เลือกตั้งและการเมือง

'ชัยธวัช' โอดการเมืองสามเส้า ศัตรูที่เคยขัดแย้งกัน จับมือรุมกินโต๊ะ 'ก้าวไกล'

โดย nattachat_c

27 พ.ค. 2567

27 views

วานนี้ (26 พ.ค. 67) ที่อุทยานการเรียนรู้ TK Park อำเภอเมือง จังหวัดยะลา นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล ร่วมกล่าวปาฐกถาในเวที 'Next Talk: อนาคต ความหวัง ความฝัน' ซึ่งเป็นเวทีที่รวมบุคคลในแวดวงต่าง ๆ ที่ทำงานเกี่ยวกับจังหวัดชายแดนใต้ ไม่ว่าจะเป็นด้านการศึกษา สังคม ธุรกิจ การพัฒนาเมือง และการเมือง มาร่วมแสดงวิสัยทัศน์เกี่ยวกับอนาคตของประเทศไทย


ในตอนหนึ่ง นายชัยธวัช กล่าวว่า การแบ่งขั้วเหลือง-แดง ที่ทางหนึ่งเป็นความขัดแย้งฝังลึก แต่อีกทางหนึ่งก็เป็นการเมืองของภาคประชาชนที่ขยายตัวอย่างกว้างขวาง แบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน คนจำนวนมากมีความกระตือรือร้นทางการเมือง ผูกพันกับการเมือง และเอาตัวเองเข้าไปเกี่ยวพันกับการต่อสู้เคลื่อนไหวทางการเมือง เพื่อที่จะให้แต่ละฝ่ายเข้าไปมีอำนาจรัฐ


เพียงแต่ว่า ฝ่ายหนึ่งเรียกร้องการเลือกตั้ง ส่วนอีกฝ่ายหนึ่งเรียกร้องการปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง แต่ความพยายามของชนชั้นนำเดิม ที่พยายามออกแบบระบบการเมืองใหม่มาแทนที่ฉันทามติปี 2540 ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ ทุกวันนี้ ไม่มีใครเชื่อว่ารัฐธรรมนูญ 2560 จะอยู่ไปตลอดกาล


ผลการเลือกตั้ง และการจัดตั้งรัฐบาลที่ผ่านมา เป็นปรากฏการณ์ที่แสดงให้เห็นชัด ว่า ชนชั้นนำทางการเมืองที่เคยขัดแย้งอยู่คนละฝั่งกันได้มองเห็นศัตรูตัวเดียวกัน ก็คือการเมืองแบบอนาคตใหม่-ก้าวไกล ที่อยู่ดีๆ ก็โผล่ออกมาเป็นแขกที่ไม่ได้รับเชิญ ทำให้เกิดการสร้างพันธมิตรขึ้นมาชั่วคราว โดยมีศัตรูร่วมกัน และมีวาระทางการเมืองที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับผู้ออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง นำไปสู่สภาวะการเมืองสามเส้า โดยสองเส้าก็คือชนชั้นนำทางการเมืองของทั้งสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งเคยเข้าสู่อำนาจโดยอาศัยความชอบธรรมจากการเลือกตั้ง อีกฝ่ายหนึ่งเคยเข้าสู่อำนาจโดยอาศัยวิถีทางนอกประชาธิปไตย และอีกฝ่ายหนึ่งเป็นพลังใหม่ที่ชนะการเลือกตั้งแต่ไม่ได้อำนาจ


นายชัยธวัช กล่าวต่อไปว่า สุดท้ายแล้วโจทย์ใหญ่ก็คือเรายังอยู่ในช่วงการเปลี่ยนผ่านครั้งใหญ่ การเมืองข้างบนกำลังปะทะกับการเมืองข้างล่างของประชาชน ที่กำลังสับสนอลหม่าน ในช่วงของการเปลี่ยนผ่านครั้งใหญ่ ที่ยังไม่สามารถหาฉันทามติได้ว่า ระบบการเมืองและกติกาแบบใด ที่พวกเราแม้จะเห็นไม่ตรงกัน มีความขัดแย้งกัน แต่ก็ยอมรับที่จะอยู่ร่วมกันได้ สามารถหาข้อยุติด้วยกระบวนการทางประชาธิปไตยที่ยอมรับร่วมกันได้ ผลัดกันแพ้ชนะ และขัดแย้งได้


ข้อดีของสถานการณ์ช่วงนี้คือ การเมืองมวลชนของประชาชนถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาและไม่สามารถทำให้กลับไปหลับได้อีกแล้ว ตั้งแต่สมัยการเมืองยุคเหลือง-แดงมาจนถึงปัจจุบัน และในการเลือกตั้งครั้งล่าสุดนี้ ผู้ที่เชื่อมั่นศรัทธาว่า เรามีความหวังที่จะเปลี่ยนแปลงประเทศผ่านการเลือกตั้งได้ถูกปลุกขึ้นมาแล้ว


“แม้จะยังไม่สำเร็จ แต่ก็มีปัจจัยบวกที่จะทำให้การเมืองของประชาชนที่มีเป้าหมายและเจตจำนงไม่เหมือนกับการเมืองของคนข้างบน สร้างพลังเข้าไปปะทะต่อรองในช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนผ่านนี้ได้ เข้าไปมีส่วนร่วมอย่างมีนัยสำคัญเพื่อกำหนดว่าหน้าตาของสังคมไทยในอนาคตอีกหลายทศวรรษจะเป็นอย่างไร และถ้าใครอยากจะมีส่วนร่วม เอาความฝันความหวังของตัวเองเข้าไปผลักดัน ก็ต้องเข้าไปทำตอนนี้เท่านั้น ไม่ใช่อีก 10 ปีข้างหน้า”

----------------


รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/7k49HUA08fc








คุณอาจสนใจ

Related News