เลือกตั้งและการเมือง
'วิษณุ' เปิดใจยอมช่วยงาน 'เศรษฐา' เผยบุกถึงบ้านชวนนั่งรองนายกฯ ลั่นไม่ติดใจเคยแซะไร้ยางอาย
31 พ.ค. 2567
107 views
วานนี้ (30 พ.ค. 67) นายเศรษฐา ทวีสิน ลงนานในคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี แต่งตั้ง นายวิษณุ เครืองาม เป็น 'ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรีด้านกฎหมายและระเบียบปฏิบัติราชการ'
โดยหนังสือระบุว่า เพื่อให้การบริหารราชการแผ่นดินและการขับเคลื่อนนโยบายสำคัญและเร่งด่วนของรัฐบาล เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งต้องอาศัยความเชี่ยวชาญเฉพาะทางเพื่อให้คำปรึกษา เสนอความเห็น และประสานความร่วมมือกับหน่วยราชการต่าง ๆ ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น จึงสมควรแต่งตั้ง นายวิษณุ เครืองาม เป็นที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรีด้านกฎหมายและระเบียบปฏิบัติราชการ เพื่อให้คำปรึกษาและพิจารณาเสนอความเห็นหรือข้อเสนอแนะต่างๆ ในส่วนที่เกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ในฐานะที่ปรึกษาของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ตามที่นายกรัฐมนตรีมอบหมาย
โดยมีหน้าที่และอำนาจ ดังต่อไปนี้
1. ตรวจสอบและกลั่นกรองร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอต่อคณะรัฐมนตรี ร่วมกับหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง ตามที่นายกรัฐมนตรีมอบหมายหรือสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีร้องขอ
2. ให้คำปรึกษาและเสนอความเห็นทางกฎหมายแก่นายกรัฐมนตรีตามที่มอบหมาย
3. เชิญเจ้าหน้าที่ส่วนราชการ ผู้แทนหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมหรือให้ข้อมูลรายละเอียดหรือจัดทำเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงานได้ตามที่เห็นสมควร
4. ให้ข่าวสารในประเด็นที่เกี่ยวข้องเพื่อสร้างความเข้าใจต่อสาธารณชนได้ตามความจำเป็น ตามที่นายกรัฐมนตรีมอบหมาย
5. แต่งตั้งคณะทำงานหรืออนุกรรมการเพื่อช่วยเหลือการปฏิบัติงานได้ตามความจำเป็น
ทั้งนี้ ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานคณะกรรมการ ข้าราชการพลเรือน สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ และสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สนับสนุนการดำเนินการของที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรีด้านกฎหมายและระเบียบปฏิบัติราชการ และคณะทำงาน หรืออนุกรรมการ
สำหรับค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงานให้เป็นไปตามที่กระทรวงการคลังกำหนด โดยให้เบิกจ่ายจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี
-------------
วานนี้ (30 พ.ค. 67) นายวิษณุ เครืองาม อดีตรองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ครั้งแรก หลังนายกรัฐมนตรีเตรียมแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ว่า ตนไม่สามารถพูดอะไรได้มากกว่าที่นายกรัฐมนตรีพูดไปก่อนหน้านี้ แต่จะเล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า นายกรัฐมนตรีได้เดินทางมาพบตน เมื่อ 25 พ.ค. 2567 บอกให้ช่วยเป็นรองนายกรัฐมนตรี แต่ตนแจง 3 เหตุผล ในการปฏิเสธนายกรัฐมนตรี คือ
1. เรื่องสุขภาพ ที่เป็นทั้งโรคไต และโรคตา
2. ในช่วงเวลา 10 เดือน ที่พ้นจากตำแหน่ง ได้รับงานอื่นไว้จำนวนมาก หากต้องลาออก งานก็จะเสียงาน
3. มีปัญหาที่บ้านต้องจัดการหลายอย่าง
นายกรัฐมนตรี จึงเสนอให้เป็น 'ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี' ตนจึงตอบว่า ไม่อยากจะวุ่นวายกับการยื่นบัญชีทรัพย์สิน-หนี้สิน จึงถูกชวนอีกว่าให้มาเป็น งที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรีง โดยที่ไม่ต้องเป็นข้าราชการการเมือง ไม่ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สิน ไม่มีห้อง และรถประจำตำแหน่ง มีแค่เบี้ยประชุม เพื่อช่วยแก้ปัญหาให้รัฐบาล
ตนจึงถามกลับว่า รัฐบาลมีปัญหาอะไร นายกรัฐมนตรี รับว่า ที่ผ่านมา มีการถกเถียงระหว่างผู้ไม่รู้กับผู้ไม่รู้ หรือบางครั้งเป็น ครม.กับชาวบ้านนอก ครม. ดังนั้น เมื่อมีปัญหาอะไรจึงอยากปรึกษา
ตนจึงตอบรับว่า งั้นเป็นที่ปรึกษาสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี หรือ สลค. จะได้โลว์โปรไฟล์มาหน่อย และอาจจะช่วยดูวาระ ครม.ที่สำคัญ ๆ
นายกรัฐมนตรี จึงพูดว่า จากการพูดคุยกับหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาล เห็นตรงกันว่า อยากให้ นายวิษณุ ร่วมประชุม ครม.ด้วย เพื่อจะได้ทักท้วงได้ทันท่วงที ไม่ใช่มีมติไปแล้วจึงมาแก้ไข
ตนก็ท้วงไปอีกว่า ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี มีกฤษฎีกา และรัฐมนตรีหลายคน ก็เป็นนักกฎหมาย เช่น นายพีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน แต่ นายกรัฐมนตรี ตอบกลับว่า ในบางเรื่องอยากจะได้ผู้ที่เป็นกลาง เพราะหากนายพีระพันธ์ พูดอะไร ก็มีหัวโขนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานด้วย และหากทะเลาะข้ามกระทรวง แล้วใครจะฟัง
ตนจึงบอกว่า แล้วแต่ท่านนายกรัฐมนตรีไปจัดการ แต่หากหาผู้ที่มาเป็นรองนายกรัฐมนตรีได้แล้ว ตนขอบ๊ายบาย กลับไปทำงาน
ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำว่า ขณะนี้ ดำรงตำแหน่งอะไร นายวิษณุ ระบุว่า ตอนแรกจะเป็นที่ปรึกษาสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี แต่ติดปัญหาหลายอย่างเช่น การเบิกเบี้ยประชุม และไม่มีสิทธิ์ออกความเห็น ไปนั่งในที่ ประชุม ครม. จึงได้ยินว่า จะยกขึ้นเป็นตำแหน่ง 'ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี' ตนก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะอย่างไร ก็ไม่มีรถ และห้องประจำตำแหน่ง
ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า มีดีลในการเชิญมารับตำแหน่งในครั้งนี้ จากกลุ่มขั้วอำนาจเดิม นายวิษณุ ยืนยันว่า ไม่มีดีล ไม่เกี่ยวเลย พร้อมกับระบุว่า ช่วงนี้ไม่ได้มีการติดต่อกับ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ เพราะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ รวมไปถึงพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา องคมนตรี โดยเฉพาะพลเอกประยุทธ์ ท่านไม่ได้ติดต่ออะไรกับใครเพราะท่านไม่ยุ่งการเมืองอยู่แล้ว พลเอกประวิตร ก็ไม่รู้ แต่ได้ยินว่าท่านป่วย
ส่วนที่มีคนไปโยงว่าเกี่ยวข้องกับบิ๊ก ฉ. อดีตปลัดกระทรวง นายวิษณุ ย้อนถามว่า ปลัดฉิ่ง รู้จักแต่ไม่ได้มาดีลกับตน สื่อมวลชนจึงย้อนถามว่าแล้วใครดีล นายวิษณุ จึงระบุว่า คนดีลคือนายกรัฐมนตรี นายกฯเศรษฐา โทรศัพท์มาจากเมืองนอก จากอิตาลี หรือฝรั่งเศส ตนไม่แน่ใจ แต่ใครไปแนะนำท่านผมไม่รู้
เมื่อถามว่า มีการขุดกันในโซเชียล ว่า นายเศรษฐา ทวีสิน เคยรีทวิต พร้อมข้อความที่ระบุว่า "ไม่มียางอาย" จากการให้ความเห็นที่เกี่ยวกับการจัดตั้งรัฐบาล นายวิษณุ ย้อนถามคำถามว่า "ใครไม่มียางอาย ผมไม่รู้ และไม่ติดใจ อย่างที่ นายกทักษิณ เคยโพสต์ข้อความว่าตน และตอนนั้น ตนก็แลกกันไปคนละหมัดแล้ว"
ส่วนที่นายเศรษฐา ออกมาชี้แจงว่า ที่พูดไปคือว่าที่ความ ไม่ได้ว่าที่คน นายวิษณุ รับว่า อันนี้จริง ท่านก็พูดกับผม ก็พูดอย่างนั้น ท่านถึงว่า เราเอาความเป็นใหญ่ อย่าไปเอาคน และตนสนิทและรู้จักกับนายเศรษฐา อยู่ก่อนนานแล้ว ก่อนที่ท่านจะว่าอะไรที่คุณว่าด้วยซ้ำ
เมื่อถามว่า เหตุผลที่ใจอ่อน เพราะขณะนี้ ก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการตระบัดสัตย์ ว่า ก่อนหน้านี้จะไม่รับตำแหน่ง และกลับไปเลี้ยงหลาน นายวิษณุ ระบุว่า ตนก็ปฏิเสธ ไม่รับตำแหน่ง ถ้าตระบัดสัตย์ก็รับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีไปแล้ว ผมอุตส่าห์เขียนหนังสือเรื่องชีวิตที่เหมือนทรายกับทะเล วันหนึ่งทะเลก็คือการเมือง ก็ขึ้นมาซัดทรายอยู่เรื่อย ๆ ที่หมอดูเคยทายเอาไว้ ซึ่งวันนี้ก็มาถึงว่าให้เป็นรองนายกฯตนไม่เป็น และย้ำว่าถ้าใครมาชวน ตนก็เปิดสะดือให้ดู และก็เปิดจริง ๆ เมื่อเขาชวนเป็นรองนายกฯ แต่พอชวนเป็นที่ปรึกษา ซึ่งสถานที่ธรรมดา อาทิตย์หนึ่งทำงานที่บ้าน 6 วัน ใครมีเรื่องอะไรก็เอาแฟ้มมาให้ตนดูที่บ้าน ไม่ได้ลำบากลำบนอะไร ทุกวันนี้ สอนหนังสือเนติบัณฑิตเหนื่อยกว่าอีก
-------------------
รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/MMCRqN9D9rQ