสามารถยับยั้งได้ด้วยระบบนิติบัญญัติ เป็นความผิดที่เกิดขึ้นแล้ว ขณะเดียวกันศาลรัฐธรรมนูญก็สามารถตรวจสอบความชอบด้วยรัฐธรรมนูญทั้งก่อน หรือหลังประกาศใช้กฎหมายได้


ส่วนมั่นใจ หรือไม่ว่า 44 สส. ที่ร่วมลงชื่อ จะไม่ถูกพิจารณาตัดสิทธิ์ไปด้วยทั้งหมด นายพิธา ยืนยันมั่นใจในทั้ง 9 ข้อต่อสู้ และเชื่อเจตนา และการกระทำของ สส. แก้กฎหมายในฐานะ สส. ไม่ได้เป็นการล้มล้าง และไม่อาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครอง รวมถึงการเป็นนายประกัน เพราะสันนิษฐานว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ไว้ก่อน การที่มีผู้ต้องหาตามมาตรา 112 เป็นสมาชิกพรรค เป็น สส. ก็ยังไม่สิ้นสุดคดี รวมถึงการแสดงออกแก้ไขที่เกี่ยวกับมาตรา 112 ก็เป็นการกระทำโดยทั่วไป


ทั้งนี้ การกระทำทั้งหมดที่เป็นรายบุคคลที่ถูกขยุมรวมกันเป็นข้อกล่าวหา ซึ่งไม่ได้เป็นมติพรรค และนิติบุคคล เป็นเรื่องปัจเจกบุคคล หรือมีมติจากกรรมการบริหารพรรค


เมื่อถามความชัดเจนถึงเรื่องการตัดสิทธิ์กรรมการบริหารพรรคตามคำร้อง ของ กกต. นายพิธา ระบุว่า ตามคำร้องของ กกต. ตัดสิทธิ์ ทั้ง 3 ชุด ชุดที่หนึ่ง กรรมการบริหารพรรคชุดที่ 1 / ชุดที่ 2 คือชุดที่ตัวเองลาออก และชุดที่ 3 คือ ชุดที่เติมสัดส่วนกรรมการบริหารภาคเหนือเข้ามา แต่ตัวเองมองว่าสัดส่วนของโทษควรจะสอดคล้องกับสัดส่วนของเวลา เพราะ กรรมการบริหารพรรคชุดที่ 3 เกิดขึ้นเพียงไม่เกิน 6 เดือนที่ผ่านมา ดังนั้น ไม่ควรลากเข้ามา


มันก็จะเป็นการยุบ 2 พรรคใน 5 ปี และเป็นการยุบ 5 ครั้ง ในรอบ 20 ปี ตนไม่กล้าที่จะเดา หรือคิด มันจะเกิดผลกระทบอะไรกับเมืองไทย หรือการเมืองไทย


บางทีทั้งเศรษฐกิจการเมืองไทย และสังคมเปราะบางอย่างนี้ ก็ไม่อยากให้ไปถึงจุดนั้น และถ้ามันไม่รุนแรง ร้ายแรงถึงที่สุด ผมคิดว่าที่สุดคือ การเตือนว่าให้หยุดการกระทำ น่าจะเพียงพอแล้ว ไม่จำเป็นต้องตัดสิทธิ์ทางการเมือง ซึ่งอาจไปถึงนักการเมือง 44 คน ที่มีเจตนาดี อาจจะไม่สมบูรณ์แบบทุกคน แต่ถือว่าเป็นทรัพยากรทางการเมือง ทำผิดบ้างถูกบ้าง และ ถือเป็นเลือดใหม่ทางการเมือง เพราะทั้งหมดมีประสบการณ์มาไม่ถึง 5 ปี”


นายพิธา ยังกล่าวด้วยว่า ตอนนี้ พรรคเดินหน้าเรื่องการต่อสู้คดี แต่ก็ยอมรับมีแผนสำรอง และคิดว่าหากมีการยุบพรรคจริง สส.ทั้งหมดจะไม่แตกแถว เพราะเรามีความเป็นเอกภาพ และมีความเป็นปึกแผ่น


และจากประสบการณ์การเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา การเป็นงูเห่าคือการฆ่าตัวตายทางการเมืองแบบร้อยเปอร์เซนต์ ไม่มีโอกาสกลับมา สส.ได้เลย และครั้งนี้ประชาชนร่วมตรวจสอบด้วย ดังนั้น เรื่องนี้ตัวเองจึงไม่ประมาท และไม่กังวล เพราะมีบทเรียนทั้งภายนอก และภายใน


ขณะเดียวกัน เราต้องรับฟัง แต่ยังไม่เชื่อข้อมูล คลิปวิดีโอที่เข้ามาหาตัวเองต้องมีการพูดคุย และตรวจสอบก่อน เพราะตนไม่ได้ไร้เดียงสาว่ามีพรรคการเมืองพยายามดึง สส. พรรคก้าวไกลไปร่วมเพื่อต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรี เรื่องพวกนี้ตัวเองรู้ทัน แต่ก็ยังมั่นใจในตัว สส.ของพรรคก้าวไกล ไม่ได้หูเบา เห็นแล้วมีอคติ


อย่างไรก็ตาม หวังว่าศาลจะเปิดให้ไต่สวน​คดี ถ้าศาลเปิดให้มีการไต่สวน เราก็เตรียมพยานไว้มากกว่า 10 คน ซึ่งหากมีกระบวนการไต่สวน ก็คิดว่าคดีนี้ยังต่อสู้กันอีกยาว

----------------
วานนี้ (9 มิ.ย. 67) นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า กล่าวถึงกรณีที่พรรคก้าวไกลอาจถูกยุบ โดยมั่นใจว่าการทำงานของ สส.น่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากประชาชน ซึ่งพยายามอธิบายอุดมการณ์และนโยบายให้ประชาชนเข้าใจถึงความมุ่งมั่นที่จะสร้างสรรค์ประเทศไทยให้ดีมากที่สุดในช่วงเวลาที่มีอยู่ เพื่อโอกาสในการเลือกตั้งครั้งหน้า ไม่ว่าจะยุบหรือไม่เชื่อว่าจะได้รับความไว้วางใจจากประชาชนมากขึ้น


ทั้งนี้ กรณีที่พรรคเพื่อไทยอาจเขี่ยบางพรรคออกเอาบางพรรคเข้ามา ชวน สส.ก้าวไกลไปอยู่ด้วย ส่วนตัวได้คุยกับเพื่อน สส.ที่โทรมาเล่าให้ฟัง มองว่า กลุ่มคนที่ทำอย่างนั้นไม่มีความปรารถนาดีกับประชาธิปไตยไทย สส.พรรคก้าวไกลต่างหนักแน่นพอ มั่นใจในคุณภาพของ สส.พรรคก้าวไกล

-----------------


รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/Rt1dl8PX6CU



คุณอาจสนใจ

Related News