เลือกตั้งและการเมือง
โพลพระปกเกล้าฯ ชี้ ‘ก้าวไกล’ ยังแรง มีสิทธิ์กวาด 208 ที่นั่ง – ‘บิ๊กตู่’ แซง ‘อุ๊งอิ๊ง’ อยากเห็นนั่งนายกฯ
โดย nattachat_c
27 พ.ค. 2567
129 views
วานนี้ (26 พ.ค. 67) สำนักนวัตกรรมเพื่อประชาธิปไตย สถาบันพระปกเกล้า ร่วมกับ สำนักส่งเสริมการเมืองภาคพลเมือง และศูนย์พัฒนาการเมืองภาคพลเมือง 76 จังหวัด เปิดเผยผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชน เรื่อง 'ความนิยมในพรรคการเมืองและนายกรัฐมนตรี 1 ปี หลังการเลือกตั้ง 14 พฤษภาคม 2566'
จำนวน 1,620 ตัวอย่าง ทำการเก็บข้อมูลระหว่างวันที่ 7-18 พฤษภาคม พ.ศ. 2567 ใช้วิธีการสัมภาษณ์ตามแบบสอบถามจากกลุ่มตัวอย่าง ซึ่งเป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้งอายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ได้สุ่มตัวอย่างแบบแบ่งชั้นภูมิ (stratified random sampling) ในทุกจังหวัด รวมทั้งกรุงเทพมหานคร
เมื่อสอบถามกลุ่มตัวอย่างว่า 'ถ้ามีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ท่านจะลงคะแนนเลือกผู้สมัครจากพรรคการเมืองใดในการเลือกตั้ง ส.ส. แบบแบ่งเขต'
- ร้อยละ 35.7 จะลงคะแนนเลือกผู้สมัครจาก พรรคก้าวไกล
- ร้อยละ 18.1 จะลงคะแนนเลือกผู้สมัครจาก พรรคเพื่อไทย
- ร้อยละ 11.2 จะลงคะแนนเลือกผู้สมัครจาก พรรคภูมิใจไทย
- ร้อยละ 9.2 จะลงคะแนนเลือกผู้สมัครจาก พรรครวมไทยสร้างชาติ
- ร้อยละ 7.8 จะลงคะแนนเลือกผู้สมัครจาก พรรคพลังประชารัฐ
- ร้อยละ 5.0 จะลงคะแนนเลือกผู้สมัครจาก พรรคประชาธิปัตย์
- ร้อยละ 1.6 จะลงคะแนนเลือกผู้สมัครจาก พรรคชาติไทยพัฒนา
- ร้อยละ 1.2 จะลงคะแนนเลือกผู้สมัครจาก พรรคประชาชาติ
- ร้อยละ 10.2 ยังไม่ตัดสินใจเลือกใครในตอนนี้
เมื่อสอบถามต่อว่า 'ในการเลือกตั้ง ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ ถ้ามีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ท่านจะลงคะแนนให้แก่บัญชีรายชื่อของพรรคใด'
- ร้อยละ 44.9 จะลงคะแนนให้ พรรคก้าวไกล
- ร้อยละ 20.2 จะลงคะแนนให้ พรรคเพื่อไทย
- ร้อยละ 10.9 จะลงคะแนนให้ พรรครวมไทยสร้างชาติ
- ร้อยละ 3.50 จะลงคะแนนให้ พรรคภูมิใจไทย
- ร้อยละ 3.00 จะลงคะแนนให้ พรรคพลังประชารัฐ และ พรรคประชาธิปัตย์
- ร้อยละ 1.30 จะลงคะแนนให้ พรรคประชาชาติ
- ร้อยละ 0.70 จะลงคะแนนให้ พรรคชาติไทยพัฒนา
- ร้อยละ 12.6 จะลงคะแนนให้ ไม่ต้องการลงคะแนนให้พรรคใดเลยในตอนนี้
เมื่อนำผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนในครั้งนี้ เปรียบเทียบกับผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2566
ปรากฏว่า พรรคการเมืองที่ได้รับคะแนนนิยมจากประชาชนในการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเพิ่มขึ้น มีแค่ 2 พรรค คือ
- พรรคก้าวไกลได้รับคะแนนนิยมเพิ่มขึ้น คิดเป็นร้อยละ 9.67 ซึ่งอาจส่งผลให้พรรคมีโอกาสชนะการเลือกตั้ง และได้ สส. เพิ่มขึ้นถึง 49 ที่นั่ง
- พรรคประชาชาติได้รับคะแนนนิยมจากประชาชนเพิ่มขึ้น คิดเป็นร้อยละ 0.35 ซึ่งอาจทำให้พรรคมีโอกาสชนะการเลือกตั้งและได้ สส. เพิ่มขึ้น 1 ที่นั่ง
ขณะที่มีพรรคการเมืองที่ได้รับคะแนนนิยมจากประชาชนในการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตลดลง จำนวน 6 พรรค ได้แก่
- พรรคเพื่อไทยได้รับคะแนนนิยมลดลง ร้อยละ 7 และ มีโอกาสเสีย 28 ที่นั่ง
- พรรคพลังประชารัฐ คะแนนนิยมลดลง ร้อยละ 3.41 มีโอกาสเสีย 11 ที่นั่ง
- พรรคภูมิใจไทยคะแนนนิยมลดลง ร้อยละ 2.64 มีโอกาสเสีย 10 ที่นั่ง
- พรรคประชาธิปัตย์ คะแนนนิยมลดลง ร้อยละ 1.13 มีโอกาสเสีย 3 ที่นั่ง
- พรรครวมไทยสร้างชาติที่ได้รับคะแนนนิยมลดลง ร้อยละ 0.47 และพรรคชาติไทยพัฒนาที่ได้รับคะแนนนิยมลดลง ร้อยละ 0.02 นั้น คะแนนนิยมที่ลดลงดังกล่าวยังไม่มากพอที่จะส่งผลให้พรรคการเมืองทั้งสองมีที่นั่ง สส.ลดลง
ส่วนของการเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ ผลการวิเคราะห์เปรียบเทียบ พบว่า มีพรรคการเมือง 5 พรรคได้รับคะแนนนิยมจากประชาชนเพิ่มขึ้น คือ
- พรรคก้าวไกล ได้รับคะแนนนิยมเพิ่มขึ้น คิดเป็นร้อยละ 8.33
- พรรคพลังประชารัฐ ได้รับคะแนนนิยมเพิ่มขึ้น ร้อยละ 1.62
- พรรคประชาธิปัตย์ ได้รับคะแนนนิยมเพิ่มขึ้น ร้อยละ 0.66
- พรรคภูมิใจไทย ได้รับคะแนนนิยมเพิ่มขึ้น ร้อยละ 0.6
- พรรคชาติไทยพัฒนา ได้รับคะแนนนิยมเพิ่มขึ้น ร้อยละ 0.19 ซึ่งคะแนนนิยมที่เพิ่มขึ้นดังกล่าวส่งผลให้พรรคก้าวไกลมีโอกาสได้ที่นั่งเพิ่มขึ้น 8 ที่นั่ง
- พรรคพลังประชารัฐมีโอกาสได้ที่นั่งเพิ่มขึ้น 1 ที่นั่ง เพียงสองพรรคเท่านั้น
- ส่วนคะแนนที่เพิ่มขึ้นของอีกสามพรรคยังไม่มากพอที่จะทำให้ได้ที่นั่งเพิ่ม
เมื่อนำตัวเลขประมาณการที่นั่งที่พรรคการเมืองแต่ละพรรคมีโอกาสได้รับจากการเลือกตั้งทั้งสองระบบมารวมกัน พบว่า หากมีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในช่วงเวลานี้
- พรรคก้าวไกลเป็นพรรคที่มีโอกาสได้ที่นั่งมากที่สุด รวม 208 ที่นั่ง
- พรรคเพื่อไทย 105 ที่นั่ง
- พรรคภูมิใจไทย 61 ที่นั่ง
- พรรครวมไทยสร้างชาติ 34 ที่นั่ง
- พรรคพลังประชารัฐ 30 ที่นั่ง
- พรรคประชาธิปัตย์ 22 ที่นั่ง
- พรรคชาติไทยพัฒนา 10 ที่นั่ง
- พรรคประชาชาติ 9 ที่นั่ง
- ส่วนที่นั่งที่เหลือจะกระจายไปยังพรรคการเมืองอื่น ๆ รวม 21 ที่นั่ง
เมื่อสอบถามว่าถ้าเลือกได้ ท่านอยากให้ใครเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทยในช่วงเวลานี้มากที่สุด ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ ระบุว่า
- นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรีมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 46.9
- พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ร้อยละ 17.7
- น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ร้อยละ 10.5
- นายเศรษฐา ทวีสิน ร้อยละ 8.7
- นายอนุทิน ชาญวีรกูล ร้อยละ 3.3
- นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ร้อยละ 1.7
- พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ร้อยละ 0.4 ตามลำดับ
- ยังมีผู้ตอบที่ระบุชื่อคนอื่น ๆ รวมกับที่ยังไม่เห็นว่ามีคนที่เหมาะสมอีก ร้อยละ 10.9
----------------------
รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/XbeWe3lCv9A