เลือกตั้งและการเมือง
'หมอชัย' วอนอย่าบิดเบือน ยัน 'เศรษฐา' ชื่นชมสิงคโปร์ ใช้ 'เทย์เลอร์ สวิฟต์' โปรโมตการท่องเที่ยว
โดย nattachat_c
6 มี.ค. 2567
21 views
เมื่อวานนี้ (5 มี.ค.67) ภายหลังนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พบหารือกับดาโตะ เซอรี อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ระหว่างเชิญเข้าร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน-ออสเตรเลีย สมัยพิเศษ ณ เครือรัฐ ออสเตรเลีย โดยนายเศรษฐา ได้ไปเดินเล่นบริเวณด้านหลังโรงแรมที่พัก ใกล้กับสะพาน Evan Walker ซึ่งเป็นเส้นทางเลียบแม่น้ำ Yarra โดยแต่งชุดสูทสากล สวมผ้าพันคอเป็นลายผ้าข้าวม้าสีเหลือง-ดำ ที่ชาวบ้านจังหวัดกาฬสินธุ์ มอบให้ ในการลงพื้นที่ เมื่อวันที่ 2 มี.ค. ที่ผ่านมา
นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การหารือกับมาเลเซีย มีการพูดคุยกันเรื่องจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งได้เล่าให้ฟังว่า สัปดาห์ที่แล้วตนได้ลงพื้นที่จังหวัดปัตตานี ยะลา นราธิวาส การหารือ มีการพูดถึงการเปิดพื้นที่ชายแดน เพื่อส่งเสริมให้เศรษฐกิจชายแดนและการเดินทางไปมาหาสู่ระหว่างประชาชนทั้งสองประเทศดียิ่งขึ้น
ส่วนเรื่องการท่องเที่ยว ส่งเสริมความร่วมมือท่องเที่ยวเชื่อมโยง 6 ประเทศ ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวฯของทุกประเทศเห็นด้วย และจะนำมาพูดคุยต่อยอดอีกครั้ง โดยขณะนี้แต่ละประเทศได้เริ่มต้นดำเนินการแล้ว รวมถึงได้พูดคุยเรื่องตั๋วเครื่องบินที่มีราคาแพง ที่เป็นอุปสรรคเช่นเดียวกัน และการทำความร่วมมือเรื่องอาหารฮาลาล โดยสำนักงานฮาลาลของทั้งสองประเทศ จะมาพูดคุยกัน และงาน ITB ที่เยอรมนี ซึ่งนายกรัฐมนตรีมาเลเซียไม่เคยทราบมาก่อนว่ามีการจัดงานนี้ ดังนั้นตนเองจะไปร่วมงานและจะแชร์ข้อมูล เพราะมาเลเซียก็อยากโปรโมทเรื่องการท่องเที่ยวเช่นกัน
ส่วนการประชาสัมพันธ์จะเป็นรูปแบบภูมิภาคหรือไม่ ก็จะเน้นที่ประเทศไทยก่อน และตรงไหนที่สามารถช่วยเหลือประเทศเพื่อนบ้านได้ก็ยินดี สำหรับไทยและมาเลเซียได้ส่งเสริมเรื่องการท่องเที่ยวระหว่างกันมานาน ไทยไปมาเลเซีย ร้อยละ10 ส่วนมาเลเซียมาไทย ร้อยละ 90 จึงอยากส่งเสริมให้คนไทยไปเที่ยวมาเลเซียให้มากขึ้น เพราะเป็นประเทศเพื่อนบ้านกัน
นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า ได้พบเจอกับนายกรัฐมนตรีมาเลเซียบ่อยครั้ง และครั้งนี้ก็เป็นการติดตามงานแต่ละโครงการ ได้พูดคุยถึงเรื่องยางพาราที่มาเลเซียนำเข้าจำนวนมาก เพราะมีโรงงานผลิตถุงมือและถุงยางอนามัยเป็นจำนวนมาก จึงได้ประสานเจ้าหน้าที่กระทรวงพาณิชย์ ให้ติดต่อการขายยางให้กับมาเลเซีย ซึ่งถือว่าเป็นข่าวดี โดยขณะนี้ราคายางพาราค่อนข้างสูง เพราะในสต๊อกมีจำนวนน้อย แต่หากทราบออเดอร์ล่วงหน้า ก็จะสามารถรักษาราคาที่ต้องการขายไว้ได้
ขณะเดียวกันนายกรัฐมนตรี ยังเปิดเผยว่าได้พูดคุยกับนายกรัฐมนตรีมาเลเซียเรื่องฟุตบอล ที่หลานของท่านเชียร์ทีมอาเซนอล ซึ่งเมื่อคืนวันที่ 4 มี.ค. ก็แฮปปี้ เพราะชนะ 6-0 โดยตนเคยเจอหลานๆของท่านแล้ว ก็พูดคุยกันเรื่องฟุตบอลอย่างสนุกสนาน ส่วนจะมีโอกาสได้เล่นฟุตบอลด้วยกันหรือไม่ นายกรัฐมนตรีบอกว่า นายกรัฐมนตรีมาเลเซียส่วนตัวไม่ไหว เพราะอายุ 70 แล้ว แต่ตนเองก็คงมีโอกาสได้เล่นกับหลานของท่าน ซึ่งคงจะสนุกสนาน เพราะหลานของท่าน 4-5 คน เป็นแฟนของทีมอาร์เซนอลทั้งหมด
พร้อมกันนี้นายกรัฐมนตรี ยังเปิดเผยว่า วานนี้เป็นโอกาสดีที่ได้พบหารือกับนายกรัฐมนตรี สปป.ลาว ซึ่งไม่ค่อยมีโอกาสได้พบกันบ่อยเท่ากับนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย แต่เจอกันบ่อยขึ้น ก็จะผูกพันกันมากขึ้น และพร้อมผลักดันความร่วมมืออย่างเต็มที่ ซึ่งวันนี้เป็นการหารือกลุ่มเล็ก (4-eyed) เพราะเราเป็นบ้านใกล้เรือนเคียง
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า จะได้หารือกับนายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย พูดคุยเรื่องการค้าการลงทุน การแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชนกับประชาชน รวมถึงเรื่องเหมืองแร่ ที่ออสเตรเลียสนใจจะไปลงทุนในไทย ตลอดจนเรื่องการศึกษาและเกษตรแม่นยำ
ขณะเดียวกัน ระหว่างเดินชมเมือง นายกรัฐมนตรียังได้โชว์ถุงเท้าลายหมีโคอาล่า ซึ่งพลเอก เดวิด เฮอร์ลีย์ ผู้สำเร็จราชการแห่งเครือรัฐออสเตรเลีย มอบให้เป็นของขวัญ จำนวน 2 คู่ ระหว่างเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 13-17 กุมภาพันธ์ 2567 ที่ผ่านมา โดยอีกหนึ่งคู่เป็นลายกิ้งก่าและจิงโจ้ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของออสเตรเลีย วันนี้ (5 มี.ค.67) จะดูชุดที่สวมว่าเหมาะสมที่จะใส่ถุงเท้าลายกิ้งก่าและจิงโจ้หรือไม่
นายกรัฐมนตรี ยังเล่าให้ฟังอย่างอารมณ์ดีด้วยว่า "เมื่อวานนี้ (พี่ตั๊ก) นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ไปไล่จับหมีโคอาล่าบนต้นไม้ แต่จับไม่ได้ ซึ่งพี่ตั๊กจะพยายามสัมผัสพูดคุยเชิงการทูต แต่การพูดคุยการทูตกับต่างประเทศง่ายกว่าการพูดคุยกับหมีโคอาล่า"
----------------
วานนี้ (5 มี.ค. 67) นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในสังคม กรณี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้กล่าวถึงการแสดงคอนเสิร์ต 6 รอบที่สิงคโปร์ของ Taylor Swift โดยไม่เปิดการแสดงในประเทศอื่นในอาเซียน
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในฐานะผู้ใกล้ชิด ซึ่งเข้าใจในความเป็นตัวตนของท่านนายกฯ ผมขอยืนยันครับ ว่าท่านนายกฯ หยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดคุยด้วยความยกย่องชื่นชมสิงคโปร์ การหยิบยื่นข้อเสนอของสิงคโปร์ ที่กล้าคิดกล้าทำในการยื่นข้อเสนอที่สามารถทำให้ทีมงานของ Taylor Swift ยอมรับที่จะไปจัดการแสดงที่สิงค์โปร์เพียงประเทศเดียวในภูมิภาค ทำให้เกิดประโยชน์กับประเทศ ทั้งน้ำเสียงและความหมายที่ท่านนายกฯ พูดถึงเรื่องนี้ ไม่มีจุดไหนเลยครับที่จะสื่อไปในทางที่ตำหนิ หรือแสดงความอิจฉาสิงคโปร์
ความหมายของท่านนายกฯ มีนัยยะตรงข้ามครับ ท่านนายกฯ แสดงความหมายเป็นนัย ๆ ว่า ประเทศที่ต้องการโปรโมทการท่องเที่ยวของประเทศควรจะต้องดูกลยุทธ์ของสิงคโปร์เอาไว้เป็นแบบอย่าง
ทั้งนี้ ทางฝ่ายรัฐมนตรี และนายกรัฐมนตรีของสิงคโปร์ ก็ได้ออกมาเฉลยความจริงแล้ว ว่า มีดีลที่ตกลงกับทีมงานของ Taylor Swift ด้วยข้อเสนอผลตอบแทนและเงื่อนไขตรงตามที่เป็นข่าว สอดคล้องกับคำกล่าวของนายกฯ เศรษฐาว่า ดีลดังกล่าวเป็นเรื่องปกติทางธุรกิจ ไม่มีเหตุผลใดที่สิงคโปร์จะต้องรู้สึกละอายว่าไม่น่าทำ ยิ่งไปกว่านั้น สิงคโปร์ยังอธิบายเพิ่มว่า นอกเหนือจากเรื่องเงินแล้ว สิงคโปร์ยังมีความพร้อมด้านอื่น ๆ เป็นปัจจัยประกอบด้วยที่ทำให้ทางฝ่ายศิลปินหญิงทำความตกลงด้วย
ผมรู้สึกเสียใจ และขอให้กลุ่มคนที่จ้องจะจับผิดและด้อยค่านายกฯ เศรษฐา โปรดหยุดเถอะครับ ไม่มีเหตุผลอะไรที่เราจะมาตามด้อยค่าผู้นำประเทศเช่นนี้ รวมทั้งการกระทำเหล่านี้บางครั้งอาจจะเลยเถิดให้เกิดความหมางใจระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศโดยไม่จำเป็นได้ เรามาร่วมมือกันทำการเมืองแบบใสสะอาดดีกว่าไหมครับ มาร่วมมือกันก้าวข้ามผ่านความท้าทายในประเทศไปด้วยนะครับ” นายชัย กล่าว
-----------------
นายชัย ยังทวีตย้ำถึงเรื่องนี้อีกครั้งด้วยว่า
“เรื่องการตกลงไปแสดงคอนเสิร์ต 6 รอบที่สิงคโปร์ของ Taylor Swift โดยที่ไม่ไปรับงานแสดงในประเทศอื่นใดในอาเซียน ที่นายกฯ เศรษฐาได้เคยกล่าวเอาไว้ในงานปาฐกถาบางแห่งในกรุงเทพฯนั้น เกือบทุกครั้งที่ท่านนายกฯ กล่าวถึงเรื่องนี้บนเวที ผมได้มีโอกาสนั่งฟังอยู่ด้วยเสมอ ขอยืนยันว่า ท่านนายกฯ หยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดคุยด้วยความยกย่องชื่นชมสิงคโปร์ ที่กล้าคิดกล้าทำในการยื่นข้อเสนอที่สามารถทำให้ทีมงานของ Taylor Swift ยอมรับที่จะไปจัดการแสดงที่สิงค์โปร์เพียงประเทศเดียวในภูมิภาค
ทั้งน้ำเสียง และความหมายที่ท่านนายกฯ พูดถึงเรื่องนี้ ไม่มีจุดไหนเลยครับที่จะสื่อไปในทางที่ตำหนิหรือแสดงความอิจฉาสิงคโปร์ ตรงกันข้าม..ท่านนายกฯ แสดงความหมายเป็นนัย ๆ ว่า ประเทศที่ต้องการโปรโมทการท่องเที่ยวของประเทศ ควรจะต้องดูกลยุทธ์ของสิงค์โปร์เอาไว้เป็นแบบอย่าง
น่าเศร้าจริง ๆ ครับ ที่มีคนไทยบางกลุ่มพยายามอย่างยิ่งที่จะบิดเบือนว่า ”ท่านนายกปากเสีย เที่ยวไปกล่าวหาว่าสิงคโปร์ใช้เงินทุ่มเพื่อผูกขาดให้ Taylor Swift รับงานเฉพาะที่สิงค์โปร์ ห้ามไปรับงานที่อื่นในภูมิภาค”
ข้อเท็จจริงล่าสุด ทางฝ่ายรัฐมนตรีและนายกรัฐมนตรีของสิงค์โปร์ก็ได้ออกมาเฉลยความจริงแล้วว่า มีดีลที่ตกลงกับทีมงานของ Taylor Swift ด้วยข้อเสนอผลตอบแทน และเงื่อนไขตรงตามที่เป็นข่าว (ซึ่งตรงกับที่ท่านนายกได้พูดถึง) จริงทุกประการ
ซึ่งทางสิงคโปร์ก็ได้แสดงความเห็นออกมาสอดคล้องกับคำกล่าวของนายกเศรษฐาว่า ดีลดังกล่าวเป็นเรื่องปกติทางธุรกิจ ไม่มีเหตุผลใดที่สิงคโปร์จะต้องรู้สึกระอายว่าไม่น่าทำ ยิ่งไปกว่านั้น สิงคโปร์ยังอธิบายเพิ่มว่า นอกเหนือจากเรื่องเงินแล้ว สิงคโปร์ยังมีความพร้อมด้านอื่นๆเป็นปัจจัยประกอบด้วยที่ทำให้ทางฝ่ายยอดศิลปินเพลงหญิงยอมตกลงด้วย
สรุปว่า…ท่านนายกเศรษฐาไม่ได้ตำหนิสิงคโปร์ในเรื่องนี้แต่อย่างใด มีแต่คนที่จ้องจะจับผิดและด้อยค่าท่านนายกอยู่ตลอดเวลาเท่านั้น ที่เป็นคนบิดเบือนความหมายในคำพูดของนายกแล้วหยิบเอาไปแอบอ้างทึกทักว่า เป็นคำกล่าวหาของท่านนายก
ถามจริงๆเถอะครับว่า“พวกท่านไม่รู้สึกละอายใจกันบ้างหรือครับที่พยายามปั้นเรื่องใส่ร้ายผู้นำประเทศ โดยไม่คำนึงถึงผลกระทบที่อาจก่อให้เกิดความรู้สึกหมางใจกันของประชาชนทั้งสองประเทศได้เช่นนี้ #คนคิดลบมักสร้างแต่ความแตกแยก”
นายชัย ยังโพสต์เพิ่มเติมด้วยว่า “ทำงานสู้ไม่ได้..ตามไม่ทัน ก็หันมาใช้วิชามารด้วยการ“ตามจับผิด บิดเบือน ให้ร้ายป้ายสี อย่างซ้ำซากต่อเนื่องเป็นขบวนการ”
สังเกตไหมครับว่า ช่วงนี้จะเกิดปรากฏการณ์“ตามบิดเบือนด้อยค่านายกเศรษฐา” ค่อนข้างจะถี่มากขึ้นเรื่อยๆ #บ้านเมืองนี้คนเก่งคนดีถูกทำลายไปแล้วเท่าไร
-----------------------