เลือกตั้งและการเมือง

ทนายยัน 'ทักษิณ' ติดโควิดจริง พร้อมสู้คดี ม.112 มั่นใจหลักฐานตำรวจเป็นคลิปตัดต่อ

โดย nattachat_c

30 พ.ค. 2567

37 views

วานนี้ 29 พ.ค. 67 นายประยุทธ เพชรคุณ รองอธิบดีอัยการคดีพิเศษ ในฐานะโฆษกอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคมที่ผ่านมา อัยการสูงสุดมีความเห็นว่า สมควรสั่งฟ้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในทุกข้อกล่าวหา ได้แก่ มาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 จากกรณีที่ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนที่กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2558


เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามถึงเหตุผลของอัยการสูงสุดมีความเห็นควรสั่งฟ้องนาย ทักษิณ นายประยุทธ ระบุว่า ไม่สามารถเปิดเผยสาเหตุการสั่งฟ้องได้ เนื่องจากเป็นรายละเอียดทางคดี แต่หากยึดตามข้อกฎหมายแล้ว เหตุผลหลัก ๆ ก็คือมีพยานหลักฐานเพียงพอชัดเจนที่จะส่งฟ้องต่อศาลได้


ซึ่งตามกำหนดนาย ทักษิณ ต้องเดินทางมาฟังคำสั่งของพนักงานอัยการในวันนี้ (29 พ.ค. 67) แต่ทนายความของนายทักษิณ ได้ยื่นหนังสือขอเลื่อนการฟังคำสั่งของพนักงานอัยการออกไปเป็นวันที่ 25 มิถุนายน เวลา 9 โมง โดยให้เหตุผลว่า นายทักษิณติดเชื้อโควิด 19 พร้อมแนบใบรับรองแพทย์ ซึ่งแพทย์ให้ความเห็นว่า นายทักษิณควรพักสังเกตอาการเป็นเวลา 7 วัน นับตั้งแต่วันที่ 28 พฤษภาคม ถึงวันที่ 3 มิถุนายน ซึ่งทางพนักงานอัยการเห็นว่า เหตุผลที่ทนายความผู้รับมอบอำนาจยื่นแจ้งนั้นฟังขึ้น จึงสมควรอนุญาตให้เลื่อนนัดฟังคำสั่งฟ้อง และส่งตัวฟ้องต่อศาล เป็นวันที่ 18 มิถุนายนเวลา 9 โมง แต่ถ้าไม่มา และไม่มีเหตุผลที่เหมาะสม ก็ต้องออกหมายให้ตำรวจติดตามตัว

----------------
ด้านนายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความของนายทักษิณ กล่าวภายหลังรับทราบนัดคำสั่งเลื่อนว่า


ได้ทราบคำสั่งเเล้ว ก็ขอบคุณอัยการที่ให้เลื่อนวันมาพบ ที่ผ่านมา ได้สอบตามที่ได้ร้องขอความเป็นธรรม ผลคำสั่งฟ้อง เป็นเรื่องปกติของกระบวนการยุติธรรม การขอความเป็นธรรมมีหลายประเด็น ก่อนหน้านี้ไม่ได้เปิดเผย แต่หลังจากนี้น่าจะเปิดเผยได้


ทั้งนี้ ทีมทนายความได้ตั้งข้อสังเกต และพิรุธของพยานหลักฐาน และพยานบุคคล การรวบรวมพยานหลักฐานของพนักงานสอบสวน และการสั่งของอัยการสูงสุด ในสมัยนั้น ซึ่งเป็นช่วงการยึดอำนาจ (ปี 59) อยากให้สื่อไปตรวจสอบดูว่าเป็นอย่างไร ในฐานะผู้ต้องหาต้องดำเนินการต่อ


ในฐานะทนายความ เชื่อว่านายทักษิณพร้อมจะเข้าพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในกระบวนการยุติธรรม พิสูจน์สิ่งที่ท่านพูดว่า ท่านมีเจตนา หรือไม่มีเจตนาพาดพิงถึงสถาบันฯ เป็นหน้าที่ของฝ่ายจำเลยต้องหักล้างพยานหลักฐาน เพื่อทำให้เห็นว่า การสั่งฟ้องของอัยการสูงสุดไม่สมเหตุสมผลอย่างไร


นายวิญญัติ กล่าวอีกว่า ทีมทนายขอตั้งข้อสังเกตความสงสัยในพยานหลักฐานของพนักงานสอบสวนมีหลายประเด็น เช่น ประเด็นที่นำคลิปวิดีโอที่นำมากล่าวหา ไม่ใช่คลิปที่วิดีโอต้นฉบับ เเต่เป็นคลิปวิดีโอที่มีการตัดต่อ ต้องไปพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์


เเต่หากในอนาคตที่สู้คดีกันเเล้วพบว่าเป็นคลิปตัดต่อ ท่านต้องรับผิดชอบ มั่นใจได้ว่ามีการตรวจสอบพบว่า เป็นคลิปตัดต่อ ไม่ใช่ต้นฉบับ เเม้ไม่มีสิทธิ์จะไปวินิจฉัยชี้ขาด เเต่ถ้าสุดท้ายเเล้ว มีการตัดสินพิสูจน์ว่าเป็นคลิปตัดต่อ เเละเป็นเท็จ จะรับผิดชอบอย่างไร พนักงานสอบสวนได้เดินทางไปสอบสวนหาคลิปต้นฉบับที่ถูกต้องเเล้วหรือไม่


สำนักข่าวดังกล่าวปัจจุบันยังดำเนินกิจการอยู่ ขอถามว่าได้แสวงหาข้อเท็จจริงตรงนี้หรือไม่


“ข้อมูลที่มีการนำไปสู่การแจ้งความดำเนินคดีและสิ่งที่พนักงานสอบสวนใช้เป็นหลักฐานคือคลิปการให้สัมภาษณ์นั้น มีการตัดต่อไม่ใช่ต้นฉบับจริง และการนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ พนักงานสอบสวนต้องพิสูจน์ทราบให้ชัดเจนว่า ใครเป็นผู้ดำเนินการ ไม่ใช่มากล่าวหานายทักษิณแบบเลื่อนลอย


อีกประเด็นคือการสัมภาษณ์ของสื่อต่างประเทศ เกิดขึ้นนอกราชอาณาจักร มีการพิสูจน์ทราบว่าขั้นตอน และเนื้อหาทั้งหมดของการสัมภาษณ์เป็นอย่างไรหรือไม่ ที่สำคัญองค์ประกอบความผิด และเจตนาในการกระทำผิด นายทักษิณไม่มีเจตนาก้าวล่วง เพราะที่ผ่านมาตลอดชีวิตการทำงานพิสูจน์แล้วว่านายทักษิณมีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์มาโดยตลอด”

---------------------------

รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/8yzxaSuqqM4

คุณอาจสนใจ

Related News