เลือกตั้งและการเมือง
“พิธา” ปัด “ก้าวไกล” ฉกฉวยโอกาส “บุ้ง ทะลุวัง” เสียชีวิต หาแสง ย้ำคุยมาตลอดเอาชีวิตไว้ก่อน การต่อสู้ยังอีกไกล
19 พ.ค. 2567
146 views
วันนี้ (19 พ.ค. 2567) นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกลพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีที่ทนายของนางสาวนิติพร เสน่ห์สังคม หรือ บุ้ง ทะลุวังระบุว่าสาเหตุของการเสียชีวิตเนื่องจากมีการใส่ท่อช่วยหายใจผิด ว่า อยากให้รอฟังความชัดเจนจากแพทย์ผู้ให้การรักษา ซึ่งพลตำรวจเอกทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมบอกว่าวันจันทร์นี้ (20 พ.ค.) จะให้ข้อมูลกับครอบครัวในเรื่องนี้ ขอให้สังคมตั้งสติและรอฟังข้อมูลจากกรมราชทัณฑ์
ส่วนกรณีการเสียชีวิตของ นส.เนติพร ที่ถูกนำไปโยงกับคดีมาตรา 112 นั้นนายพิธา กล่าวว่าเรื่องนี้ต้องแยกกัน เพราะการ แก้ไขมาตรา 112 กับการปฏิรูปสถาบันก็เป็น สิ่งที่นางสาวนิติพรเรียกร้อง แต่การที่ต้องอดอาหารเวลานาน เป็นการเรียกร้องสิทธิการประกันตัว เพราะการถูกฝากขังยังถือเป็นผู้บริสุทธิ์ จึงได้ตัดสินใจอดอาหารประท้วง
เมื่อถามว่านางสาวเนติพรเคยได้รับสิทธิ์การประกันตัวแล้วแต่กระทำผิดซ้ำ ในคดีทำร้ายเจ้าหน้าที่ศาล จึงถูกถอดสิทธิ์การประกันตัวนั้น นายพิฐากล่าวว่า ตนไม่สามารถตอบแทนได้เพราะนางสาวเนติพรเสียชีวิตไปแล้ว แต่ถ้าจะให้เดาเชื่อว่านางสาวเนติพรไม่ได้ต่อสู้เพื่อตนเองเพียงคนเดียว แต่ต่อสู้เพื่อเพื่อนและเสรีชนที่มีความคิดแบบเดียวกัน ว่า ทุกคนเสมอภาคตามกฏหมาย และการขังคน 2-3 เดือน โดยที่เขาไม่มีความผิดเป็นเรื่องที่เขาติดใจและเรียกร้อง ไม่ใช่เพื่อตัวเองคนเดียวแต่เพื่อคนไทยทุกคน
ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุผลที่ สส. พรรคก้าวไกลไม่ออกมาเคลื่อนไหวในช่วงที่นางสาวเนติพรออกมาเรียกร้อง แต่กลับมาแสดงความเห็นในช่วงที่นางสาวเนติพรเสียชีวิตไปแล้ว ถือเป็นการฉกฉวยหรือไม่ นายพิธา กล่าวทันทีว่า ไม่ใช่การฉกฉวยแน่นอน เพราะการเคลื่อนไหวของเยาวชนมีอิสระเป็นของตัวเอง ไม่ได้ยึดโยงพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง แต่พรรคก้าวไกล เชื่อในหลักนิติรัฐนิติธรรม เชื่อในสิทธิ์การประกันตัว และสิทธิ์การเข้าถึงทนาย
แต่ไม่ได้หมายความว่าพรรคก้าวไกลกับกลุ่มเยาวชนเห็นไปในทิศทางเดียวกันทุกเรื่อง พร้อมกล่าวว่า หากฝั่งตรงข้ามถูกฝากขัง เราก็จะออกมาพูดเรื่องนี้เช่นเดียวกัน ไม่ใช่การฉกฉวยผลประโยชน์ทางการเมืองแต่อย่างใด ไม่เรื่องนั้นอยู่ในหัว เป็นการให้เกียรติครอบครัวผู้เสียชีวิตมากกว่า
นายพิธายังกล่าวว่ามีข้อเรียกร้อง 5 ข้อ คือ 1.ความโปร่งใสชัดเจนจากทางกรมราชทัณฑ์
2.ทางตำรวจและอัยการ ให้ตอบสนองนโยบายจากรัฐบาล ในการไม่เอาผิดจากผู้เห็นต่างทางการเมือง และชะลอคดีความ โดยเฉพาะนายกรัฐมนตรี ที่กำกับดูแลตำรวจโดยตรง ซึ่งถือเป็นต้นน้ำของการแก้ไขปัญหากระบวนการยุติธรรม
3.การนิรโทษกรรมคดีการเมือง ซึ่งถือเป็นปลายน้ำของการแก้ปัญหา ต้องเร่งผลักดันให้เร็วที่สุด ไม่ควรแยกกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งออกไป โดยเฉพาะอนาคตของชาติ ต้องไม่ให้เขาต้องเอาชีวิตมาเสี่ยงอีกต่อไป
นายพิธา กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม พรรคก้าวไกลได้พยายามสื่อสารพูดคุยกับกลุ่มนักเคลื่อนไหวและเยาวชน ตั้งแต่ 2-3 ปีที่แล้ว ว่าให้คิดถึงชีวิตตัวเองก่อน แต่เราก็ไม่สามารถก้าวก่ายความเด็ดเดี่ยวของเขาได้ ทั้งนี้ ตนไม่รู้จักพวกเขาเป็นการส่วนตัว แต่หากมีโอกาสได้พบ จะบอกว่าให้เอาชีวิตตัวเองมาก่อน เพราะการต่อสู้ยังอีกยาวนาน แต่จะฟังหรือไม่ ก็เป็นสิทธิ์ของเขา
นอกจากนี้ นายพิธา ยังกล่าวถึงกรณีที่ นางสาวทานตะวัน ตัวตุลานนท์ นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ย้ายออกจากโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ กลับมาที่เรือนจำว่า
เมื่อถามว่ามีอะไรอยากจะสื่อสารถึงทานตะวัน นายพิธา กล่าวว่า ตนเห็นจากข่าวแล้ว เข้าใจว่า นางสาวทานตะวันคงจะเสียใจที่สูญเสียเพื่อน แต่ชีวิตตัวเองก็สำคัญ ตนเป็นห่วง จึงขอฝากพ่อแม่ของ นางสาวทานตะวัน ให้ดูแลด้วย
แท็กที่เกี่ยวข้อง