เลือกตั้งและการเมือง
'เศรษฐา' ข้องใจ 'ป.ป.ช.' ขีดเส้นแจกเงินดิจิทัล เหน็บไม่ใช่หน้าที่ 'สว.สมชาย' เตือน เลิกเถอะอย่าดันทุรัง
8 ก.พ. 2567
324 views
เมื่อวันที่ 7 ก.พ.67 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์กรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แถลงความเห็นและข้อเสนอแนะโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ว่า อ่านจากเฮดไลน์คร่าว ๆ เรื่องของการทุจริตในการประชุมของคณะกรรมการชุดใหญ่ เรื่องนี้คงมีการตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาดูแลเรื่องนี้โดยเฉพาะ ยืนยันว่าต้องตอบคำถามเรื่องนี้ให้ได้ เรื่องนี้ต้องระมัดระวังอยู่แล้ว อย่างที่ตนบอกจะมีการตั้งคณะอนุกรรมการ มีกลไกที่ชัดเจน สามารถตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน
ส่วนจะมีการส่งเรื่องให้คณะกรรมการกฤษฎีกาดูด้วยหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า คิดว่าคณะทำงานคงทำทุกอย่างที่ต้องเป็นการปกป้องและดูแลเรื่องผลประโยชน์อย่างสูงสุดของพี่น้องประชาชน ซึ่งอาทิตย์หน้าจะมีการประชุมคณะกรรมการชุดใหญ่ หลังจากนั้นคงมีการแถลงใหญ่
เมื่อถามว่าเกี่ยวกับเรื่องงบประมาณ ทาง ป.ป.ช. แนะให้กลับมาใช้งบประมาณประจำปี ดีกว่าการออก พ.ร.บ.กู้เงิน นายเศรษฐา กล่าวว่า เดี๋ยวต้องไปคุยกัน ก็เพิ่งทราบเหมือนกัน เมื่อถามอีกว่าจะเป็นไปได้หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ยังไม่ทราบ ยังไม่ได้คุยเลย ต้องดูความเหมาะสมก่อน
ทั้งนี้ ข้อเสนอแนะ ป.ป.ช. ถึงขั้นให้ปรับเกณฑ์แจกเฉพาะกลุ่มเปราะบางหรือผู้มีรายได้น้อย นายเศรษฐา กล่าวว่า ก็ต้องไปดูเรื่องของหน้าที่ และสิ่งที่ ป.ป.ช.บอกมาว่าอย่างไรและเหตุผลคืออะไร ซึ่งก็ต้องดูหน้าที่ของ ป.ป.ช.คือการตรวจสอบ ทุจริตประพฤติมิชอบใช่หรือไม่ ส่วนนโยบายว่าจะให้ใครบ้างเป็นเรื่องของรัฐบาล เป็นหน้าที่ของเราที่ต้องคำนึงถึงและน้อมรับคำและข้อสังเกตเรื่องของการทุจริต ตนเน้นตรงนี้ดีกว่าที่เกี่ยวข้องกับทาง ป.ป.ช. เพื่อให้ ป.ป.ช.สบายใจว่าตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน
"อย่างที่บอกเรื่องของคนเปราะบาง เริ่มจากวันแรกที่เราพูดคุยกันแล้วว่า ตรงไหนคือเปราะบาง ตรงไหนคือไม่เปราะบาง ถ้าผมบอกว่าต่ำกว่า 20,000 บาท เปราะบาง ถ้าสูงกว่า 20,000 บาท ไม่เปราะบาง หากคุณได้เงินเดือน 20,000 บาท คุณจะโต้เถียงหรือไม่ เพราะผมก็เปราะบางเหมือนกัน ผมก็มีหนี้เยอะต้องการการกระตุ้นเหมือนกันใช่ไหมครับ อันนี้เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหมือนกัน ฉะนั้นทาง ป.ป.ช.หน้าที่ของท่านที่เสนอมาในเรื่องของการทุจริตต้องระมัดระวังตรงนี้ น้อมรับครับ"
เมื่อถามว่าการหาเสียงบอกว่าจะไม่กู้ แต่สุดท้ายประกาศออก พ.ร.บ.กู้เงินเพื่อมาใช้ในโครงการดังกล่าว ตรงนี้จะอธิบายอย่างไร นายเศรษฐา กล่าวว่า ก็ต้องอธิบายให้ได้และต้องอธิบายให้เข้าใจ ขอดูทางออกสุดท้ายก่อน
เมื่อถามว่า ความเห็นของ ป.ป.ช.แบบนี้ไม่ได้ทำให้รัฐบาลต้องปรับเปลี่ยนความคิดหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ยืนยันทุกความเห็นเราต้องมาคำนึงถึงใหม่หมด
เมื่อถามว่ายังมั่นใจใช่หรือไม่ว่าจะฝ่าวิกฤตความเห็นต่างตรงนี้ไปได้ และสามารถแจกเงินดิจิทัลได้ นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนว่าเป็นเรื่องสำคัญในสังคมไทย เราเองเป็นรัฐบาลมาจากการเลือกตั้ง มีพี่น้องประชาชนให้การสนับสนุน ความเห็นต่างเป็นเรื่องที่สังคมต้องยอมรับได้ ความเห็นต่างเป็นเรื่องที่เราต้องบริหารความคาดหวังซึ่งกันและกัน ต้องอยู่ในกรอบของกฎหมายและความไม่ก้าวร้าวซึ่งกันและกัน ต้องบริหารกันไป
เมื่อถามว่ารู้สึกเหมือนถูกบีบให้ถอยหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ไม่มีความรู้สึกใด ๆ ทั้งสิ้น เป็นหน้าที่ ที่ต้องบริหารจัดการเรื่องนี้อยู่แล้ว
ด้าน นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงการนัดประชุมคณะกรรมการนโยบายเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัล วอลเล็ต ว่า จะเป็นช่วงต้นสัปดาห์หน้า เรื่องนี้ไม่ได้เป็นความลับ แต่รอให้ชัด ๆ ก่อน
ขณะที่ น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.แบบบัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า หลายเรื่องที่ ป.ป.ช.มีความเห็นมาในครั้งนี้ ไม่ได้แตกต่างจากความเห็นที่หลุดออกมาสู่สื่อมวลชนก่อนหน้านี้ แม้ครั้งนี้จะมีแหล่งข่าวระบุว่า ป.ป.ช.จะพยายามปรับให้โทนของความเห็นเบาลง แต่ความจริงก็เหมือนเดิมทุกประการ หลายเรื่องเป็นสิ่งที่รัฐบาลทราบอยู่แล้ว ว่าเศรษฐกิจอาจจะไม่ได้อยู่ในภาวะวิกฤต แต่อยู่ในภาวะกำลังฟื้นตัวเข้าสู่จุดสมดุล หรือการที่หาเสียงไว้แบบหนึ่งแต่กำลังจะทำอีกแบบ
น.ส.ศิริกัญญา กล่าวต่อไปว่า ดังนั้นเรายังคงยืนยันว่าคำแนะนำของ ป.ป.ช. ก็เป็นเพียงอำนาจหน้าที่ของ ป.ป.ช.ตามพรบมาตรา 32 แต่รัฐบาลก็ไม่จำเป็นต้องทำตามที่ ป.ป.ช.เสนอแนะ แน่นอนว่ามีส่วนที่เราเห็นด้วยในบางข้อ แต่ในหลายข้อเราก็คิดว่าน่าจะเกินขอบเขตอำนาจหน้าที่ ของ ป.ป.ช.ในการแนะนำ อาทิ การให้จำกัดคนที่จะได้รับประโยชน์ให้เป็นเฉพาะกลุ่มเปราะบาง หรือรายได้น้อยเท่านั้น ก็ต้องมาดูด้วยว่าวัตถุประสงค์ของแต่ละโครงการที่แตกต่างกัน อาจไม่ได้เพื่อกลุ่มเปราะบางโดยเฉพาะ
"การที่ ป.ป.ช.ทำรายงานฉบับนี้ออกมา แล้วทำให้ทุกอย่างต้องดีเลย์ออกไป ค่อนข้างเป็นการเสียระยะเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์ ความจริงรัฐบาลควรต้องเดินหน้า ปรึกษาหารือ และนัดประชุมกับคณะกรรมการนโยบายชุดใหญ่ เพื่อสรุปว่าโครงการนี้จะเดินหน้าในวิธีใดมากกว่า" น.ส.ศิริกัญญา กล่าว
หากรัฐบาลเดินหน้าโครงการต่อ เรื่องนี้จะไปจบที่ศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่ น.ส.ศิริกัญญา ระบุว่า รัฐบาลทราบมาโดยตลอดว่าการออก พ.ร.บ.เงินกู้ มีความเสี่ยงทางกฎหมาย โดยเฉพาะ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง และยังไม่ได้รับคำตอบจากรัฐบาลว่าจะแก้ปมนี้อย่างไร อีกทั้งรายงานของ ป.ป.ช. ยังมีถ้อยคำที่เขียนเรื่องนี้ไว้โดยเฉพาะ จึงอาจทำให้คนไปร้องเรียนต่อ ป.ป.ช. ได้ง่ายดายขึ้น
อย่างไรก็ตาม น.ส.ศิริกัญญา ชี้ว่า ในหลายช่วงหลายตอนของรายงานของ ป.ป.ช. มีการพูดถึงความคุ้มค่าของโครงการ และตัวคูณทางการคลัง ส่วนตัวจึงมั่นใจว่าหากรัฐบาลทำการศึกษา ขึ้นมาชุดหนึ่ง เพื่อหักล้างข้อมูลของ ป.ป.ช.ก็สามารถทำได้ แต่รอจนถึงวันนี้ก็ยังไม่มีผลการศึกษาดังกล่าวจากรัฐบาล มายืนยันความคุ้มค่าของโครงการเลย
น.ส.ศิริกัญญา ยังย้ำว่า หนทางที่จะใช้งบประมาณ ปี 2568 เพื่อจะได้ไม่ต้องกังวลความเสี่ยงทางด้านกฎหมาย แต่ก็จะทำให้โครงการล่าช้าออกไปอีก หลังเดือน ก.ย. ของปี 2567 คือเริ่มจากเดือน ต.ค. เป็นต้นไป ซึ่งก็ยังไม่แน่ชัดว่าโครงการจะเริ่มเมื่อไหร่ เพราะกำหนดการจากเดือน พ.ค. ก็เลื่อนไปแล้วอย่างไม่มีกำหนด และอีกข้อจำกัดคือแม้จะใช้งบปี 2568 ก็ยังไม่มีงบประมาณเพียงพอสำหรับโครงการ 500,000 ล้านบาทนี้ ดังนั้นการลดกลุ่มเป้าหมายลงมาก็เป็นทางออกอีกทางหนึ่ง แต่อีกปมที่ยังไม่ได้แก้ คือเรื่องความคุ้มค่าของโครงการ
เมื่อถามว่าถือว่าช้าเกินไปหรือไม่ที่รัฐบาลจะหันกลับมาทบทวนโครงการนี้ น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า ไม่ช้า เพราะเราไม่เคยปฏิเสธว่าเศรษฐกิจไทยมีปัญหา เพียงแต่ว่าตอนนี้ยังไม่เข้าสู่ช่วงวิกฤตเต็มตัว ยังคงจำเป็นที่จะต้องมีมาตรการต่าง ๆ ออกมาได้แล้วในวันนี้ โดยที่ไม่ต้องรอถึงเดือน พ.ค. หรือ ต.ค. ถ้ามีการทบทวนในระหว่างทางว่าควรต้องมีโครงการอื่น ๆ ออกมาในระหว่างนี้ก่อน โครงการดิจิทัลวอลเล็ตก็คงจะต้องรอให้มีเงินมากเพียงพอ แล้วค่อยทำ ก็ยังคงเป็นไปได้เช่นเดียวกัน
"เพราะว่าก็ไม่รู้จะโทษใครดี ที่ต้องการจะทำโครงการขนาดมหึมาแบบนี้ แต่ไม่ได้เตรียมในเรื่องเงินที่วางไว้ จึงต้องมีปัญหาที่ต้องแก้ไปทีละปะเหลาะแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ตอนนี้คิดว่าควรมีแอคชัน อะไรที่สามารถทำได้เลย อาจจะเล็กลงมา ใช้งบกลางที่มีอยู่ก่อนแล้วไปพลางก่อน ก็น่าจะทำให้ช่วยเหลือพี่น้องประชาชนได้ภายในระยะเวลานี้" น.ส.ศิริกัญญา กล่าว
ส่วน นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา ได้โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า "# ข้อเสนอปปช # ดิจิทัลวอลเลท # กู้มาแจก5แสนล้าน # เสี่ยงคุก ข้อเสนอแนะของคณะกรรมการปปช ต่อการออกพรบเงินกู้ 5 แสนล้านบาท เพื่อแจกโครงการดิจิตัลวอลเลต 61 หน้า ยังคงยืนยัน 8 ข้อเสนอ 8 ข้อตามเดิม
ส่วนตัวมีความเห็นว่า รัฐบาลควรนำพิจารณาอย่างใส่ใจ และทบทวนการดำเนินโครงการหรือเลิกโครงการ เพราะปปชมีข้อเสนอแนะ ดังนี้
1)เตือนให้ระวังทุจริตเชิงนโยบาย
2)ชี้ว่านโยบายหาเสียงของพรรคและนโยบายรัฐบาลอาจเสี่ยงต่อการขัดรัฐธรรมนูญและพรบพรรคการเมือง
3)โครงการควรคำนึงถึง ความคุ้มค่า ผลกระทบและภาระการเงิน การสร้างหนี้ในอนาคต ซึ่งความคุ้มค่าทวีคูณทางเศรษฐกิจมีเพียงแค่ 0.4% แต่ต้องใช้หนี้ 4-5 ปี
4)มีความเสี่ยงต่อกฎหมายหลายฉบับ
5)รัฐบาลต้องประเมินความเสี่ยงโครงการ และมีมาตรการป้องกันทุจริตตลอดโครงการทั้ง ก่อน ระหว่างและหลัง
6)การใช้ blockchain ต้องใช้งบประมาณและเวลามากในการพัฒนา ทั้ง ๆ ที่โครงการมีเวลาแจกครั้งเดียวใช้แค่ 6 เดือน
7)เศรษฐกิจประเทศไม่ได้วิกฤติ แค่มีภาวะชะลอตัวเท่านั้น
8)หากรัฐบาลจำเป็นจะทำต้องแจกเฉพาะคนเปราะบางเท่านั้น
ใช้เงินตามพรบงบประมาณปกติจะออกพรบเงินกู้ไม่ได้ และจ่ายเป็นงวด ๆ ด้วยเงินบาทผ่านแอพเป๋าตังค์เท่านั้น
# เลิกเถอะครับอย่าดันทุรัง # เตือนมาด้วยความหวังดี สมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา 7 กพ 2567"
รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/2sMdbDF8eMA
แท็กที่เกี่ยวข้อง ดิจิทัลวอลเล็ต ,ป.ป.ช.