เลือกตั้งและการเมือง

"ภูมิธรรม" ลั่น อย่าไปคิดเยอะ พักโทษ “ทักษิณ” จะสร้างขัดแย้งใหม่ให้สังคม "พิชิต” มั่นใจไม่ถูกอายัดตัวแน่

6 ก.พ. 2567

99 views

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงกรณีที่เครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย หรือ คปท.มาชุมนุมที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลนำตัวนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กลับเข้าเรือนจำ ว่า รัฐบาลให้สิทธิเสรีภาพการชุมนุมตามกฎหมาย ซึ่งรัฐบาลพร้อมรับฟัง แม้จะเป็นความเป็นส่วนน้อย และขออย่าไปรุกล้ำ หรือสร้างความเดือดร้อนให้ผู้อื่น ซึ่งเรื่องใดที่รัฐบาลสามารถจัดการให้ได้ รัฐบาลก็จะดำเนินการ จึงไม่เห็นปัญหา และไม่ได้กังวลใจใด ๆ ว่าจะมีผลกระทบใด ๆ เกิดขึ้นตามมา


ส่วนกลุ่มมวลชนดังกล่าวจะจุดติดการชุมนุมหรือไม่นั้น เนื่องจากในวันที่ 18 กุมภาพันธ์นี้ จะครบกำหนดพักโทษนายทักษิณนั้น นายภูมิธรรม ยอมรับว่า ไม่ได้คิดว่าจะจุดติดหรือไม่ แต่การแสดงออกสามารถทำได้ หากเป็นเสียงของคนกลุ่มหนึ่งก็พร้อมรับฟัง เพราะสังคมไม่ได้มีเพียงเสียงเดียว แต่จะมีผลหรือไม่ ก็ต้องขึ้นอยู่กับว่า เป็นเสียงของคนในสังคมส่วนใหญ่หรือไม่


ส่วนข้อกังวลที่การพักโทษนายทักษิณจะกลายเป็นความขัดแย้งใหม่ของสังคมนั้น นายภูมิธรรม ขอให้อย่าไปคิดเยอะ เพราะคิดเยอะแล้วจะปวดหัว และวันนี้สิ่งที่มีผลกระทบเดือดร้อนกับประชาชนมากที่สุดคือปัญหาทางเศรษฐกิจ จึงอยากให้มาพูดคุยกันในเรื่องเหล่านี้มากกว่า และระบุว่า รัฐบาลไม่ได้มีการเตรียมการใด ๆ จะเกิดความขัดแย้งจากการชุมนุมเรื่องนายทักษิณ เพราะยังไม่เห็นว่า จะมีเหตุการณ์ใดเกิดขึ้น และไม่ได้รู้สึกว่าเหตุการณ์จะมีความรุนแรง


ขณะที่ นายพิชิต ชื่นบาน ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะได้รับการพักโทษเป็นกรณีพิเศษว่า เรื่องนี้ต้องสอบถาม พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม เพราะเป็นผู้รับผิดชอบโดยตรง รวมถึงกรมราชทัณฑ์ เพราะจะทราบถึงขั้นตอนและระเบียบเป็นอย่างดี แต่ตนยังไม่ทราบว่านายทักษิณมีชื่อได้รับการพักโทษ แต่หากมีชื่อได้รับการพักโทษจริงๆ ขั้นตอนต่างๆ คงเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของกรมราชทัณฑ์ ตนไม่อยากพูดอะไรไปกลัวจะคลาดเคลื่อน เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน และยืนยันว่ายังไม่ได้คุยและได้พบกับนายทักษิณ


ส่วนมีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน ที่นายทักษิณ จะได้รับการพักโทษแล้วออกมาในวันที่ 18 ก.พ.นี้ นายพิชิต กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับการนับระยะเวลากำหนดของกรมราชทัณฑ์ และคงไม่ใช่หน้าที่ของตนที่จะไปนับ


เมื่อถามถึงกระแสข่าวนายทักษิณจะถูกอายัดตัวในคดีมาตรา 112 นายพิชิต กล่าวว่า คิดว่าไม่มี ข่าวค่อนข้างจะคลาดเคลื่อน ส่วนที่มีการระบุว่าเป็นคดีในปี 59 นั้น เป็นกรณีที่ท่านพูดที่ประเทศเกาหลีใต้ เป็นความผิดนอกราชอาณาจักร และเท่าที่ตรวจสอบ ในขณะนั้นที่ท่านถูกแจ้งข้อกล่าวหาและออกหมายจับ ท่านไม่มีโอกาสได้แก้ตัวหรือชี้แจง


เพราะฉะนั้น ตนคิดว่ายังไม่มีความเป็นธรรมกับท่าน เพราะในกฎหมายนั้นกำหนดให้พนักงานสอบสวนต้องสอบสวนในทางที่เป็นคุณและเป็นโทษ แต่กรณีดังกล่าวท่านอยู่ต่างประเทศ ไม่ได้มีโอกาสที่จะชี้แจงในส่วนที่เป็นคุณ ว่าท่านไม่ได้กระทำความผิด และคิดว่ากระบวนการนี้ค่อนข้างจะสมบูรณ์แล้ว แต่เป็นรายละเอียดในชั้นของพนักงานสอบสวนและอัยการ ก็คงไม่อยากจะให้เป็นข่าว เพราะจะทำให้เป็นกระแสและเกิดความคลาดเคลื่อนกับสังคมได้ ซึ่งคิดว่าประเด็นนี้เป็นเรื่องตามกระบวนการยุติธรรมปกติ และท่านได้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้ว


เมื่อถามย้ำว่าคดีมาตรา 112 อยู่ในระหว่างชี้แจงและสอบสวนว่านายทักษิณไม่ได้กระทำความผิด ตามที่มีการกล่าว หาใช่หรือไม่ นายพิชิต กล่าวว่า ก็คงเป็นเช่นนั้น ทั้งนี้ ตนมั่นใจว่ามีหลายประเด็นที่ท่านไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะเหตุเกิดต่างประเทศ และคลิปที่นำมาเผยแพร่เป็นเพียงบางท่อนบางตอน แต่ไม่ใช่ทั้งหมด ตนไม่อยากกล่าวหาว่าเป็นการตัดต่อ และยังมีบางส่วนที่ขาดหายไป ในหลายเรื่องทราบว่าก็ยังไม่ได้มา รวมถึงการสอบสวนผู้สื่อข่าวที่สัมภาษณ์ท่าน ก็ไม่ได้ดำเนินการ ซึ่งเรื่องนี้ต้องใช้พ.ร.บ.ความร่วมมือคดีอาญาระหว่างประเทศ ในการสอบสวน ตนไม่ทราบว่าพนักงานสอบสวนหรืออัยการได้ดำเนินการขั้นตอนนี้แล้วหรือยัง เพราะเป็นกฎหมายสากล ไม่ใช่ว่ามีข่าวแล้วมาสรุปความกันว่ากระทำผิด


ทั้งนี้ หากนายทักษิณได้รับการพักโทษ กรณีนี้จะไม่สามารถขยับตัวได้ใช่หรือไม่ นายพิชิต กล่าวว่า คิดว่าเรื่องหมายจับและกระบวนการต่าง ๆ มีการดูแลแล้ว คงไม่มีความหมายอะไรมา จับท่านหรอก พนักงานสอบสวนและอัยการได้ทำหน้าที่ของตัวเองแล้ว คงไม่ปล่อยปละละเลย เพียงแต่ว่า เราไม่อยากให้เป็นข่าว เพราะว่ามันมีสังคมอีกส่วนหนึ่ง ต้องการที่จะทำให้เกิดบางอย่าง และทำให้บ้านเมืองไม่สงบ ยืนยันว่ากระบวนการ ในการดำเนินการ กรณีนายทักษิณมันเป็นไปด้วยดี ไม่มีอะไรพิเศษ เป็นการต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรมปกติ ที่ท่านไม่เคยได้ชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาเลย ขอให้สบายใจได้


หากนายทักษิณได้พักโทษ จะครอบคลุมคดีอื่น ๆ ด้วยหรือไม่ นายพิชิต กล่าวว่า การพักโทษเป็นไปตามหมายแดง ที่นำท่านเข้ามาสู่ประเทศไทยว่ามีกี่คดี ที่ถูกใบแดงแจ้งโทษ ตรงนี้คือตัวตัดสิน ส่วนที่มีหลายฝ่ายออกมาถกเถียงกันว่า นายทักษิณได้รับโทษหรือยังนั้น ตนขอยืนยันในประเด็นข้อกฎหมายว่า ตอนที่ท่านเดินทางกลับประเทศไทย และถูกนำตัวไปศาล ศาลจะออกใบแดงแจ้งโทษ ส่วนกระบวนการบังคับโทษ เราต้องแยก เพราะขณะนี้มีหลายฝ่ายมากล่าวหาว่านายทักษิณทำลายกระบวนการยุติธรรม ซึ่งกระบวนการยุติธรรมได้ยุติแล้ว ศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุด ขณะนี้เขาเรียกว่ากระบวนการบังคับโทษ และบริหารโทษของกรมราชทัณฑ์ ยืนยันว่ากระบวนการยุติธรรมมันได้สิ้นสุด ไปตั้งแต่ศาลได้ออกใบแดง ซึ่งอยากให้จำไว้สองคำคือการบังคับโทษ และบริหารโทษ ท่านอยู่ในกระบวนการนี้ ไม่ใช่อยู่ในกระบวนการยุติธรรม


อย่างไรก็ตาม ทุกคนเห็นต่างได้ แต่อยากให้ไปดูข้อกฎหมาย นี่คือขั้นตอนที่นายทักษิณอยู่ ดังนั้นเรื่องการพักโทษก็ดี หรือที่มีข่าวว่ามีการออกระเบียบราชทัณฑ์ เพื่อให้คุมขังอยู่ด้านนอกเรือนจำ มันเกิดไม่ได้ มันเป็นไปตามกฎหมาย ไม่มีใครกล้ากระทำผิดกฎหมาย แต่ถ้าไม่เข้าใจว่าขั้นตอนนี้คืออะไรเราก็จะพูดกันไปเรื่อยและหาจุดจบ อันนั้นเรียกว่ามีวาระซ่อนเร้น


“การบังคับโทษหรือการบริหารโทษ เป็นการดำเนินงานโดยคณะบุคคล ไม่มีคนหนึ่งคนใดทำได้ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ก็ทำไม่ได้ อยากให้รับฟังข้อมูลที่ถูกต้อง เพื่อให้สังคมได้เข้าใจ และได้คิดวิเคราะห์ ว่าเราจะเป็นตัวทำให้สังคมแตกแยกหรือไม่ ยืนยันว่าท่านทักษิณยังยึดมั่นในหลักนิติรัฐและนิติธรรม และท่านได้เข้าสู่กระบวนการการรับโทษ และเมื่อเข้าสู่ขั้นตอนการพักโทษและการบริหารโทษก็ต้องดูให้เหมาะสมกับฐานะ รวมถึงปัญหาที่เกิดขึ้น และสุขภาพของท่าน”


ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า มั่นใจใช่หรือไม่ว่าหากออกมาแล้วจะไม่ถูกอายัดหรือถูกควบคุมตัว นายพิชิต เอามือตบอก พร้อมระบุว่า มั่นใจว่าทำถูกต้องทุกอย่างล้านเปอร์เซ็นต์ และได้รับโทษ 1 ใน 3 ครบกำหนดเรียบร้อย เมื่อถามว่าจะได้ออกมาในเดือน ก.พ.นี้แน่นอนใช่หรือไม่ นายพิชิต กล่าวว่า ยิ้มแต่ไม่ตอบคำถาม

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ