เลือกตั้งและการเมือง

นายกฯ สั่งยกระดับเร่งด่วนแก้ไขปัญหาไฟป่า ฝุ่น PM 2.5 ผ่าน 9 มาตรการ

โดย nutda_t

9 เม.ย. 2567

68 views

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุม ครม. ว่าได้กำชับให้ยกระดับมาตรการปฏิบัติการแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน ฝุ่นละออง PM 2.5 ในช่วงสถานการณ์วิกฤต โดยให้ทุกหน่วยงานบูรณาการการทำงานผ่าน 9 มาตรการ ประกอบด้วย

1.ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดและหน่วยงานทหาร ระดมลาดตระเวนพื้นที่เสี่ยงรวมถึงบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดกับผู้ลักลอบเผาป่าทุกกรณี ย้ำทุกกรณีไม่มีการละเว้น

2.ให้กระทรวงมหาดไทยและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กำกับดูแลบังคับกฎหมาย ที่เกี่ยวข้องตามอำนาจหน้าที่อย่างเคร่งครัด

3.ให้กระทรวงมหาดไทย สั่งการจังหวัด กำนันผู้ใหญ่บ้านร่วมกับ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จัดชุดปฏิบัติการลาดตระเวนเฝ้าระวังเสี่ยงต่อการเผา

4.ให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ประกาศเขตความร่วมมือช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติฉุกเฉิน และให้ประกาศเวิร์คฟอร์มโฮมตามความจำเป็น เพื่อผลกระทบต่อสุขภาพประชาชน

5.ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พิจารณาตัดสินการรับความช่วยเหลือ การชดเชยต่างๆจากรัฐ หากพบว่ามีการเผาในพื้นที่เกษตรกรของตัวเอง

6.ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เพิ่มความถี่ ปฏิบัติการฝนหลวง เพื่อป้องกันและบรรเทาสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน ฝุ่นละอองอย่างเร่งด่วน และร่วมกับรายงานความมั่นคงในจัดหาเฮลิคอปเตอร์ให้เพียงพอต่อการช่วยเหลือการดับไฟป่า

7.ให้กระทรวงสาธารณสุข จัดชุดเคลื่อนที่ลงเยี่ยมบ้านดูแลสุขภาพประชาชนอย่างทั่วถึง ทันท่วงทีและสนับสนุนอุปกรณ์ส่วนบุคคล สำหรับกลุ่มเสี่ยง

8.ให้สำนักงานงบประมาณ พิจารณางบกลางให้จังหวัดเพื่อให้ทันต่อการแก้ไขปัญหาในช่วงสถานการณ์วิกฤติ ตามความเหมาะสมและจำเป็นเร่งด่วน

9.กรณีหมอกควันข้ามแดน ให้กระทรวงการต่างประเทศยกระดับการเจรจากับประเทศเพื่อนบ้าน ทั้ง พม่า และลาว ให้ลดการเผาป่าอย่างทันทีและตั้ง KPI ให้ชัดเจน

นายกรัฐมนตรี ยังเปิดเผยได้ว่าในช่วงบ่ายวันนี้ จะมีการประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อบูรณาการทั้ง 9 ข้อนี้ โดยมีพลตำรวจเอกพัชรพัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธาน


ด้าน นายไชยา พรหมา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่าในฐานะที่ตนกำกับดูแลกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ซึ่งมีภารกิจหลักในการแก้ไขปัญหา จึงสั่งการให้กรมฝนหลวงฯ นำเครื่องบินขึ้นทำฝนหลวง เพื่อดัดแปลงสภาพอากาศของภาคเหนือตอนบนทั้งหมด เพื่อสร้างความมั่นใจว่าในช่วงเทศกาลสงกรานต์ พื้นที่ภาคเหนือตอนบนทั้งหมด โดยเฉพาะเชียงใหม่ เชียงราย ปริมาณฝุ่นจะลดลงอย่างต่ำ 50% ของพื้นที่ และในช่วงเวลาเดียวกันจะมีการวางแผนทำฝนหลวงควบคู่ไปด้วย เนื่องจากสภาพสภาพอากาศในช่วงดังกล่าวเหมาะกับการทำฝนหลวง ซึ่งการปฏิบัติการดังกล่าวเรียกว่าเป็นการลดอุณหภูมิของสภาพอากาศ เพื่อให้ฝุ่นในชั้นล่างลอยขึ้นไปด้านบนได้ วิธีนี้จะช่วยให้ฝุ่นลดความแออัดลงได้ถึง 50% เช่นเดียวกัน

นายไชยา ยอมรับว่า การทำฝนหลวง อย่างมีอุปสรรคเราต้องใช้น้ำเย็น ในขณะที่ประสิทธิภาพการทำฝนหลวงจริงๆ ต้องใช้น้ำแข็งแห้ง แต่น้ำแข็งแห้งสามารถผลิตได้ที่เดียวคือที่ระยอง ดังนั้นการขนย้ายจากระยองมาเชียงใหม่จึงเป็นปัญหาอุปสรรค เพราะถ้ามีการขนมาประสิทธิภาพอาจลดลง จึงต้องแก้ไขสถานการณ์ด้วยการใช้น้ำเย็น

และในวันที่ 11 เมษายนนี้ จะขึ้นปฏิบัติการทำฝนหลวงด้วยตัวเอง ซึ่งการขึ้นไป เพราะอยากรู้การทำงานมีขั้นตอนอย่างไร โดยต้องอาศัยเทคนิคการคำนวนทิศทางลม ความชื้นของชั้นบรรยากาศ หากไม่ได้ขึ้นไปด้วยตัวเองก็จะอธิบายกับสังคมไม่ได้ จึงไม่อยากให้ด้อยค่ากรมฝนหลวง เนื่องจากทฤษฎีนี้เป็นทฤษฎีของศาสตร์พระราชา และปฏิบัติการฝนหลวงสามารถแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้จริง และตอนนี้มีข้อเรียกร้องจากภาคประชาชนหลายพื้นที่ในการทำฝนหลวง รวมถึงขอน้ำและลดฝุ่น

ขณะเดียวกันได้สั่งการให้กรมฝนหลวงฯ ขึ้นทำฝนหลวงทุกวันในช่วงสงกรานต์ คาดหวังว่าในช่วงสงกรานต์จะทำให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวได้เที่ยวกันอย่างมีความสุข

ส่วนกรณีที่เกิดข้อสงสัยว่าการทำฝนหลวง จะสามารถแก้ไขปัญหาฝุ่นในระยะยาวได้หรือไม่นั้น นายไชยา ยอมรับว่า ต้นตอของปัญหาไม่ได้เกิดขึ้นที่หน่วยงานของเรา แต่เรามีหน้าที่สนับสนุน จึงต้องอาศัยการบูรณาการร่วมกัน รวมทั้งให้ความรู้ และขอความร่วมมือไม่ให้เกษตรกรเผาป่า ซึ่งจะสามารถลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้เป็นอย่างดี

นายไชยา ยอมรับว่า การทำฝนหลวงไม่ได้ทำให้ฝุ่นทั้งหมดหมดไป เนื่องจากฝุ่นดังกล่าวลอยมาจากประเทศเพื่อนบ้าน แต่สามารถลดปริมาณฝุ่นได้อย่างน้อย 50%

แท็กที่เกี่ยวข้อง  นายกรัฐมนตรี ,ฝุ่นpm2.5

คุณอาจสนใจ

Related News