เลือกตั้งและการเมือง

จำคุก 8 อดีตแกนนำ 'อนาคตใหม่' คดีแฟลชม็อบปี 62 - ‘ภูมิธรรม’ ไม่หวั่น ก้าวไกลยิ่งยุบยิ่งโต มองเป็นวาทกรรม

โดย petchpawee_k

6 ก.พ. 2567

10 views

ศาลสั่งจำคุก 4 เดือน ธนาธร-พิธา กับพวก รวม 8 คน คดีแฟลชม็อบ รออาญา 2 ปี ปรับ 10,200 บาท ยืนยันอุทธรณ์สู้คดี  ขณะที่ภูมิธรรมชี้ ก้าวไกลยิ่งยุบยิ่งโต แค่วาทกรรม ย้ำ พท.ไม่ยุ่ง ม.112 หวั่นสร้างขัดแย้งใหม่

เมื่อวานนี้ (5 ก.พ.67)  ที่ศาลแขวงปทุมวัน ศาลนัดฟังคำพิพากษา ในคดีที่พนักงานอัยการคดีศาลแขวง 6 (ปทุมวัน) เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ, นายปิยบุตร แสงกนกกุล, น.ส.พรรณิการ์ วานิช, นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ , น.ส.ณัฏฐา มหัทธนา, นายพริษฐ์ ชีวารักษ์, นายธนวัฒน์ วงค์ไชย และนายไพรัฏฐโชติก์ จันทรขจร เป็นจำเลย 1-8  ในความผิดตาม พ.ร.บ. การชุมนุมสาธารณะ ฯลฯ  จากกรณีที่กลุ่มจำเลยร่วมในการชุมนุมแฟลชม็อบ บริเวณสกายวอล์กสี่แยกปทุมวัน หน้าหอศิลปวัฒนธรรมกรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 14 ธ.ค.2562

โดยวานนี้ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ , นาย ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า อดีตเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ , นางสาว พรรณิการ์ วานิช โฆษกคณะก้าวหน้า อดีตโฆษกพรรคอนาคตใหม่ , นาย พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล   พร้อมอดีตผู้สมัคร สส.พรรคอนาคตใหม่อีก 2 คน เดินทางมาฟังคำพิพากษาพร้อมทนายความ โดยมีนายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้มาให้กำลังใจด้วย

ทั้งนี้ ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า เมื่อจำเลยประกาศเชิญชวนผู้ชุมนุมมาร่วมชุมนุมผ่านเฟซบุ๊กและทวิตเตอร์ของกลุ่มจำเลยเอง ย่อมรู้อยู่แล้วว่า หากประกาศโพสต์เชิญชวนจะต้องมีประชาชนมาร่วมชุมนุมจำนวนมาก ดังนั้นจำเลยจึงเป็นผู้จัดการชุมนุมโดยแบ่งหน้าที่กันทำ ศาลเห็นว่าจำเลยไม่สามารถรับผิดชอบต่อการชุมนุมไม่ให้กีดขวางการสัญจรของประชาชนต่อระบบขนส่งสาธารณะ และการชุมนุมอยู่ในเขตพระราชฐานใกล้กับพระราชวังสระปทุมในระยะ 150 เมตร


พิพากษาจำคุก 4 เดือนปรับ 10,000 บาท เมื่อคำนึงถึงอายุประวัติสถานะทางสังคมความมีชื่อเสียง และมีผู้ติดตามจำนวนมาก  จำเลยไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน และการชุมนุมเป็นการแสดงออกแสดงความคิดเห็นทางการเมือง ไม่ใช่อาชญากรรมร้ายแรงเห็นควรให้รอลงอาญาเป็นเวลา 2 ปี  ส่วนกรณีที่จำเลยไม่แจ้งการชุมนุม และใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ปรับพินัย ศาลสั่งปรับ 10,000 บาท  ร่วมกันโฆษณาหรือแสดงความคิดเห็นแก่ประชาชนโดยใช้เครื่องขยายเสียง โดยไม่ได้รับอนุญาต 200 บาท รวมเป็นเงินค่าปรับ 10,200 บาท

หลังฟังคำพิพากษา นายกฤษฎางค์ นุสจรัส ทนายความ กล่าวภายหลังศาลพิพากษาว่า จำเลยยังติดใจในประเด็นเรื่องของระยะ 150 เมตรของเขตพระราชฐานว่าวัดจากจุดไหน  ซึ่งพฤติการณ์ดังกล่าว มีการเทียบเคียงกับคดีอื่น ที่มีการชุมนุมสถานที่เดียวกัน จุดเดียวกัน แต่ศาลอาญากรุงเทพฯใต้มีคำพิพากษายกฟ้องข้อหาชุมนุมใกล้เขตพระราชฐานในระยะ 150 เมตร ทั้งที่เป็นการชุมนุมจุดเดียวกัน

ส่วนประเด็นเรื่องของการไม่แจ้งการชุมนุมต่อเจ้าพนักงานเจ้าหน้าที่ ศาลแขวงจังหวัดเชียงรายเคยมีคำวินิจฉัยว่า ไม่จำเป็นต้องขออนุญาต เพียงแต่ต้องแจ้งพนักงานสอบสวน แต่หากโพสต์ผ่านสื่อโซเชียลมีเดียก็ถือว่าเจ้าหน้าที่รับรู้แล้ว ซึ่งคดีนี้ตำรวจรับรู้ตั้งแต่วันที่ 13 ธันวาคม 2562 แล้วว่ามีการชุมนุม เนื่องจากจำเลยมีการโพสต์ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ และความคิดเห็นส่วนตัวในฐานะทนายคิดว่า จำเลยควรที่จะอุทธรณ์คดี เรื่องนี้ไม่ต้องการเอาชนะ แต่ต้องการความจริง ตนเคารพคำพิพากษาศาลแต่เคารพข้อเท็จจริงมากกว่า ส่วนอัยการจะอุทธรณ์ขอให้ลงโทษสถานหนักกว่าเดิมหรือไม่ต้องถามทางอัยการ

ด้านนายพิธา บอกว่า จากการหารือกับจำเลยคนอื่น อาจจะต้องยื่นอุทธรณ์คดี เพราะมีประเด็นข้อเท็จจริงเรื่องของระยะของการชุมนุมใกล้เขตพระราชฐาน ว่าอาจจะมีความคลาดเคลื่อนของ 150 เมตร ว่าวัดจากจุดไหน เพื่อให้เป็นบรรทัดฐานกับคดีอื่นๆ พร้อมระบุว่าการที่ศาลตัดสินในลักษณะนี้ ไม่ทำให้พระก้าวไกลเสียเครดิตทางการเมือง เนื่องจากประชาชนมีความเข้าใจในข้อเท็จจริง ตนอยากโฟกัสเรื่องงาน เพราะสัปดาห์หน้าจะไปสภา อภิปรายเรื่องปัญหาการประมง

ด้านนายปิยบุตร กล่าวว่า คดีนี้มีหลายประเด็นในการยื่นอุทธรณ์ต่อ พร้อมเทียบเคียงกับคดีปิดสนามบิน มีผลกระทบกับคนจำนวนมาก และเป็นความผิดชัดเจน แต่ศาลพิจารณาสั่งปรับคนละ 20,000 บาท ส่วนคดีการชุมนุมคดีนี้ เป็นการชุมนุมใช้ระยะเวลาไม่นาน หลังเลิกชุมนุมก็มีการช่วยกันเก็บขยะ ศาลใช้ระยะเวลาอ่านคำพิพากษานานกว่าการชุมนุมดังกล่าวด้วยซ้ำ สุดท้ายถูกจำคุกถึง 4 เดือน ปรับ 20,200 บาท เป็นเหตุผลที่จะต้องอุทธรณ์คดีเพื่อให้ศาลสูงพิจารณา ส่วนเรื่องความไม่เหมาะสมของกฎหมายก็อยากจะฝากให้พรรคก้าวไกลไปพิจารณาแก้ไขในสภาต่อไป

----------------------------------------------

ขณะที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงมุมมองเกี่ยวกับพรรคก้าวไกล ที่มีคนมองว่ายิ่งยุบ พรรคยิ่งโต โดยระบุว่า คำว่ายิ่งยุบยิ่งโตเป็นวาทกรรม จะยุบแล้วโตหรือเล็ก ขึ้นอยู่กับความเป็นจริง ขออย่าคาดการณ์ดีกว่า จะยุบหรือไม่ก็ยังไม่รู้ ยุบแล้วยุบแบบไหน ยุบแล้วหมดเลยหรือไม่ มันมีหลายปัจจัย อย่าไปให้ความสำคัญมาก เอาความเป็นจริงดีกว่า


ส่วนที่มีการตั้งคณะกรรมการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตรา พ.ร.บ.นิรโทษกรรม แต่ในขณะที่ศาลรัฐธรรมนูญวางหลักเกณฑ์เกี่ยวกับเรื่องมาตรา 112 ไว้ ถือว่าเรื่องนี้ปิดประตูหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ต้องนำคำพิพากษาของศาลรัฐธรรมนูญมาดู ถ้าการพูดถึงหรือดำเนินการเรื่องนี้ เป็นเรื่องของการล้มล้างการปกครอง ก็ชัดเจนว่ามติของศาลรัฐธรรมนูญผูกพันทุกองค์กร ก็คงต้องหยิบเรื่องนี้มา แต่ก็ต้องดูในรายละเอียด


ส่วนจุดยืนของพรรคเพื่อไทย  นายภูมิธรรม ระบุว่า พรรคเพื่อไทยพูดชัดเจนเรื่องมาตรา 112 มาโดยตลอดตั้งแต่ต้น ว่าเรื่องนี้สามารถก่อให้เกิดความขัดแย้งใหม่ได้ เพราะยังมีประชาชนหลายส่วนที่เห็นแตกต่างกัน ดังนั้นจุดยืนของเพื่อไทย เรื่องใดที่ยังมีความอ่อนไหว ที่จะนำไปสู่ความขัดแย้งใหม่ และคนยังเห็นแตกต่าง ก็ควรต้องหาข้อสรุปให้ได้ก่อน ถ้ายังสรุปไม่ได้ ก็ไม่ควรหยิบยกขึ้นมา เพราะฉะนั้นพรรคเพื่อไทยจึงได้เสนอเรื่องการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยไม่แตะหมวด 1 หมวด 2 จนกว่าทุกอย่างชัดเจน



รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/CyzpIE1-IE0

คุณอาจสนใจ

Related News