เปิดขั้นตอนปล่อยตัว ‘ทักษิณ’ - คปท.บุก รพ.ตร.จี้ถามอาการ จับตาวันปล่อยตัวจะออกมาสภาพใด

โฆษก รพ.ตร. ยันพร้อมปล่อยตัว ทักษิณ ตามขั้นตอนของราชทัณฑ์ ระบุ หากปล่อยตัวแล้วยังต้องรักษาตัวใน รพ. ก็มีสิทธิ์เลือกรักษา รพ.ไหนก็ได้ ด้าน คปท.บุก รพ.ตำรวจ จี้ถามอาการทักษิณ  พร้อมจับตาวันปล่อยตัว จะออกมาแบบใด

เมื่อวานนี้ (14 ก.พ.67)  พ.ต.อ.หญิงศิริกุล ศรีสง่า โฆษก รพ.ตร. กล่าวถึงขั้นตอนการปล่อยตัว นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่รักษาตัวอยู่ที่ห้องพักชั้น 14 ของโรงพยาบาลตำรวจ ว่า เมื่อได้รับเอกสารและรายละเอียดทั้งหมดในการปล่อยตัวตามขั้นตอนแล้ว ไม่มีอะไรซับซ้อน หากราชทัณฑ์แจ้งว่าจะขอรับตัวออกไป  ทางโรงพยาบาลมีหน้าที่ออกใบรับรองแพทย์ให้ พร้อมแนบความเห็นแพทย์ถึงอาการของผู้ป่วย ว่าควรรักษาตัวต่อหรือไม่ ถือว่าหมดหน้าที่ของโรงพยาบาลตำรวจแล้ว

สำหรับขั้นตอนการรับตัวกลับ ระหว่างผู้ต้องขังกับบุคคลทั่วไปที่มารักษาตัว จะแตกต่างกันเพียงบุคคลที่มารับตัวเท่านั้น ซึ่งกรณีนายทักษิณ ญาติไม่สามารถมารับตัวได้ แม้มีคำสั่งพักโทษแล้วก็ตาม ต้องเป็นเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์มารับไปเท่านั้น  ส่วนรับออกไปแล้วจะส่งมอบให้ญาติ หรือมีขั้นตอนต่อไปอย่างไร เป็นหน้าที่ของกรมราชทัณฑ์

ส่วนระยะเวลาการขอรับตัวที่ผ่านมา ไม่มีหลักเกณฑ์ว่า ต้องแจ้งโรงพยาบาลก่อนกี่วัน เพราะผู้ต้องขังที่ถูกส่งตัวมารักษา จะมีเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์เฝ้าตลอด 24 ชั่วโมงอยู่แล้ว ทางกรมราชทัณฑ์จะประสานกับเจ้าหน้าที่ จากนั้นเจ้าหน้าที่สามารถแจ้งกับทางโรงพยาบาลได้ตลอดเวลา นั่นหมายถึงเที่ยงคืน 1 นาทีของวันที่มีการพักโทษ ก็สามารถแจ้งขอออกจากโรงพยาบาลได้ หากราชทัณฑ์มีความประสงค์จะเอาตัวออกจากโรงพยาบาล

สำหรับกรณี นายทักษิณ ทางโรงพยาบาล ยังไม่ได้รับการประสานจากทางกรมราชทัณฑ์ว่าจะออกวันใด

และหากวันที่ครบกำหนดปล่อยตัว แล้วอาการป่วยของนายทักษิณ ไม่สามารถออกจากโรงพยาบาลได้ต้องรักษาตัวต่อในโรงพยาบาล ก็จะต้องถามนายทักษิณ ว่าประสงค์จะรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจต่อไปหรือไม่ หรือจะไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลอื่น เพราะมีสิทธิ์ที่จะเลือกได้ แต่ทั้งหมดก็อยู่ในกรอบขั้นตอนของกรมราชทัณฑ์

---------------------------

ขณะเดียวกันวานนี้ เวลา 12.00 น. ตัวแทนกลุ่ม คปท.  กลุ่มกองทัพธรรม และ ศปปส. รวม 4 คน ได้เข้าไปพูดคุยกับตัวแทนนายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ  โดยมีพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้ประสานงานให้ ซึ่งได้ใช้เวลาพูดคุยกันประมาณ 1 ชั่วโมง

จากนั้น นายพิชิต ไชยมงคล  แกนนำกลุ่ม คปท. ได้ออกมาเปิดเผยว่า  ได้มีการพูดคุยกับตัวแทนนายแพทย์ใหญ่ และแพทย์ที่รักษานายทักษิณ  โดยได้ถามถึงอาการป่วยว่าอยู่ในขั้นวิกฤตหรือไม่ จำเป็นแค่ไหนที่ต้องพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจ  ซึ่งทางแพทย์ได้ชี้แจงว่า อาการป่วยของนายทักษิณเป็นแบบขึ้นๆ ลงๆ เดี๋ยวดีเดี๋ยวไม่ดี และมีช่วงที่วิกฤตบ้าง  ซึ่งส่วนตัวฟังแล้วไม่ค่อยเชื่อ เพราะก่อนหน้านี้ กรมราชทัณฑ์เคยชี้แจงว่า นายทักษิณหายจากอาการป่วยแล้ว แต่อยู่ในช่วงเฝ้าระวัง แต่วันนี้แพทย์กลับบอกว่าอาการขึ้นๆ ลงๆ จึงมองว่าข้อมูลไม่ชัดเจน

ส่วนเมื่อร้องขอจะขึ้นไปเยี่ยมนายทักษิณที่บริเวณชั้น 14 แพทย์ไม่อนุญาต แต่ยืนยันว่า นายทักษิณพักรักษาตัวอยู่ที่นี่จริง ตนก็ต้องเชื่อตามนั้น ส่วนประเด็นอื่นสอบถามอะไรไป ก็โยนให้ไปถามที่กรมราชทัณฑ์ ซึ่งมองว่าเป็นการโยนกันไปมาของหน่วยงานราชการ  ก่อนหน้านี้กรมราชทัณฑ์เคยบอกว่า ที่นายทักษิณต้องรักษาตัวต่อ เพราะเป็นคำสั่งแพทย์ แต่พอมาถามแพทย์บอกว่าขึ้นอยู่กับกรมราชทัณฑ์

ทั้งนี้ แพทย์บอกว่า อาการป่วยของนายทักษิณ เป็นอาการป่วยที่ไม่ปกติ จึงอยากขอให้สังคมช่วยกันจับตามองว่าหลังได้รับการพักโทษ นายทักษิณจะกลับมาปกติเลยหรือไม่ ถ้าอาการวิกฤต ก็ต้องยังกลับบ้านไม่ได้ ซึ่งได้มีการสอบถามแพทย์ถึงประเด็นนี้ แพทย์ก็บอกว่ายังยืนยันไม่ได้

อย่างไรก็ตาม สำหรับแนวทางของกลุ่มในช่วงวันที่ 18 ก.พ.นี้ จะมีการหารือกันอีกครั้ง แต่ยืนยันว่าแม้นายทักษิณจะได้รับการพักโทษ แต่การชุมนุมจะยังคงเดินหน้าต่อไป โดยหลังวันที่ 18 จะไปเร่งติดตามกับ ป.ป.ช. เกี่ยวกับการดำเนินการกับข้าราชการที่มีส่วนเกี่ยวข้องให้นายทักษิณออกมารักษาตัวนอกเรือนจำ

--------------------------

 "ครูมานิตย์" ดีใจ"ทักษิณ" ได้พักโทษ ย้อนถามคนต่อต้าน เคยทำคุณูปการอะไรให้ประเทศบ้าง

เมื่อวานนี้ (14 ก.พ.67)  ที่รัฐสภา  นายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม สส.จังหวัดสุรินทร์ พรรคเพื่อไทย ในฐานะอดีต สส.พรรคไทยรักไทย  กล่าวแสดงความยินดี  หลังทราบข่าวว่านายทักษิณ ชินวัตร ได้รับการพักโทษ  โดยบอกว่า วานนี้ ถือเป็นวันแห่งความรัก เป็นวันวาเลนไทน์ ตนจึงดีใจที่นายทักษิณได้กลับมาอยู่บ้าน เพราะนายทักษิณ ถือว่า เป็นคนที่ให้โอกาสตนและมีพระคุณอย่างสูงยิ่งทางการเมือง  ส่วนตัวคิดว่าท่านมีประโยชน์ต่อประเทศเยอะและยังมีประโยชน์อีกมาก สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนคือ ท่านมีคอนเนคชั่น​กับผู้นำต่างประเทศสูงมาก

พร้อมตั้งคำถามว่า คนๆเดียวที่สร้างคุณูปการมากมาย ได้กลับมาอยู่บ้าน กับขบวนการที่ไปต่อต้านบางคน แทบจะไม่เห็นทำคุณูปการให้กับประเทศเลย

เมื่อถามว่า การกลับมาของนายทักษิณครั้งนี้ จะกลับมาเป็นศูนย์รวมอำนาจทางการเมืองอีกครั้งหรือไม่ นายครูมานิตย์ กล่าวว่า ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน ตนไม่อยากเห็นการคาดคะเนไปก่อน แต่ที่สุดแล้วท่านเป็นอดีตผู้นำ มีน้องสาวเป็นอดีตผู้นำ และมีลูกสาวเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ท่านสามารถให้ความรู้ให้ความคิดหากมีใครเข้าไปถาม

“ถามว่าจะมารวบอำนาจหรือไม่นั้น ผมคิดว่าคิดไกลกันมากไป จะไม่ให้ท่านพูดกับลูกสาวท่านหรือ ลูกสาวท่านเป็นหัวหน้าพรรคไปเยี่ยม ไปขอความรู้จากพ่อ จะไม่ให้ท่านให้การต้อนรับ ไม่ให้พูดหรือ แล้วท่านก็เป็นต้นตระกูลของเพื่อไทยก็ว่าได้ ตั้งแต่ไทยรักไทย พลังประชาชนมาจนถึงเพื่อไทย  อย่าว่าแต่ท่านเลย พื้นฐานการเมืองในประเทศไทยก็ย่อมฝังความรู้สึกนึกคิดของพี่น้อง ประชาชนทั้งประเทศ ผมคิดเช่นนั้น”

เมื่อถามว่ากังวลเรื่องกลุ่มต่อต้านหรือไม่ นายครูมานิตย์ บอกว่า  ไม่กังวลเพราะเขาก็ต้องการแสดงออก เป็นความสวยงามในระบอบประชาธิปไตย จะให้คนเห็นด้วย 100% ก็คงเป็นไปไม่ได้ จะให้คนรัก 100% ก็คงเป็นไปไม่ได้ ในสภาก็ยังมีฝ่ายค้านฝ่ายรัฐบาล ดีที่ไม่มีฝ่ายแค้น

เมื่อถามว่า การกลับมาของนายทักษิณจะกระทบต่อเสถียรภาพของรัฐบาลหรือไม่  เพราะหลายคนมองว่าเหลื่อมล้ำ นายครูมานิตย์ ระบุว่า  ไม่คิดว่าจะเกี่ยวข้องกันเพราะนายเศรษฐา ก็วางตัวเสมอต้นเสมอปลาย และเรื่องนี้เป็นเรื่องของกระทรวงยุติธรรมและกรมราชทัณฑ์ ตำรวจ โรงพยาบาลแพทย์ ส่วนคนจะมองว่าเหลื่อมล้ำหรือไม่ บังเอิญเป็นคนชื่อทักษิณ ชินวัตร ทำอะไรก็ย่อมมีฝ่ายตรงข้ามแน่นอน แต่ก็อยากให้คำนึงถึงข้อเท็จจริงว่าการพักโทษครั้งนี้มีถึง 900 คน ไม่ใช่แค่นายทักษิณ คนเดียว

ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำว่าแต่นายทักษิณโดนข้อกังขาไม่ได้ติดคุกแม้มาวันเดียว นายครูมานิตย์กล่าวว่าก็คนป่วยจะให้ทำอย่างไร คนป่วยไม่สบายจะให้นอนอยู่ในคุกได้อย่างไร ก็ต้องหาหมอที่ดี

 "ชีวิตคนๆหนึ่ง ที่เคยสร้างคุณูปการให้กับประเทศ เป็นผู้นำของประเทศ แล้วป่วยรักษาโรงพยาบาลในเรือนจำ แล้วเกิดมีปัญหา เกิดเป็นอะไรที่เป็นหนักกว่านั้นใคร จะรับผิดชอบ จึงต้องอยู่ในโรงพยาบาลที่ดีกว่า มีหมอที่ดีกว่าและมีความพร้อมกว่า"

ส่วนที่มีกระแสข่าวบอกว่า การกลับมาของนายทักษิณ  เก้าอี้ที่เขย่าที่สุด คือ เก้าอี้ของนายเศรษฐา  นายครูมานิตย์ กล่าวว่า ตนยังมองไม่เห็นที่จะเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคที่วางไว้ว่าจะเป็นเบอร์ลำดับถัดไป เธอยังไม่ต้องการ เธอยังศึกษาทางด้านการเมือง ต้องการประสบการณ์ที่มากกว่านี้ และนายกฯ เศรษฐา ก็ทำงานดีอยู่แล้ว

รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/0dBwirwt_8c