เลือกตั้งและการเมือง

"บิ๊กต่อ" บอกอย่างน้อยก็ได้พักสมอง หลังถูกนายกฯสั่งย้าย ด้าน “บิ๊กโจ๊ก” น้อมรับคำสั่ง

โดย paranee_s

20 มี.ค. 2567

375 views

พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงกรณีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีได้ลงนามในคำสั่งให้ตนเองและพลตำรวจเอกต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ไปปฏิบัติราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรีเป็นเวลา 60 วันนั้น ได้รับทราบคำสั่งดังกล่าวแล้ว และคาดว่าเป็นเรื่องจริง เนื่องจากเห็นกระแสข่าวจากหลายแห่ง และทราบว่าโฆษกรัฐบาลได้แถลงข่าวถึงเรื่องดังกล่าวแล้ว


อย่างไรก็ตาม ยังไม่เห็นเนื้อหาว่าให้ไปปฏิบัติหน้าที่อะไร คาดว่าจะมีความชัดเจนในเย็นวันนี้ แต่ในฐานะผู้ใต้บังคับบัญชาเมื่อผู้บังคับบัญชามีคำสั่งมาก็พร้อมปฏิบัติหน้าที่ และหากหนังสือคำสั่งดังกล่าวมีผลทันที วันพรุ่งนี้ตนเองและผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ก็ไม่สามารถเข้าร่วมประชุมกับนายกรัฐมนตรีที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ เนื่องจากถือว่าต้องไปช่วยราชการแล้ว


ส่วนมูลเหตุคำสั่งย้ายทั้ง 2 คนนั้น ยังไม่ทราบว่าด้วยเหตุผลใด ต้องดูรายละเอียดอีกครั้ง แต่จะเกิดจากความขัดแย้งระหว่างตนเองกับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติหรือไม่นั้นก็ไม่ยืนยัน เนื่องจากการประชุมร่วมกันระหว่างนายกรัฐมนตรี ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และตนเอง เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาก็ไม่เห็นสัญญาณบ่งชี้ใด ๆ นายกรัฐมนตรีกำชับเพียงเรื่องการทำงาน


ขณะที่การพูดคุยกับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเมื่อคืนวานนี้ก็เป็นไปโดยปกติ ส่วนการสั่งย้ายคู่จะเป็นการมองว่าเป็นคู่ขัดแย้งหรือไม่นั้น วันนี้ผู้บัญชาการแห่งชาติก็ได้แถลงแล้ว และตั้งแต่มีคำสั่งมาก็ยังไม่ได้คุยกับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพราะประชุมมาโดยตลอด


อย่างไรก็ตามยอมรับว่า ครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 2 แล้วที่ได้รับคำสั่งให้ไปช่วยราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี แต่จะได้กลับมาที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติอีกหรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชา พร้อมยืนยันว่า ไม่ถือว่าการไป ทำงานที่จังหวัดเชียงใหม่ล้มเหลว เพราะตนเองไปทำงาน และงานก็สำเร็จเรียบร้อยด้วยดี


ยืนยันว่าไม่รู้สึกโดดเดี่ยวเพราะตนเองเคยไปมาแล้ว และแม้ว่าอยู่ที่ไหนตัวเองก็ต้องตั้งใจทำงาน ผมไม่กังวลใจ ไม่เป็นไร พร้อมทุกสถานการณ์


นอกจากนี้ผู้สื่อข่าวยังได้สอบถามพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ว่า ตามฉายาแมวเก้าชีวิตนั้น ตอนนี้เหลือกี่ชีวิต พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์เพียงหัวเราะและตอบว่า "ไม่หรอกครับ"


ขณะที่พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ บอกภายหลังนายกรัฐมนตรีมีคำสั่งให้ไปช่วยราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี ว่า ตอนที่ตนเองกลับมาที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก็เห็นคำสั่งแล้ว ซึ่งตนเองก็รับตามคำสั่งตามที่นายกสั่งการในฐานะผู้บังคับบัญชา โดยพรุ่งนี้จะมีการไปรายงานตัว เพราะคำสั่งมีผลตั้งแต่วันนี้ 20 มี.ค.


ส่วนเมื่อช่วงเช้าที่ไปพูดคุยกับนายกรัฐมนตรี ไม่ได้มีการส่งสัญญาณอะไร และตนเองไม่เคยมองเป็นภาพลบซึ่งท่านนายกได้แจ้งว่าจะมีคำสั่ง ก็ยอมรับตามคำสั่งนายกฯ และก็ได้บอกกับนักข่าวว่า ตนเองไม่ได้มีความขัดแย้ง ซึ่งก็ได้พูดมาเสมอ และก็ไม่ได้ทุกข์ใดๆ ไม่ได้เดือดร้อน ตนเองเป็น ผบ.ตร.ก็คือเป็นผบ.ตร. ซึ่งหากนายกรัฐมนตรีเห็นว่าตนเองปฏิบัติงานไม่ผ่าน และในคำสั่งที่ได้อ่านคร่าวๆ และได้ให้ไปลงบันทึกประจำวันไว้นั้น เพราะเนื่องจากมีเหตุขัดแย้งกันเยอะ และเราไม่สามารถที่จะบริหารให้ได้ และเนื่องจากเป็นระดับสูง ดังนั้นก็จะให้ พล.ต.ต.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผบ.ตร. มาเป็นรักษาการเข้ามาดู ซึ่งไม่มีส่วนได้เสีย


ทั้งนี้ที่คนคิดว่าตนเอง และพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร.มีปัญหากัน ที่ผ่านมาตนเองก็ยืนยันมาตั้งแต่แรกว่าเราไม่ได้มีปัญหาความขัดแย้งกันเลย หลังจากนี้ก็จะทำตามคำสั่งนายกรัฐมนตรีอย่างเดียว ท่านสั่งยังไงก็ทำตามอย่างนั้น


โดยย้ำว่า คำสั่งดังกล่าว เป็นเรื่องการบริหารความขัดแย้งเพื่อให้การสอบสวนเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรมรวมทั้งหมดเพื่อดูในภาพรวม “ก็ยังเป็นผบ.ตร.อยู่แต่ไปช่วยราชการเฉยๆ” และยืนยันว่า ในหนังสือคำสั่งไม่มีการระบุถึงความขัดแย้งจนนำไปสู่การย้าย ไม่เกี่ยวเลย


พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ยังบอกด้วยว่า ในวันพรุ่งนี้ ตนเองก็ไม่ได้เข้าร่วมประชุมมอบนโยบาย และตนเองก็เข้าเวรราชองครักษ์2วันและตามเสด็จไป จ.พิจิตร รวม3วัน ก็ยังทำงานส่วนนี้ต่อด้วย


ส่วนถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์หรือไม่ที่ย้ายผบ.ตร.กับรอง ผบ. พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ บอกว่า ตนเองจะได้พัก และสบายใจมาก เพราะอย่างน้อยก็ได้พักสมอง ตนเองเบื่อเรื่องการมองภาพของความขัดแย้ง เพราะเราอยู่กันแบบพี่น้อง และตนเองพูดเสมอว่าหากบริหารงานไม่ผ่านก็ต้องพิจารณาตนเอง จะต้องทุกข์อะไร


ทั้งนี้ไม่ได้หวั่นไหว และไม่ได้ท้อ ไม่ได้เหนื่อย “พี่พูดเสมอว่า แรงบันดาลใจของพี่คือในหลวงรัชกาลที่ 9 ซึ่ง70ปีแห่งการครองราชย์ ท่านเหนื่อยมาทั้งชีวิต ส่วนพี่เป็นข้าราชการตำรวจมา20กว่าปี แล้วพี่บอกพี่ท้อพี่เหนื่อย พี่ไม่มีใจที่ไหนหรอกที่จะไปตอบประชาชนว่า พี่ท้อพี่เหนื่อยเพราะพี่ทำทุกวันนี้ เพื่อพระองค์ท่าน งั้นพี่ไม่ท้อ พี่ไม่เหนื่อย น้องๆ ด้วยกันก็อย่าบอกคำว่าเหนื่อยจากปากพวกเรา เพราะเราเป็นข้าราชการ ข้าราชการคือข้าของพระราชา ทำงานตามพระเนตรพระกรรณตนก็ทำเต็มที่ ซึ่งพี่หว่านข้าว หว่านข้าวโพดวันหนึ่งก็ต้องเติบโตให้พี่กินข้าวกินข้าวโพด พี่ไม่ได้หว่านไมยราบ ไม่ต้องรอเหยียบหนาม”


พร้อมย้ำว่า ตนเองก็ทำหน้าที่ของตนเอง อยู่ตรงไหนก็ทำงานได้เพราะเป็นข้าราชการของแผ่นดิน ทำงานเพื่อพี่น้องประชาชน เพื่อสถาบัน


ส่วนต้องไปกี่วันแล้วจะได้กลับมาเมื่อไรนั้น พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ระบุว่า ยังไม่ทราบแล้วแต่นายกรัฐมนตรี หากท่านเห็นสมควรว่า เรื่องในสำนักงานตำรวจแห่งชาติสงบก็อาจจะส่งกลับมา หรือไปไหนก็ได้ หรือจะให้อยู่จนปลดเกษียณก็อยู่ได้ เพราะตนเองไปได้ทุกที่ ไม่ต้องห่วง


ทั้งนี้ ก่อนที่จะย้ายไปช่วยราชการอยากฝากถึงผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างไรบ้างนั้น พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ระบุว่า ผู้ใต้บังคับบัญชา หน้าที่ของน้องคือการบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้กับประชาชน หน้าที่ของตำรวจก็ทำหน้าที่ของเราไป เพราะสำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่ใช่ตน และไม่ใช่ของใคร แต่เป็นของตำรวจทุกคน ท่านมีหน้าที่ของท่าน ผู้บังคับบัญชามาแล้วงานเลี้ยงก็ต้องมีเลิกรา เมื่อถึงเวลาก็ต้องไป ไม่มีอะไรเป็นของตนเองเลย ทุกอย่างมีเวลาของมัน ถึงเวลาก็ต้องไป ไม่มีใครอยู่ค่ำฟ้า ตนเองไม่ได้ยึดติด และขอน้องๆ ไม่ต้องห่วง ตนยังยิ้มได้ทุกเวลา และมีความสุขทุกครั้ง


ส่วนกรณีที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ มีข้อครหา และมาหวยออกที่ทำให้พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ต้องถูกโยกย้ายด้วยนั้น มองว่า ความรู้สึกของตนเอง ตนเองเป็นหัวหน้าหน่วย เมื่อไม่สามารถบริหารความขัดแย้งในองค์กรได้ ก็ต้องพิจารณาตัวเอง ซึ่งเป็นจิตที่จริงใจของตนเองมาตลอด เมื่อนายกมองว่าภาพองค์กรเสียหายมากๆ เมื่อตนเองเป็นผู้นำหน่วย เป็นกระโถนที่คนเอาของไม่ดีมาใส่ มันก็เปื้อนบ้าง แต่ขณะที่กระโถนมันเปื้อน สำคัญคือทำให้บ้านเราสะอาด ก็ไม่เป็นไร


และไม่ได้มองว่ามีการเมืองมากดดัน เพราะการเมืองเป็นการบริหารงาน เมื่อสั่งการแล้วไม่ทันใจก็ต้องฟาดงวงฟาดงาเป็นธรรมดา เพราะเป็นกำกับดูแลการบริหารงาน และภาพองค์กรตำรวจกำลังเสียหายเมื่อตนเองบริหารความขัดแย้งไม่ได้ งั้นท่านก็ต้องหาคนที่มาบริหารความขัดแย้ง ซึ่งคดีต่างๆ ก็เป็นหน้าที่ของรักษาการ และคดีต่างๆ ก็เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม และพี่ลุกแล้วก็ต้องลุก ก็ไปทำงานที่สำนักนายกฯ ไม่เป็นไร สนุก


ส่วนกรณีที่นายกรัฐมนตรี ระบุว่า การออกคำสั่งในครั้งนี้ก็รู้สึกไม่สบายใจนั้น พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ระบุด้วยว่า นายกรัฐมนตรีไม่ต้องไม่สบายใจ เพราะท่านเป็นหัวหน้าฝ่ายบริหาร ท่านเคยเป็นประธานบริษัทมาก่อน ซึ่งมีอำนาจที่สามารถตัดสินใจได้ทันที และมองว่า การตัดสินใจของนายกรัฐมนตรีเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง ซึ่งตนเองเคารพในการตัดสินใจของนายกรัฐมนตรี เนื่องจากตนเองเป็นคนมีวินัย รวมถึง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ที่ยอมรับและมีวินัยเช่นกัน ซึ่งหลังจากนี้ก็มอบหมายให้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ทำหน้าที่รักษาราชการแทน เพราะที่ผ่านมาตนเองก็ได้สนับสนุนเนื่องจากเป็นคนดี และมีความเหมาะสม และสามารถเป็นที่พึ่งของผู้ใต้บังคับบัญชาทุกนาย


พร้อมย้ำอีกว่า การจบครั้งนี้ ถือเป็นเรื่องดีที่ทำให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติสงบสุข เพราะที่ผ่านมาหากมีการนั่งเปิดใจพูดคุยกันก็จะทำให้องค์กรมีความสามัคคี และมีความสุข


พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ยังยืนยันด้วยว่า แม้ถูกย้ายไปช่วยราชการ ตนเองก็ยังเป็น ผบ.ตร.อยู่ส่วนจะกลับมาได้ภายใน 194วันหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรี แต่ตนเองก็ยินดีหากต้องเกษียณอายุราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี และไม่ได้กังวลอะไร “คนเรามาเพื่อจาก จะกลับหรือไม่กลับ พี่ก็เป็นผบ.ตร.คนที่ 14”

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ