เลือกตั้งและการเมือง

วิปรัฐบาลขู่ฝ่ายค้าน ปมแบ่งเวลาซักฟอก 'ประเสริฐ' เตือนสติก้าวไกล อภิปรายรัฐบาลไม่ใช่พรรคการเมือง

โดย passamon_a

3 เม.ย. 2567

16 views

วิปรัฐบาลขู่ฝ่ายค้าน ถ้าไม่เข้าประชุมวันนี้ จะเสนอสภาโหวตแบ่งเวลาซักฟอก แฉวิปฝ่ายค้านเทเมื่อวาน ทำประธานต้องรอเก้อ เอาแต่ตอบโต้ผ่านสื่อ - ประเสริฐ เตือนสติก้าวไกล อภิปรายตาม ม.152 อภิปรายรัฐบาล ไม่ใช่พรรคการเมือง


เมื่อวันที่ 2 เม.ย.67 นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี โฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ในฐานะคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล หรือวิปรัฐบาล ให้สัมภาษณ์ว่า เมื่อวันที่ 1 เมษายนที่ผ่านมา นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้นัดวิปฝ่ายค้านและวิปรัฐบาล มาร่วมประชุมหารือเพื่อกำหนดรายละเอียดในการเปิดอภิปรายทั่วไปตามมาตรา 152 โดยการไม่ลงมติในวันที่ 3-4 เมษายนนี้ แต่ปรากฏว่าพรรคร่วมฝ่ายค้านเท ไม่ยอมเข้าร่วมประชุมตามที่นัดหมาย นายพิเชษฐ์ในฐานะประธานการประชุมและวิปรัฐบาลต้องมานั่งรอเก้อในห้องประชุม


นายอัครเดช กล่าวว่า เดิมเท่าที่ทราบ วิป 2 ฝ่ายได้มีการหารือกันไว้คร่าว ๆ คือ ฝ่ายค้านได้เวลา 22 ชั่วโมงในการอภิปราย ทางรัฐบาลโดยรัฐมนตรีได้เวลาชี้แจง 6 ชั่วโมง แต่เมื่อดูจากการอภิปรายทั่วไปของวุฒิสภาตามมาตรา 153 ทางประธานวิปรัฐบาลได้รับทราบปัญหาจาก ครม. ว่ารัฐมนตรีมีเวลาชี้แจงแค่ 3 ชั่วโมง ต่อ 1 วันนั้น ไม่เพียงพอต่อการชี้แจงข้อซักถามของสมาชิกวุฒิสภา ทางคณะรัฐมนตรีจึงแจ้งมาทางประธานวิปรัฐบาลว่า การประชุมที่ผ่านมา ทาง สว.ใช้เวลาอภิปรายมาก รัฐมนตรีมีเวลาชี้แจงน้อย ไม่สมดุลกัน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการรับรู้ของพี่น้องประชาชนที่รับฟังการอภิปรายและมีผลต่อภาพลักษณ์ของรัฐบาล


ดังนั้นการอภิปรายของสภาผู้แทนราษฎรใช้เวลา 2 วัน แล้วจัดสรรให้ ครม.ชี้แจง 6 ชม. ก็จะมีเวลาไม่เพียงพอ จะเกิดปัญหาเหมือนการประชุมอภิปรายวุฒิสภาที่ผ่านมา คือรัฐมนตรีไม่มีเวลาเพียงพอในการชี้แจงข้อสงสัยหรือข้อกล่าวหาของสมาชิกที่อภิปราย แม้แต่นายภูมิธรรม เวชชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ มีเวลาชี้แจงเมื่อการอภิปรายของวุฒิสภา เพียงแค่ 2 นาที ในบางครั้ง ถ้าเป็นเช่นนี้จะเป็นผลเสียต่อรัฐบาล อาจทำให้ประชาชนเข้าใจผิด เพราะไม่มีเวลาชี้แจง ทางรัฐบาลจึงมาหารือในวิปรัฐบาลว่า รัฐบาลควรมีเวลามากขึ้นจาก 6 ชั่วโมง เป็น 10 ชั่วโมง ฝ่ายค้านเดิมจาก 22 ชั่วโมง เหลือ 18 ชั่วโมง เพื่อให้ทางรัฐมนตรีมีเวลาชี้แจงมากขึ้น ไม่เช่นนั้นจะเป็นการอภิปรายฝ่ายเดียว จะเป็นผลเสียต่อตัวรัฐมนตรีและรัฐบาลด้วย


"เป็นเหตุผลที่ฟังขึ้น จึงได้นัดประชุมวิบฝ่ายค้านและวิปรัฐบาลเพื่อมาพูดคุยให้เกิดความเข้าใจ แต่ปรากฏว่าฝ่ายค้านไม่มาร่วมประชุม แต่ไปตอบโต้ผ่านสื่อมวลชน ทำให้ผมและเพื่อนสมาชิกที่เป็นวิปรัฐบาลไม่สบายใจ กลายเป็นภาพพจน์ที่ไม่ดีต่อสภา ทางประธานสภาจึงขอนัดหมายมาประชุมใหม่ในวันนี้ (3 เมษายน) ในเวลา 08.00 น. ถ้ายังพูดคุยไม่รู้เรื่อง ก็ต้องมีการเสนอให้โหวตในที่ประชุมสภา ซึ่งจะไม่เป็นผลดีต่อการประชุมร่วมกันของทั้งสองฝ่าย ผมจึงขอเรียกร้องให้ฝ่ายค้านได้เข้าร่วมประชุมวิป 2 ฝ่ายในวันนี้ ก่อนจะมีการประชุมสภาผู้แทนราษฎรด้วย" นายอัครเดช กล่าว


ทั้งนี้ การอภิปรายตามมาตรา 152 เป็นการอภิปรายทั่วไปโดยไม่มีการลงมติ เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงและเสนอแนะต่อคณะรัฐมนตรี สส.รัฐบาล ก็มีความต้องการอภิปรายด้วย เพื่อเสนอแนะปัญหาที่ได้ไปพบมาในการลงพื้นที่ เพื่อนำปัญหามาเสนอต่อ ครม. โดย สส.รัฐบาล ได้ท้วงติงมาว่า ทำไมไม่ให้พวกเขาอภิปรายด้วย ดังนั้นในการประชุมช่วงเช้าวันนี้ ก็ต้องหารือกัน ถ้าตกลงกันไม่ได้ก็ต้องมีการโหวตกันในสภาฯ เพื่อขอเวลาให้ สส.ฝ่ายรัฐบาลอภิปรายด้วย ถ้าตกลงไม่ได้แล้วมีการโหวต จะเป็นผลเสียต่อการทำงานร่วมกันของทั้ง 2 ฝ่ายในอนาคต


นายอัครเดช กล่าวว่า ในที่ประชุมวิปรัฐบาล ได้มีวิปบางท่านเสนอว่าเวลาอภิปราย 28 ชั่วโมง ควรจะแบ่งกันฝ่ายละ 14 ชั่วโมงไปเลย เพื่อให้โอกาส สส.ฝ่ายรัฐบาลได้อภิปรายนำปัญหาของประชาชนมาหารือซักถามชี้แนะคณะรัฐมนตรีด้วย ซึ่งก็เป็นสิทธิ์ของสมาชิก ถ้าเป็นเเบบนั้นจะทำให้ฝ่ายค้านเวลาลดลงไปอีก ดังนั้นในวันนี้ช่วงเช้า จึงขอให้ฝ่ายค้านได้เข้ามาร่วมประชุม ใจเย็น มาพูดคุยกันด้วยเหตุด้วยผล โดยไม่ต้องลงมติในสภา จะดีกว่า ซึ่งถ้าถึงขั้นลงมติเพื่อแบ่งเวลากัน จะทำให้การทำงานร่วมกันในอนาคตไม่ราบรื่น ดังนั้นจากนี้ไป จึงอยากให้สองฝ่ายเคารพเหตุผลซึ่งกันและกัน ไม่อยากเห็นการตอบโต้ไปมาผ่านสื่อ อย่างไรก็ตามฝ่ายรัฐบาลไม่อยากให้ฝ่ายค้านเอาประเด็นนี้มาเล่นเกม รัฐบาลไม่ขอเล่นเกมด้วย เพราะเราคำนึงถึงเหตุผล ทำอย่างไรให้การอภิปรายตามมาตรา 152 ราบรื่น เป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน


ด้าน นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวว่า ฝ่ายค้านยังหารือกันอยู่ว่าจะไปร่วมประชุมตกลงกรอบเวลาดังกล่าวหรือไม่ เพราะขณะนี้ ทุกคนอยู่ระหว่างการเตรียมพร้อมสำหรับการอภิปรายทั่วไป และคิดว่าการตกลงให้เวลาฝ่ายค้าน 22 ชั่วโมง และ ครม. 6 ชั่วโมง เป็นข้อตกลงที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 23 มี.ค.ที่ผ่านมา และฝ่ายรัฐบาลเป็นคนยื่นข้อเสนอนี้เอง ประเมินเองว่าจะใช้เวลาตามนี้ ซึ่งตนก็ไม่ได้ขอเพิ่ม


และถามว่าจะมีการปรับเปลี่ยนกรอบใหม่ได้หรือไม่ ก็ต้องบอกว่าเปลี่ยนได้ หากมาปรับเปลี่ยนหลังวันที่ 23 มี.ค.ในไม่กี่วัน แต่การจะมาเปลี่ยนข้อตกลง 1 ชั่วโมงก่อนที่จะมีการอภิปราย ซึ่งฝ่ายค้านได้มีการเตรียมการและเตรียมผู้อภิปรายกันมาหมดแล้ว 22 ชั่วโมง แล้วอยู่ ๆ จะมาตัดเวลาในการอภิปรายของฝ่ายค้านออก 4 ชั่วโมง ภายในระยะเวลา 1 ชั่วโมงก่อนการอภิปราย ตนคิดว่าเป็นเรื่องที่ไม่มีความยุติธรรมและไม่มีความชอบธรรมใด ๆ เลย ที่จะทำแบบนั้น


สำหรับกรณีที่ประธานวิปรัฐบาลบอกว่า  เป็นการปรับเปลี่ยน เพื่อความเป็นธรรม เพื่อให้รัฐบาลมีเวลาในการชี้แจงได้ครบถ้วนนั้น นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า หากคำนึงถึงความเป็นธรรม ก็ต้องถามกลับไป ว่าการตัดเวลาของฝ่ายค้านลงไป 4 ชั่วโมง ซึ่งเทียบเท่า 1 ใน 5 ของเวลาที่ตกลงกันไว้ในตอนแรก เป็นธรรมกับฝ่ายค้านหรือไม่ และฝ่ายรัฐบาลเป็นคนเสนอเวลามาเอง ซึ่งตนขอย้ำว่า ในที่ประชุมวันนั้นตนยังหันกลับไปถามกับฝ่ายรัฐบาลคนหนึ่งอย่างไม่เป็นทางการด้วยซ้ำ ว่าระยะเวลา 6 ชั่วโมงในการชี้แจงพอจริงหรือ และในเมื่อทางรัฐบาลยืนยันว่าพอ ทางฝ่ายค้านก็ตกลงไปตามนั้น


แต่การจะมาเพิ่งคิดได้ทีหลังว่าอาจจะไม่พอ ตนก็ยินดีที่จะเพิ่มเวลาให้โดยที่เลิกประชุมดึกกว่าเดิม ทั้ง 2 วันก็ได้ ตนไม่มีปัญหาและฝ่ายค้านก็อยากจะได้คำตอบที่ชัดเจนจากรัฐบาลเช่นกัน ซึ่งเราไม่มีปัญหาเลย หาก ครม.จะใช้เวลาชี้แจงเยอะ แต่จะมาตัดเวลาฝ่ายค้านแล้วมาตกลงกัน 1 ชั่วโมงก่อนที่จะอภิปรายนั้น ตนคิดว่าทำไม่ได้ จึงขอยืนยันเวลาของฝ่ายค้านที่ 22 ชั่วโมง เนื่องจากได้มีการจัดสรรเวลากับพรรคร่วมฝ่ายค้านกันแล้ว


ส่วนหากตกลงกันไม่ได้ แล้วรัฐบาลใช้เสียงข้างมากในการลงมติเรื่องกรอบเวลาจะทำอย่างไรนั้น ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า ต้องเจรจากันก่อนอยู่แล้ว เพราะต้องยอมรับว่า หากลงมติกัน ไม่มีวันที่ฝ่ายค้านจะชนะ และขอให้จับตาดูว่า จะเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ที่เวทีตรวจสอบรัฐบาลของฝ่ายค้านที่มีอยู่เพียงไม่กี่เวที จะมาใช้เสียงข้างมากลากไป เพื่อจะมาเปลี่ยนจำนวนเวลาในการอภิปราย คิดว่าประวัติศาสตร์ทางการเมืองไทยในระบบรัฐสภาไม่เคยมีแบบนี้ ถ้ารัฐบาลภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทยจะมาปิดกั้น ขัดขวางระบบการตรวจสอบของรัฐสภาแบบนี้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์นั้น ตนคิดว่าไม่สง่างามเลย


เมื่อถามว่าจะมีการเตรียมตั้งรับอย่างไรนั้น นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า ก็คงต้องมีการเจรจากัน และอาจจะต้องมีการพูดคุยเจรจากันในห้องประชุมใหญ่ก่อนที่จะเริ่มอภิปรายว่าตกลงจะเอาอย่างไร แต่การคุยตอนเช้าก่อนประชุมนั้น ตนคงไม่สะดวกที่จะเข้าร่วม แต่เราก็มีวิปพรรครัฐบาลหลายคน ซึ่งยังคงประเมินกันอยู่


อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าในวันนี้หากฝ่ายค้านไม่เข้าร่วมประชุมวิป ก็อยากให้สาธารณชนได้ทราบไว้ก่อนว่า เอกสารใด ๆ ที่ออกมา ไม่มีส่วนร่วมของทางฝ่ายค้าน และเป็นการพูดคุยตกลงกันเองของฝ่ายรัฐบาล ที่จะขัดขวางการตรวจสอบของฝ่ายค้าน


ขณะที่ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ให้สัมภาษณ์กรณีพรรคก้าวไกลออกมาตั้งหัวข้อการอภิปรายตามมาตรา 152 ว่า "รัฐบาลเพื่อใคร หัวใจไม่ใช่ประชาชน" ว่า คำนี้ดูเหมือนเป็นคำล้อนโยบายหาเสียงของพรรคเพื่อไทย ที่ระบุว่า พรรคเพื่อไทย หัวใจเพื่อประชาชน จึงอยากจะฝากไปบอกพรรคฝ่ายค้านว่า รัฐบาลชุดนี้เป็นรัฐบาลผสม มาจากหลายพรรคการเมือง การอภิปรายตามมาตรา 152 กำหนดให้มีการเสนอแนะแนะนำรัฐบาลเท่านั้น จึงไม่อยากให้ระบุไปถึงพรรคการเมือง เพราะธรรมเนียมปฏิบัติที่ผ่านมาถ้าเป็นการอภิปรายผลงานรัฐบาลไม่ใช่อภิปรายพรรคการเมือง แต่ถ้าอภิปรายนโยบายหรือแนะนำการทำงานรัฐบาลก็พร้อมรับฟัง และพร้อมตอบปัญหาทุกเรื่อง


เมื่อถามว่าจะกลายเป็นความขัดแย้งระหว่างพรรคก้าวไกล กับเพื่อไทยหรือไม่ นายประเสริฐ กล่าวว่า เขาให้อภิปรายตามหลักการและข้อบังคับ ถ้าอภิปรายนอกญัตติ ตนคิดว่ามันคงจะลำบากในการเดินหน้าอภิปราย


เมื่อถามว่า ฝ่ายค้านพุ่งเป้าไปที่ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ นายประเสริฐ กล่าวว่า ยอมรับว่ามีความพยายามแต่เราไม่ได้หนักใจอะไร เพราะกรณีนายทักษิณ เป็นไปตามกระบวนการกฎหมายทุกอย่าง สามารถตอบคำถามได้ทุกเรื่อง


เมื่อถามอีกว่า จากการอภิปรายครั้งนี้หวั่นจะกระทบกระแสความนิยมของพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายประเสริฐ กล่าวว่า เชื่อว่าเรื่องนี้ไม่กระทบความนิยมพรรค เพราะเราสามารถชี้แจงได้ถึงหลักการณ์และเหตุผลที่ไปที่มาได้อย่างชัดเจน ไม่ได้ทำอะไรผิดกติกาเลย เรื่องนี้ขอให้สบายใจได้ เราพร้อมตอบทุกปัญหาในสภา


รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/gLvLd-3ca0s

คุณอาจสนใจ

Related News